วันจันทร์ ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / กวนน้ำให้ใส
กวนน้ำให้ใส

กวนน้ำให้ใส

สารส้ม
วันพุธ ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568, 02.00 น.
นั่งรถไฟฟ้าฟรี ลดฝุ่น PM2.5 คุ้ม หรือไม่คุ้ม?

ดูทั้งหมด

  •  

ที่ผ่านมา กระทรวงคมนาคมดำเนินมาตรการให้ประชาชนขึ้นรถไฟฟ้าฟรี เพื่อลดฝุ่น PM2.5

สังคมสงสัยว่า คุ้ม หรือไม่คุ้ม?


เมื่อวานนี้ ครม. พิจารณาเรื่องดังกล่าว

ได้แก่ เรื่อง มาตรการลดผลกระทบฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ระยะวิกฤต ระหว่างวันที่ 25 – 31 มกราคม 2568 ภาคการคมนาคมในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล และขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับดำเนินการตามมาตรการวงเงิน 190.43 ล้านบาท

ปรากฏข้อมูลน่าสนใจ

1. กระทรวงคมนาคมชี้แจงว่า ได้ดำเนินการมาตรการอื่นๆ ด้วย แต่ในช่วงระหว่างวันที่ 20 - 24 มกราคม 2568 ปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ทวีความรุนแรงมากขึ้นจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน จึงเห็นว่าจำเป็นต้องมีมาตรการเสริมเพิ่มเติมเพื่อลดปริมาณฝุ่นละอองดังกล่าวลงทันที และกลับมาอยู่ในระดับที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ โดยการส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งสาธารณะและลดจำนวนการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล รวมทั้งกวดขันมาตรการอื่นๆ ดังนี้

1.1 มาตรการส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งสาธารณะแทนรถยนต์ส่วนบุคคลในช่วงเวลาวิกฤต 

จากข้อมูลของกรุงเทพมหานคร พบว่า แหล่งกำเนิดฝุ่นละอองขนาดเล็กในพื้นที่กรุงเทพมหานครมาจากรถยนต์ส่วนบุคคลที่เป็นรถยนต์สันดาปภายในถึงร้อยละ 65 ดังนั้น จึงจำเป็นต้องลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล

โดยการสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนเปลี่ยนมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะ

คค. กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน จึงได้ร่วมกันดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่ให้ใช้การยกเว้นค่าบริการ เป็นแรงจูงใจให้ประชาชนงดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล เพื่อมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะระยะเวลาดำเนินมาตรการ 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 - 31 มกราคม 2568 ประกอบด้วย

- การยกเว้นค่าบริการรถโดยสารสาธารณะของ ขสมก. ประกอบด้วย รถโดยสารธรรมดา จำนวน 1,520 คัน และรถโดยสารปรับอากาศ จำนวน 1,364 คัน

- การยกเว้นค่าบริการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนของโครงการรถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคล (สายสีน้ำเงิน) สายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) สายนัคราพิพัฒน์ (สายสีเหลือง) และสายสีชมพู รถไฟชานเมืองสายนครวิถีและธานีรัถยา (สายสีแดง) และรถไฟฟ้าและรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทยและคณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยได้มีมติอนุมัติแล้ว รวมทั้งรถไฟฟ้าระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTS) และรถไฟฟ้าสายสีทอง

1.2 มาตรการคุมเข้มตรวจค่าควันดำรถโดยสารสาธารณะและรถบรรทุก 

โดยมอบหมายให้กรมการขนส่งทางบกร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจวัดค่าควันดำอย่างจริงจังและครอบคลุมพื้นพื้นที่สำคัญ

1.3 มาตรการคุมเข้มพื้นที่ก่อสร้าง 

โดยมอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่มีพื้นที่ก่อสร้างในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเข้าบริหารจัดการพื้นที่ทันทีและให้ดำเนินการตามมาตรการลดฝุ่นในพื้นที่ก่อสร้างอย่างเคร่งครัด เช่น การฉีดพรมน้ำ การทำความสะอาดล้อรถที่เข้า-ออกพื้นที่ก่อสร้าง การกวาดล้างถนนที่เปื้อนดินจากการก่อสร้าง เป็นต้น

2. กระทรวงคมนาคม ยืนยันว่า การดำเนินการดังกล่าว ได้รับประโยชน์ เช่น ช่วยลดปัญหาการจราจรและมลพิษที่เกิดจากการใช้รถใช้ถนน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลโดยผู้โดยสารเข้ามาใช้ระบบขนส่งมวลชนเพิ่มขึ้น และปริมาณการจราจรลดลง ตลอดช่วงของขสมก. และการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล ตั้งแต่วันที่ 25-31 มกราคม 2568 สรุปได้ ดังนี้

ก่อนมาตรการ มีการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลบนสายทางพิเศษ เช่น สายศรีรัช สายเฉลิมมหานคร สายกาญจนาภิเษก เป็นต้น จำนวน 11,668,280 คัน

ช่วงมาตรการ มีรถยนต์ส่วนบุคคล 11,612,088 คัน

เท่ากับว่า ลดลง 56,192 คัน

นอกจากนี้ ก่อนมาตรการ มีรถยนต์ส่วนบุคคลบนท้องถนน เช่น ถนนพระราม 4 และถนนพหลโยธิน 32,635 คัน

ช่วงมาตรการ เหลือรถยนต์ส่วนบุคคล 29,184 คัน

เท่ากับว่า ลดลง 3,451 คัน

นอกจากนี้ ยังลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชน ประหยัดเวลาในการเดินทางลดความสูญเสียเนื่องจากอุบัติเหตุทางถนน และลดการใช้พลังงานน้ำมัน

และกระตุ้นให้ประชาชนใช้ระบบขนส่งสาธารณะเพิ่มมากขึ้นซึ่งเป็นการสร้างความคุ้นเคยและแรงจูงใจให้กับประชาชนกลุ่มที่ไม่เคยใช้ระบบขนส่งสาธารณะมาก่อน ให้เข้ามาใช้ระบบขนส่งสาธารณะในระยะยาวอย่างยั่งยืนต่อไป

3. ใช้เงินเท่าไหร่?

กระทรวงคมนาคม ชี้แจงว่า มาตรการส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งสาธารณะแทนรถยนต์ส่วนบุคคลในช่วงเวลาวิกฤต เป็นการยกเว้นค่าใช้บริการระบบรถไฟฟ้าและรถโดยสารประจำทางให้ประชาชนทั้งหมดตามปริมาณผู้โดยสารที่เกิดขึ้นจริงมีค่าใช้จ่ายรวมทั้งหมด 329.73 ล้านบาท

โดยมีแหล่งที่มาจาก

(1) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นจำนวน 190.43 ล้านบาท ซึ่งสำนักงบประมาณ (สงป.) แจ้งว่านายกรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบการขอรับจัดสรรงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อดำเนินมาตรการลดผลกระทบฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ระยะวิกฤต ระหว่างวันที่ 25-31 มกราคม 2568 ของ คค. วงเงิน 190.43 ล้านบาท แล้วด้วย

และ (2) รายได้ของรัฐวิสาหกิจจำนวน 139.30 ล้านบาท

4. เท่ากับว่า การยกเว้นค่าบริการ เป็นแรงจูงใจให้ประชาชนงดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล เพื่อมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะระยะเวลาดำเนินมาตรการ 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 - 31 มกราคม 2568 นั้น มีต้นทุนค่าใช้จ่ายรวมทั้งหมด 329.73 ล้านบาท

และช่วยลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวบนท้องถนนลงไปตามข้อมูลข้างต้น

ถามว่า คุ้มค่าหรือไม่?

เห็นว่า ไม่น่าจะคุ้มค่า

เป็นมาตรการเสมือนเอาหน้าประชานิยม

ขณะที่เอกชน รถไฟฟ้าเอง ปกติเขาก็มีผู้โดยสาร มีรายได้อยู่แล้วพอมาเข้าโครงการต้องงดเก็บค่าโดยสาร เพื่อได้เงินจากรัฐ ก็เกิดปัญหาในการบริหาร การดูแลผู้โดยสารที่เป็นลูกค้าประจำอีกต่างหาก

5. ด้วยเหตุนี้เองกระมัง ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ จึงเคยท้าทายรัฐบาลไว้ว่า “รถไฟฟ้า-รถเมล์ “ฟรี” ครบ 7 วัน ถ้าคิดว่า “คุ้ม” ลุยต่อเลย!”

ดร.สามารถเคยชี้ว่า มาตรการ “รถไฟฟ้า-รถเมล์” ฟรี 7 วัน สู้ฝุ่นพิษ PM2.5 ผ่านพ้นไปแล้ว ปรากฏว่า รถไฟฟ้าบางสายแทบทะลัก ผู้โดยสารแน่นจริงๆ

“...อยากให้รัฐเร่งประเมินผล ถ้า “คุ้ม” กับเงินชดเชยที่รัฐต้องจ่ายแทนผู้ใช้บริการ ก็ให้พี่น้องประชาชนใช้บริการฟรีต่อไปเลย แต่อย่านำ “เงินภาษีของคนทั้งประเทศ” มาชดเชย!

ผมได้เปรียบเทียบปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้าในช่วงให้บริการฟรี 7 วัน ระหว่างวันที่ 25-31 มกราคม 2568 กับช่วงก่อนให้บริการฟรี 7 วัน ระหว่างวันที่ 18-24 มกราคม 2568 พบว่า มีผู้โดยสารรถไฟฟ้าทุกสาย ทุกสีจากทั้งหมด 8 สาย 8 สีเพิ่มขึ้นรวมประมาณ 4.06 ล้านเที่ยว คิดเป็น 38%

ในส่วนของเงินชดเชยให้เอกชนผู้ประกอบการรถไฟฟ้า ทุกสาย ทุกสี รวมทั้งผู้ประกอบรถเมล์ (ขสมก.)นั้น ครั้งแรกบอกว่าจะใช้เงินประมาณ 140 ล้านบาท ต่อมาเพิ่มเป็น 329 ล้านบาท ล่าสุดลดลงเหลือ 190 ล้านบาท

ในความเห็นของผม เงินชดเชยไม่ได้ลดลงเหลือ 190 ล้านบาท ยังคงเป็น 329 ล้านบาทเท่าเดิม

แต่รัฐจะใช้เงินของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ซึ่งเป็นเงินสะสมจากส่วนแบ่งรายได้ค่าโดยสาร มาช่วยชดเชยจำนวน 139 ล้านบาท เป็นผลให้ต้องใช้ภาษีของคนทั้งประเทศมาชดเชยจำนวน 190 ล้านบาท

ผู้รับผิดชอบเคยให้สัมภาษณ์ว่าเมื่อใช้มาตรการนี้ครบ 7 วันแล้วจะประเมินผลส่วนจะต่อมาตรการนี้อีกหรือไม่ ขอให้รอผลการประเมินก่อน

ผมอยากให้รัฐเร่งประเมินผลการใช้มาตรการนี้ว่า สามารถทำให้การใช้รถยนต์ส่วนบุคคลในหลากหลายพื้นที่ลดลงเท่าใด? มีผลช่วยให้ลด PM2.5 ในแต่ละพื้นที่ลดลงได้เท่าใด? คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์

อนึ่ง ในช่วง 7 วัน ที่ใช้มาตรการนี้ ผมได้เดินทางผ่านหลายพื้นที่ที่มีรถไฟฟ้า พบว่าบนถนนหลายสาย รถก็ยังคงติดอย่างหนัก!

แต่อย่างไรก็ตาม ถ้ารัฐประเมินแล้วเห็นว่าการให้พี่น้องประชาชนใช้รถไฟฟ้าและรถเมล์ฟรีมีผลให้การใช้รถยนต์ส่วนบุคคลลดลงอย่างมีนัยสำคัญ คุ้มกับเงินชดเชย ก็ควรพิจารณาใช้มาตรการนี้ต่อไป แต่ผมมีเงื่อนไข 2 ข้อ ดังนี้

(1) ไม่นำเงิน “ภาษีของคนทั้งประเทศ” มาชดเชยให้ผู้ประกอบการรถไฟฟ้าและผู้ประกอบการรถเมล์ ขสมก.

(2) ใช้หลักเกณฑ์เดิมในการคำนวณค่าชดเชยตามที่รัฐได้ใช้คำนวณในช่วงการให้บริการฟรีระหว่างวันที่ 25-31 มกราคม 2568 นั่นคือไม่ชดเชยค่าโดยสารในส่วน “ผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น” ซึ่งมีผลมาจากการให้บริการฟรี โดยชดเชยให้เฉพาะจำนวนผู้โดยสารที่เคยใช้บริการเดิมเท่านั้น”

โดยสรุป ดูท่าแล้ว ไม่คุ้ม อย่าฝืน

ถ้ารัฐบาลฝืน แสดงว่า ไม่ใช่รัฐบาลที่มีสติปัญญา หรือทำเพื่อประชาชนจริงๆ

สารส้ม

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
12:03 น. รัฐบาลเตือนคนไทยอย่าเป็นนิมินีต่างชาติ ฝ่าฝืนมีโทษทั้งจำทั้งปรับ
12:00 น. ยังรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น'ใบเตย'เปิดใจโรคซึมเศร้ารุมเร้า'ดีเจแมน'ให้กำลังใจ
11:55 น. 80แต่ยังไหว! ‘มูเซเวนี’ลั่นพร้อมลงชิงเก้าอี้ปธน.‘ยูกันดา’อีกสมัย หากชนะจะครองอำนาจยาว4ทศวรรษ
11:55 น. กระตุก‘รมว.วัฒนธรรม’ ปมคืนโบราณวัตถุให้เขมร อย่าโยงประเด็นการเมือง
11:49 น. โรงเรียนปิยมาส สืบสานพระราชปณิธาน'ในหลวงรัชกาลที่ ๙' ชวนนักเรียนลงแขกดำนา
ดูทั้งหมด
ปิดตำนาน156ปี! 'กษัตริย์ชาร์ลส์'ประกาศปลดระวาง'รถไฟหลวง' สมาชิกราชวงศ์ไปใช้รถไฟปกติแทน
หมอดังเผยเคยไม่เข้าใจ 'เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์' ทรงงานแม้พระอาการประชวร ก่อนป่วยมะเร็งเองจึงซึ้งพระทัย
บิ๊กเนม'ปชป.'ร่วมวงเพียบ!! 'คุณหญิงกัลยา'ตั้ง'พรรคไทยก้าวใหม่' พร้อมตั้ง'สุชัชวีร์'นั่งหัวหน้าฯ
'เท้ง'แย่แล้ว!! เจอขบวนรถทัวร์แห่คอมเมนต์แจกพยัญชนะไทยฉ่ำ!!
ชวนให้คิด! 'หมอพรทิพย์'โพสต์ 'นายกฯตระกูลชิน'กับระบบการเมืองไทย
ดูทั้งหมด
นักการเมิอง มนุษย์ประเภทไหน
ทางออกที่ไม่มีใครได้อะไรเต็ม 100% แต่ประเทศชาติไม่ตกหุบเหววิกฤต
บุคคลแนวหน้า : 7 กรกฎาคม 2568
บทบรรณาธิการ 7 กรกฎาคม 2568
งกครองโลก (2)
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

รัฐบาลเตือนคนไทยอย่าเป็นนิมินีต่างชาติ ฝ่าฝืนมีโทษทั้งจำทั้งปรับ

กระตุก‘รมว.วัฒนธรรม’ ปมคืนโบราณวัตถุให้เขมร อย่าโยงประเด็นการเมือง

80แต่ยังไหว! ‘มูเซเวนี’ลั่นพร้อมลงชิงเก้าอี้ปธน.‘ยูกันดา’อีกสมัย หากชนะจะครองอำนาจยาว4ทศวรรษ

‘ชูศักดิ์’รับหารืออำนาจ‘รักษาการนายกฯ’จริง โยนถามเลขากฤษฎีกาปมยุบสภา-ตั้งรมต.ใหม่

'อิ๊งค์'ยิ้มแย้ม เข้าทำเนียบ ร่วมประชุมคกก.จัดงานเฉลิมพระเกียรติ ในฐานะ รมว.วธ.

ศาลฎีกาสั่งคุกตลอดชีวิต! มือวางระเบิดใกล้ศาลทวดสะบ้าย้อย ปี63

  • Breaking News
  • รัฐบาลเตือนคนไทยอย่าเป็นนิมินีต่างชาติ ฝ่าฝืนมีโทษทั้งจำทั้งปรับ รัฐบาลเตือนคนไทยอย่าเป็นนิมินีต่างชาติ ฝ่าฝืนมีโทษทั้งจำทั้งปรับ
  • ยังรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น\'ใบเตย\'เปิดใจโรคซึมเศร้ารุมเร้า\'ดีเจแมน\'ให้กำลังใจ ยังรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น'ใบเตย'เปิดใจโรคซึมเศร้ารุมเร้า'ดีเจแมน'ให้กำลังใจ
  • 80แต่ยังไหว! ‘มูเซเวนี’ลั่นพร้อมลงชิงเก้าอี้ปธน.‘ยูกันดา’อีกสมัย หากชนะจะครองอำนาจยาว4ทศวรรษ 80แต่ยังไหว! ‘มูเซเวนี’ลั่นพร้อมลงชิงเก้าอี้ปธน.‘ยูกันดา’อีกสมัย หากชนะจะครองอำนาจยาว4ทศวรรษ
  • กระตุก‘รมว.วัฒนธรรม’ ปมคืนโบราณวัตถุให้เขมร อย่าโยงประเด็นการเมือง กระตุก‘รมว.วัฒนธรรม’ ปมคืนโบราณวัตถุให้เขมร อย่าโยงประเด็นการเมือง
  • โรงเรียนปิยมาส สืบสานพระราชปณิธาน\'ในหลวงรัชกาลที่ ๙\' ชวนนักเรียนลงแขกดำนา โรงเรียนปิยมาส สืบสานพระราชปณิธาน'ในหลวงรัชกาลที่ ๙' ชวนนักเรียนลงแขกดำนา
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

พายุใหญ่เศรษฐกิจไทย กัปตันอนุบาล บริวารไร้ฝีมือ

พายุใหญ่เศรษฐกิจไทย กัปตันอนุบาล บริวารไร้ฝีมือ

7 ก.ค. 2568

ตายยกรัง? เจตนาเล็งเห็นผล บิดเบือนหลบเลี่ยงรัฐธรรมนูญ

ตายยกรัง? เจตนาเล็งเห็นผล บิดเบือนหลบเลี่ยงรัฐธรรมนูญ

4 ก.ค. 2568

เดือน ก.ค. อำนาจตุลาการพิทักษ์แผ่นดิน

เดือน ก.ค. อำนาจตุลาการพิทักษ์แผ่นดิน

3 ก.ค. 2568

อุ๊งอิ๊งค์ 2  ปรับ ครม. ฟอร์มาลีน

อุ๊งอิ๊งค์ 2 ปรับ ครม. ฟอร์มาลีน

2 ก.ค. 2568

ถ้าไม่มีนายกฯอุ๊งอิ๊งค์  ประเทศไทยดีกว่านี้

ถ้าไม่มีนายกฯอุ๊งอิ๊งค์ ประเทศไทยดีกว่านี้

1 ก.ค. 2568

ชูวิทย์ กลับมาเพื่อใคร? ฮุนเซน(และทักษิณ) ต้องการอะไร ที่ประเทศไทยให้ไม่ได้?

ชูวิทย์ กลับมาเพื่อใคร? ฮุนเซน(และทักษิณ) ต้องการอะไร ที่ประเทศไทยให้ไม่ได้?

30 มิ.ย. 2568

ถ้าอุ๊งอิ๊งค์ไม่อยู่  ประเทศชาติก็ไม่เสียหาย

ถ้าอุ๊งอิ๊งค์ไม่อยู่ ประเทศชาติก็ไม่เสียหาย

27 มิ.ย. 2568

ดันก.ม.นิรโทษกรรมแบบใด?

ดันก.ม.นิรโทษกรรมแบบใด?

26 มิ.ย. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved