วันจันทร์ ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
1.“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “พรรคการเมืองไทย พรรคใดได้เปรียบ”
สำรวจระหว่างวันที่ 19-21 พฤศจิกายน 2568
พบว่า “พรรคภูมิใจไทย” ถือเป็นพรรคที่มีความได้เปรียบมากที่สุดถึง 8 ข้อ
โดยเฉพาะด้านความพร้อมที่จะเป็นรัฐบาล ร้อยละ 41.36
ความพร้อมด้านทรัพยากร หรือทุน ร้อยละ 40.80
และความสามารถในการทำงานทางการเมือง ร้อยละ 35.79
2.ผลสำรวจดังกล่าว พบว่า “พรรคประชาชน” พรรคส้ม มีความได้เปรียบเรื่องความทันสมัย ร้อยละ 50.06
รองลงมาคือ ความสามารถในการตรวจสอบ ร้อยละ 41.69
และความสามารถในการสื่อสาร ร้อยละ 34.39
3.ผลสำรวจเดียวกัน ยังพบว่า “พรรคเพื่อไทย” ได้เปรียบเพียงข้อเดียว คือ ประสบการณ์ทางการเมือง ร้อยละ 29.88
4.ด้านประเด็นความซื่อสัตย์สุจริต ประชาชนยังไม่แน่ใจว่าพรรคใดมีความโดดเด่น ร้อยละ 22.52
5.สุดท้าย เมื่อถามว่าหากมีการเลือกตั้ง ณ วันนี้ พรรคการเมืองที่จะได้รับเลือกแบบบัญชีรายชื่อมากที่สุด คือ
พรรคประชาชนมากที่สุด ร้อยละ 26.25
รองลงมาคือพรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 22.02
และพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 12.54
6.ดร.พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า คะแนนนิยมของพรรคภูมิใจไทย ขยับขึ้นอย่างก้าวกระโดด
โดยประชาชนมองว่ามีศักยภาพเชิงโครงสร้างในการทำงาน
หากมีการยุบสภาเร็วกว่ากำหนด ทิศทางการแข่งขันน่าจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการแปลงภาพลักษณ์และศักยภาพที่มีให้เป็นความเชื่อมั่น เพื่อตัดสินใจในวันเลือกตั้ง
นอกจากนี้ ผศ.มนตรี พานิชยานุวัฒน์ หัวหน้าศูนย์พัฒนาเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการด้านกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต วิเคราะห์ว่า ผลโพลครั้งนี้ สะท้อนภาพรวมที่น่าสนใจของการแข่งขันทางการเมืองไทยในปัจจุบัน โดยพบว่า พรรคภูมิใจไทยยังคงครองความได้เปรียบในหลายมิติทั้งความพร้อมในการเป็นรัฐบาล การมีทรัพยากรเพียงพอ และศักยภาพด้านการทำงานทางการเมืองและในทางสภา ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยสำคัญต่อเสถียรภาพของพรรคการเมืองในระยะยาว
ส่วนพรรคประชาชนมีภาพลักษณ์ยุคใหม่ เช่น ความทันสมัย ความสามารถในการสื่อสาร และศักยภาพด้านการตรวจสอบ
ขณะที่พรรคเพื่อไทย แม้จะยังมีความได้เปรียบด้านประสบการณ์ทางการเมือง แต่กลับไม่สามารถครองความโดดเด่นในประเด็นอื่นๆ ได้อย่างชัดเจน
7.Thailand FACT Today มองปรากฏการณ์รัฐมนตรีคนนอกฟีเวอร์ไว้อย่างน่าสนใจ
ระบุว่า
“ความไม่สิ้นหวัง
ว่าด้วยเรื่อง “ยุบสภาก่อน 31 มกราคม”…
ถ้ามันเกิดขึ้นจริง
มันไม่ใช่เรื่องว่าใครหนีซักฟอก แต่มันเป็นไฟท์บังคับของรัฐบาล ที่ปฏิบัติตามคำมั่น จนกลายเป็น “เสียงข้างน้อย”
แน่นอน เมื่อฝ่ายหนึ่งเล่นการเมือง
อีกฝ่าย ก็ต้องแก้เกม
และการยุบสภาเร็วกว่ากำหนด คือ คำตอบ
และเมื่อวันนั้นมาถึง
.jpg)
.jpg)
.jpg)
สิ่งหนึ่งที่คนไทยจะย้อนมองกลับไปพร้อมกันคือ
ในเวลาเพียง 2 เดือน รัฐบาลชุดนี้ทำให้เราได้เห็น “ความเป็นไปได้ใหม่ๆ” ของการเมืองไทย
เราได้เห็นว่า...
** ถ้านักการเมือง “เอาจริง” เขาก็เลือกคนเก่งมาเป็นรัฐมนตรีได้เหมือนกัน **
เอกนิติ-สีหศักดิ์-ศุภจี
คือหลักฐานว่า ประเทศไทย “ไม่เคยขาดคนเก่ง”
เราแค่ไม่เคยมีรัฐบาลที่กล้าเลือกพวกเขาเข้ามาทำงานจริงจังแบบนี้มาก่อน
รัฐบาลนี้ทำให้เราเห็นว่า-
เราสามารถมีนายกฯ ที่คิดเองเป็น ทำงานเองได้ และสง่าผ่าเผยบนเวทีโลกอย่างแท้จริง
ที่ผ่านมา เราเคยเชื่อว่าเมื่อมีอำนาจ นักการเมืองก็จะดึงแต่พวกพ้อง เครือญาติ หรือกลุ่มผลประโยชน์
เข้ามานั่งเก้าอี้หลักๆ ของประเทศ
ทำบ้าง-ไม่ทำบ้าง
สนแต่ผลประโยชน์เฉพาะหน้า
ปล่อยความหวังของคนไทยให้ร่วงลงพื้น
แต่รัฐบาลชุดปัจจุบันทำให้เห็นแล้วว่า-
ภาพนั้น “ไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนั้นเสมอไป”
มันยังมีหนทางให้คนเก่ง คนดี ได้ลุกขึ้นมาช่วยบ้านเมือง
และทำให้ประชาชนรู้สึกว่า “ประเทศนี้ยังไปต่อได้”
เราคุ้นชินกับนายกฯ ที่เดินทางต่างประเทศแบบพิธีกรรม
ไปถึงก็จับมือ-ถ่ายรูป-กลับบ้าน
ผลลัพธ์คือ 0
แต่รัฐบาลนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า-
ถ้าทำเป็น...การไปต่างประเทศ คือการเปิดตลาดไทยระดับโลก
คือการขายสินค้าไทยแบบ Professional
คือการยืนอย่างมีศักดิ์ศรีบนเวทีการค้าและการทูต
และมันต้องใช้ ประสบการณ์ และ ความกล้า ในแบบที่ผู้นำไม่กี่คนทำได้
ใครจะคิดว่าเราจะมีผู้นำที่ “กล้าขอ” ผู้นำจีนซื้อข้าวจากไทยตรงๆ
หรือมีนายกฯ ที่กล้าบอกสหรัฐว่า
“ขอบคุณ...แต่อย่ามายุ่งเรื่องภายในของเรา”
จนมหาอำนาจต้อง “เป็นฝ่ายโทรหาไทย”
และในเวลาเดียวกัน ไทยก็ยังได้ต่อรองภาษีในแบบที่ต้องการ-
นี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดาเลย
ชายแดน-การทูต-การค้า
ไทยยืนหลักการชัดเจน
“อีกฝ่ายไม่ทำตามปฏิญญา เราก็ระงับ”
แต่ไทยไม่เสียอำนาจต่อรอง
ไม่เสียผลประโยชน์
และไม่เสียศักดิ์ศรี
พร้อมกันนั้น เราก็มีรัฐมนตรีพาณิชย์ที่ทำงานเชิงรุก เปิดตลาดทุกทิศ
เจรจากับต่างประเทศ เพื่อสร้างทางเลือกใหม่ให้การค้าไทยในอนาคต
ไม่ปล่อยให้ประเทศรอให้สถานการณ์บีบจนจนมุม
และเรายังได้เห็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ที่มาพร้อมนโยบาย “ง่าย-ตรง-ได้ผลจริง”
ต่างจากอดีตรัฐบาลที่ประกาศโครงการใหญ่โต แต่ทำไม่ได้จริง
วันนี้เรากลับเห็นมาตรการที่ “เงินถึงมือประชาชนจริง”
และเศรษฐกิจเดินหน้าแบบจับต้องได้
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพียง ไม่กี่เดือน
เพราะฉะนั้น...
ถ้ายุบสภาก่อน 31 มกราคมจริง
อย่างน้อยที่สุด-
รัฐบาลชุดนี้ได้พิสูจน์ให้คนไทยเห็นแล้วว่า ประเทศนี้...ยังไม่สิ้นหวัง
และถ้าเราได้เดินต่อบนเส้นทางนี้จริงๆ
ประเทศไทย…
จะกลับมายืนตรงอย่างสง่างามได้อีกครั้ง”
8.ถ้าพรรคฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ แน่นอนนายกฯ จะต้องยุบสภาทันที เพราะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย
ต่อให้ฝ่ายค้านอภิปรายห่วยแค่ไหน ข้อมูลแย่แค่ไหน จำนวนเสียงในมือก็มากกว่ารัฐบาล
ลำพังประเด็นการชี้แจงโต้ตอบ ไม่น่าจะมีปัญหา ดังปรากฏว่า นายกฯ ท้าให้ขอเปิดอภิปรายทั่วไปได้เลย รัฐบาลพร้อมรับฟัง และตอบทุกประเด็นในสภา
แต่พรรคเพื่อไทย และพรรคส้ม พร้อมสำหรับการยุบสภาแน่หรือ?
แก้รัฐธรรมนูญปิดฉากทันที
กฎหมายนิรโทษกรรมในชั้น สว. ถ้าคว่ำ ก็ตกไป แกนนำเสื้อแดง บิดา สส. เพื่อไทยบางคน แกนนำสามนิ้ว (คดีที่ไม่ใช่ 112 และคดีทุจริต) ก็จะอดได้รับนิรโทษกรรมไปกันหมด ฯลฯ
เลือกตั้งใหม่ ฝ่ายค้านอยู่ในสถานการณ์ไม่ใช่ว่าจะได้เปรียบ
กระแสส้มก็ยังตกต่ำ เพราะถูกแหกวาทกรรมด้วยปรากฏการณ์ลุงแม่ทัพ ฯลฯ
ฟันธงว่า ฝ่ายค้านได้แต่ยั่ว แหย่ แต่ไม่กล้าบีบให้นายกฯ ยุบสภาก่อนไทม์ไลน์เดิมจริงๆ
ถ้ายุบก่อน รีบไปเลือกตั้งเลย ตอนนี้ คือ ขุดหลุมฝังเพื่อไทยและทักษิณ ตายสนิท
สารส้ม

ผอ.สจป.4 (ตาก) ร่วมตรวจยึดไม้ประดู่แปรรูป ของกลาง 32 แผ่น
หนักสุดรอบ 300 ปี ฝนถล่ม'หาดใหญ่' กรมชลฯเร่งระบายน้ำเต็มสูบ
ได้ใช้ยามจำเป็น! รพ.ปัตตานีนำรถบรรทุก 6 ล้อช่วยรับ-ส่งปชช.จากน้ำท่วมหาดใหญ่กลับปัตตานี
นายกฯ เยี่ยมประชาชนที่ศูนย์พักพิง ทำอาหารให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วม (มีคลิป)
แกนนำภท. สยบลือ'สนธยา-สุชาติ'ถกเครียดแย่งเขต1 ชี้ 10 เขต ชลบุรี จบลงตัวแล้ว

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี