คณะรัฐมนตรี มีมติ “อนุมัติหลักการ” ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... หรือ “ร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์”
และส่งให้ “สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา” ตรวจพิจารณาก่อนจะนำกลับมาให้ ครม.พิจารณาอีกครั้ง
ฟังแกนนำรัฐบาล โดยเฉพาะพลพรรคเพื่อไทย สาธยายขายฝันกาสิโน ดูราวกับเป็นยาสารพัดนึก
แก้พนันผิดกฎหมาย สร้างรายได้ ดึงการลงทุนใหม่หลายแสนล้าน สร้างการจ้างงาน ดึงดูดการท่องเที่ยว ฯลฯ
1. พรรคเพื่อไทยนำเสนอชุดข้อมูล วาดฝันผลดีด้านเศรษฐกิจของกาสิโน Entertainment Complex อย่างสวยหรู
ระบุว่า ประเทศคู่แข่งของไทย อย่าง สิงคโปร์ มาเก๊า และฟิลิปปินส์ พัฒนาการท่องเที่ยวผ่านการเปิด Entertainment Complex ที่รวมถึงกาสิโน สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกและสร้างรายได้จำนวนมากเข้าสู่ประเทศ
สำหรับไทย คาดว่ามีเงินหมุนเวียนจากการพนันผิดกฎหมายภายในประเทศหลายหมื่นล้านบาทต่อปี โดยที่ไม่ได้ถูกนำเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ
สิงคโปร์ : มีนักท่องเที่ยวกว่า 15 ล้านคน ในปี 2022 โดยกว่า 4.5 ล้านคน หรือร้อยละ 30เข้าเยี่ยมชม Entertainment Complex โดยมีรายได้จากภาษีธุรกิจ Entertainment Complexประมาณ 4.4 แสนล้านบาท ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศกว่า 300,000 ล้านบาท เกิดการจ้างงานกว่า 20,000 ตำแหน่ง
มาเก๊า : รายได้จาก Entertainment Complex สูงถึง 1.2 ล้านล้านบาทต่อปี และมีอัตราการเก็บภาษีกาสิโนในมาเก๊าสูงถึง 35% ของ GGR
ลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา : ศูนย์กลางกาสิโนที่มีชื่อเสียงระดับโลก และสร้างรายได้สูงถึง 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี มีการเก็บภาษีกาสิโนในอัตราประมาณ 10% ของ GGR (Gross Gaming Revenue) เป็นแหล่งรายได้สำคัญที่รัฐนำไปใช้ในโครงการสาธารณูปโภคต่างๆ
และยังมีตัวอย่างความสำเร็จากการทำ Entertainment Complex ในประเทศอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ที่สร้างรายได้เข้าประเทศได้อย่างมหาศาล อาทิ เวียดนาม เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย และ ฟิลิปปินส์ เป็นต้น
กรณีศึกษาาดังกล่าว พิสูจน์ให้เห็นผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจได้อย่างชัดเจน เพราะขนาดตลาดของ Entertainment Complex มีมูลค่าสูงถึง 54 ล้านล้านบาท ในปี 2022
ข้อมูลพรรคเพื่อไทย ยังระบุว่า คนไทยกว่า 3.7 ล้านคนเดินทางไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพื่อเล่นการพนัน
โดย Entertainment Complex ช่วยสร้างอาชีพทั้งในภาคบริการ โรงแรม ร้านอาหาร และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
คาดว่าจะมีการสร้างงานที่มีรายได้สูงมากกว่า 10,000 ตำแหน่ง ดึงดูดนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 5-10%ต่อปี และดูดการลงทุนขั้นต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท รวมถึงสามารถสร้างรายได้ให้กับการท่องเที่ยวถึง 119,000 - 238,000 ล้านบาท เฉพาะการสร้างรายได้ให้ภาครัฐคาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 39,000 ล้านบาท เกิดการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นต่อหัวในหมู่นักท่องเที่ยวเฉลี่ย66,000 กว่าบาท (จากเดิม 44,000 บาท ต่อคน)
ซึ่งรายได้จาก Entertainment Complex จะทำให้รัฐบาลมีรายได้จากภาษีและค่าธรรมเนียมที่สามารถนำไปใช้พัฒนาโครงกาสาธารณประโยชน์ต่างๆ เช่น การพัฒนาสาธารณูปโภค การศึกษา และการดูแลสุขภาพ
ทั้งนี้ จะมีการตั้ง “ภาษีกาสิโน” ขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อนำเข้าสู่ระบบและนำมาพัฒนาประเทศ โดยคิดจาก% รายได้ขั้นต้นจากการเล่นเกม (GGR) โดยจะเก็บ 17-20% ของ GGR
นอกจากนี้ การจัดตั้ง Entertainment Complex ในประเทศไทยไม่เพียงแต่จะเป็นการเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวและการจ้างงาน ผ่านการสร้างแหล่งท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ แต่ยังช่วยควบคุมและจัดการปัญหาการพนันที่ผิดกฎหมาย รวมถึงการฟอกเงินและอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการพนันอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสในการสร้างรายได้ที่จะนำไปพัฒนาโครงการสาธารณประโยชน์และการบำบัดผู้ติดการพนัน เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นสำหรับประชาชนไทยในอนาคต
2. การขายฝัน เป็นของคู่กันกับนักการเมือง
ถามว่า เคยขายฝันเรื่องดิจิทัล วอลเล็ตไว้อย่างไร แล้วความจริงในปัจจุบัน พายุหมุนทางเศรษฐกิจ เป็นอย่างไร?
3. กาสิโนอาจจะไม่ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อระบบเศรษฐกิจมากอย่างที่วาดฝัน
ในการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... นั้น หน่วยงานต่างๆ 18 หน่วยงาน ได้เสนอความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาของ ครม.
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ให้ความเห็นเรื่องเกี่ยวกับเศรษฐกิจไว้อย่างน่าสนใจ ระบุว่า
“1.การดำเนินธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ควรมุ่งเน้นการพัฒนาการท่องเที่ยวเพื่อสันทนาการสำหรับครอบครัวที่ประชาชนสามารถได้ประโยชน์เป็นสำคัญ โดยการดำเนินธุรกิจที่สุ่มเสี่ยง อาทิ กาสิโน ต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังและให้ความสำคัญกับการบังคับใช้กฎหมายอย่างอย่างเคร่งครัด
2.เงินจากการพนันมีลักษณะเป็น “เงินโอน (Transfer)” จะไม่ถูกนำมาคำนวณเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ เนื่องจากไม่ทำให้เกิดผลผลิต (Production)
ดังนั้น ธุรกิจกาสิโนอาจจะไม่ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อระบบเศรษฐกิจมากเท่าที่มีการคาดการณ์ไว้
3.การดำเนินธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ควรเน้นการพัฒนาพื้นที่ส่วนใหญ่ในกิจกรรมตามบัญชีแนบท้ายร่าง พ.ร.บ.ฯ เป็นลำดับแรก โดยหากมีธุรกิจกาสิโนร่วมอยู่ด้วย จะต้องเป็นพื้นที่ส่วนน้อยของการพัฒนาทั้งโครงการ
4.ธุรกิจกาสิโน เป็นธุรกิจที่มีนัยต่อการพัฒนาประเทศในหลายมิติ โดยเฉพาะผลกระทบด้านลบต่อสังคม ประกอบกับหลายภาคส่วนยังคงเห็นต่างกับแนวทางการดำเนินการ
ดังนั้น กระทรวงการคลังควรศึกษาผลประโยชน์และผลกระทบให้มีความชัดเจน และระดมความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆ ตลอดจนศึกษาทางเลือกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่อาจมีผลกระทบทางสังคมน้อยกว่า เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศในภาพรวมต่อไป”
4. ความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เสนอความเห็นประกอบการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ....
หนังสือด่วนที่สุด ที่ นร 0902/3 ลงวันที่ 8 ม.ค.2568
ระบุว่า
“สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาแล้ว มีความเห็นดังนี้
1.ตามนโยบายที่รัฐบาลแถลงต่อรัฐสภานั้น นโยบายที่เจ็ดระบุว่า รัฐบาลจะเร่งส่งเสริมการท่องเที่ยว “โดยส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ เพิ่มแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น (Man-made Destination) เช่น สวนน้ำ สวนสนุก ศูนย์การค้า สถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) นำคอนเสิร์ต เทศกาล และการแข่งขันกีฬาระดับโลกมาจัดในประเทศไทย รวมถึงส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองน่าเที่ยว เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและเม็ดเงินมหาศาลที่กระจายสู่ผู้ประกอบการภายในประเทศได้อย่างรวดเร็ว”
หากนโยบายดังกล่าวมุ่งหมายที่จะพัฒนาพื้นที่เป้าหมาย ให้เกิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น (Man-made Destination) เป็นหลัก ซึ่งเป็นไปในทำนองกับ Integrated Resort District ของประเทศญี่ปุ่น หรือรีสอร์ทขนาดใหญ่บางแห่งในเขตบริหารพิเศษมาเก๊าแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน Sunway Resort ในมาเลเซีย Marina Bay ในสิงคโปร์ เป็นต้น ซึ่งประกอบด้วยโรงแรม ศูนย์การค้า ศูนย์การแสดงเพื่อความบันเทิง ศูนย์ประชุม โดยสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เป็นเพียง “ส่วนประกอบหนึ่ง” ของแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้นดังกล่าวเท่านั้น และอาจมีสถานที่ใดที่จัดให้มีการเล่นกาสิโนด้วยก็ได้ สำนักงานฯ จึงเห็นว่าการที่ร่างกฎหมายดังกล่าว มุ่งหมายเฉพาะสถานบันเทิงครบวงจรนั้น ยังไม่สอดคล้องกับนโยบายดังกล่าวของรัฐบาล
2.หากร่างกฎหมายดังกล่าวมุ่งหมายที่จะจำกัดเฉพาะ “สถานบันเทิงครบวงวงจร” ก็ต้องกำหนดให้ชัดเจนว่า สถานบันเทิงครบวงจร คือ สิ่งใด เป็นโรงแรม เป็นสถานบริการ เป็นร้านอาหาร ฯลฯ เพราะแต่ละกิจกรรมดังกล่าวมีกฎหมายเฉพาะควบคุมอยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องมีกฎหมายในเรื่องนี้อีก เพราะจะเป็นความซ้ำซ้อน หากควรใช้มาตรการทางบริหารในการบูรณาการการทำงานของหน่วยงานที่รับผิดชอบกฎหมายเฉพาะแต่ละเรื่อง เพื่อให้การบังคับการตามกฎหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งลดระยะเวลาและขั้นตอนในการให้บริการแก่ประชาชน
3.รายงานผลการศึกษา เรื่อง ศึกษาการเปิดสถานบันเทิงหรือสันทนาการครบวงจรของสภาผู้แทนราษฎรนั้น มุ่งแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย แต่สถานบันเทิงครบวงจรในความเข้าใจของประชาชนทั่วไปนั้น หมายถึงสถานที่ที่ให้บริการกิจกรรมด้านความบันเทิงหรือสันทนาการแก่ผู้ใช้บริการได้อย่างหลากหลาย มิใช่สถานที่ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นสถานที่เล่นการพนันและสถานบันเทิงนั้น ก็มีกฎหมายว่าด้วยสถานบริการควบคุมอยู่แล้ว
ปัญหาการลักลอบเล่นพนันในสถานที่ดังกล่าว จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ และความหย่อนยานในการบังคับใช้กฎหมายของผู้บังคับใช้กฎหมายนั้น ทั้งยังผิดกฎหมายว่าด้วยการพนัน กรณีนี้จึงไม่ชัดเจนว่าร่างกฎหมายที่เสนอ ซึ่งเป็นหลักการเดียวกับผลการศึกษาดังกล่าว จะแก้ไขปัญหาการพนันผิดกฎหมายได้อย่างไร
4.หากรัฐบาลประสงค์จะแก้ไขปัญหาเรื่องการพนันผิดกฎหมาย หรือมีนโยบายที่จะจัดให้มีการเล่นการพนันที่ชอบด้วยกฎหมายในสถานบริการหรือสถานที่อื่นใด ก็สามารถดำเนินการได้ตามกฎหมายว่าด้วยการพนัน หรือแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการพนันที่ใช้บังคับมาตั้งแต่ พ.ศ.2478 (90 ปีแล้ว) เพื่อให้ทันกับกาลสมัย ซึ่งจะแก้ไขปัญหานี้ให้ตรงจุดมากกว่าการอนุญาตให้จัดตั้งและการบริหารจัดการสถานบันเทิงครบวงจร
5.โดยที่ยังไม่ชัดเจนว่าร่างกฎหมายนี้ มุ่งหมายเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ใด สำนักงานฯ จึงให้ความเห็นข้างต้นตามหลักการทำ Regulatory Impact Assessment (RIA) เท่านั้น และมีข้อเสนอแนะว่า หากจะเสนอร่างกฎหมายนี้ต่อคณะรัฐมนตรี กระทรวงการคลังต้องชี้แจงให้ชัดเจนว่า จะเป็นไปเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ใด เพื่อให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบได้อย่างชัดเจนว่า เป็นร่างกฎหมายที่ทำขึ้น เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการจะผลักดันนโยบายแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้นเป็นหลัก หรือจะเป็นไปตามข้อเสนอแนะของสภาผู้แทนราษฎร ที่มุ่งแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย เพราะมีความแตกต่างกันมาก ในการออกแบบกลไกตามกฎหมายและโครงสร้างของกฎหมาย และสมควรรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทั่วไปและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย เพื่อประกอบการพิจารณาด้วย และปรับปรุงร่างให้ตรงตามวัตถุประสงค์ดังกล่าว ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา
6.มีข้อสังเกตว่า ปัจจุบันมีการวิพากษ์วิจารณ์ร่างกฎหมายนี้ในวงกว้างอย่างสับสนว่า จะเป็นไปเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ใดตามข้อ 5 กรณีจึงสมควรที่จะสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องแก่ประชาชนเสียก่อนที่จะเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาด้วย...”
คนไทย ยังเชื่อลมปากนักการเมืองเวลาขายฝันกันอยู่อีกหรือ?
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี