ข่าวปรับครม.ในทิศทางว่า เพื่อไทยจะถีบพรรคร่วมบางพรรคออกไปมั่ง หรือจะเรียกกระทรวงมหาดไทย-แรงงาน คืนมาจากพรรคภูมิใจไทยมั่ง
นี่คือ ข่าวที่ถูกโยนออกมาตั้งแต่ต้นปี 2568 แล้ว
ลองย้อนไปดูข่าวเก่า ก็จะเห็นบางสำนักข่าวที่ช่วยกระพือเชียร์อำนาจทักษิณ อำนาจเพื่อไทย กระพือข่าวนี้ ราวกับว่าทักหษิณและเพื่อไทยใหญ่โตจนไม่ต้องง้อใคร ไม่ต้องฟังเสียงใคร ไม่ต้องสนใจพรรคร่วม
แต่ความจริงที่ปรากฏแล้ว ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
นั่นเพราะทักษิณและเพื่อไทยไม่ได้ยิ่งใหญ่ล้นฟ้า แบบที่พยายามจะโหมกระพือกันนั่นเอง
ตรงกันข้าม ยี่ห้อทักษิณในเวลานี้ มีแต่สาละวันเตี้ยลง ไม่เหมือนราคาคุยโม้ แถมยังต้องพึ่งพาเสียงและฐานอำนาจจากพรรคร่วม เพื่อให้สามารถรักษาสถานะความเป็นรัฐบาลต่อไปได้ด้วยซ้ำ
จะเห็นว่า ในที่สุด ก็ต้องยอมถอย ยอมรับฟังพรรคร่วม ยอมประนีประนอมในหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร พ.ร.บ.นิรโทษกรรม หรือการแก้รัฐธรรมนูญ ฯลฯ
1. การปรับคณะรัฐมนตรี มีโอกาสเกิดขึ้นแน่ๆ
แต่ไม่น่าจะเป็นในทิศทางตามกระแสข่าวที่ปล่อยเพื่อข่มขู่ ดิสเครดิตพรรคร่วม
น่าจะเป็นการปรับภายในสัดส่วนแต่ละพรรครัฐบาลนั่นเอง อาจจะสับเปลี่ยนตัวบุคคล
โดยเฉพาะกระทรวงเศรษฐกิจที่พรรคเพื่อไทยดูแลอยู่ เพื่อให้เกิดความสดใหม่ หรือลดกระแสความสิ้นหวังในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล
2. ลองคิดบนพื้นฐานอำนาจต่อรองทางการเมืองในรัฐบาลปัจจุบัน
ปัจจุบัน รัฐบาลเพื่อไทย มี สส. 322 เสียง
ภูมิใจไทย 69 เสียง (ไม่นับเมืองคอนเขต 8 และไม่นับนายเอกราช)
ถ้าไม่มีภูมิใจไทยร่วมรัฐบาล เสียง สส.รัฐบาลจะเหลือแค่ 253 เสียง
สภาผู้แทนราษฎรปัจจุบัน มี 493 เสียง กึ่งหนึ่งคือ 247 เสียง
เท่ากับว่า รัฐบาลจะมีเสียง สส. เกินกึ่งหนึ่ง แค่ 6 เสียง
ลองคิดว่า สส.ปชป. 4 คน ที่พร้อมโหวตสวนรัฐบาลเพื่อไทย (ท่านชวน บัญญัติ จุรินทร์สรรเพชญ)
เสี่ยงที่จะมีเสียงหายไปในบางเรื่องอีก จะเหลือแค่ 249 เสียง
เกินกึ่งหนึ่งแค่ 2 เสียง
ถ้าหักเสียงประธานวันนอร์ และเสียง ร.ต.อ.เฉลิม ออกไป ก็จะเหลือมือ สส.ในสภาที่พร้อมชูสนับสนุนรัฐบาลแค่ 247 คน ในทางปฏิบัติแทบจะไม่รอดเลย
ต่อให้ไปดูดเอา สส.ไทยสร้างไทย มาอีก 5 คน ก็ยังปริ่มน้ำ
ประการสำคัญ เชิงยุทธศาสตร์การเมืองในพรรคร่วมเอง หากไม่มีพรรคภูมิใจไทยแล้ว บรรดาพรรคการเมืองอื่น จะมีอำนาจต่อรอง ขู่เข็ญพรรคเพื่อไทยได้อย่างเต็มที่ เพราะเสียงเหลือปริ่มน้ำนั่นเอง
ต่อไป ขาดเสียงพรรคไหนไม่ได้เลย ไม่ว่าจะกล้าธรรม ประชาธิปัตย์ รวมไทยสร้างชาติชาติไทยพัฒนา ประชาชาติ ฯลฯ ก็ต้องตกเป็นเบี้ยล่างพรรคร่วมที่เหลือทุกพรรค
หากขาดภูมิใจไทย รัฐบาลเพื่อไทยก็จะเหมือนขาดสลักนิรภัยจากพรรคร่วมอื่นๆ ไปทันที
และประการสำคัญ เครือข่ายการเมือง “สีน้ำเงิน” ในองค์กรต่างๆ เช่น สว.สีน้ำเงิน เป็นต้น
การทำงานของรัฐบาลเพื่อไทย จะเผชิญกับศึกในพรรคร่วมรัฐบาลที่เหลืออยู่ และศึกนอกอย่างภูมิใจไทยกับเครือข่ายสีน้ำเงิน ทั้งในและนอกสภาทันที
กฎหมายสำคัญยากจะผ่านวุฒิสภา หรือแม้แต่รัฐสภา
หากกฎหมายงบประมาณไม่ผ่าน นอกจากรัฐบาลถึงจุดจบแล้ว ประเทศชาติก็จะเสียหายไปด้วย
เมื่อคิดบนพื้นฐานข้อจำกัดทางการเมืองตามสภาพความเป็นจริงดังกล่าวแล้ว เห็นว่า ยากที่จะปรับพรรคร่วมอย่างพรรคภูมิใจไทย ออกจากรัฐบาล หรือริบเก้าอี้กระทรวงสำคัญ โดยไม่ได้รับความยินยอมพร้อมใจจากพรรคภูมิใจไทย
รัฐบาลพรรคเพื่อไทยอาจขาดภูมิใจไทยได้ แต่ก็จะเหมือนยืนซาก รอวันตาย
3. จากความจริงทางการเมืองที่เป็นอยู่ หากจะมีการปรับ ครม. ก็ต้องเป็นไปตามสภาพ คือ ปรับในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทย
และใช้วิธี “บริหารความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วม” เหมือนที่นายทักษิณชินวัตร ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน
ซึ่งในความเป็นจริง การรับฟังกันและกัน ปรับจูนการทำงาน มิให้สุดโต่งไปตามความต้องการของทักษิณ หลายๆ เรื่องกลับเป็นผลดีต่อประเทศชาติ
ยิ่งขณะนี้ ประเทศเผชิญกับวิกฤตระดับโลก เราควรใช้กระสุนอย่างแม่นยำ เข้าเป้า มิใช่แจกหว่านหวังหาเสียงแบบที่ทำมา
พรรคร่วมรัฐบาลควรร่วมมือกันทำงานอย่างเป็นเอกภาพ เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศชาติให้อยู่รอดในภาวะวิกฤตโลก ถ้าไม่ไหว ไม่ควรอยู่เป็นตัวถ่วงประเทศชาติ
4. นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ แสดงความเห็นต่อข่าวที่ว่า... นายพิชัย รองนายก
และรมว.คลัง กล่าวว่า เมื่อการค้าโลกหดตัว ภาคส่งออกของไทยจะมีปัญหาใหญ่ ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำแน่ๆ รัฐบาลก็ต้องเตรียมตัวลงทุนโครงสร้างพื้นฐานช่วยตัวเอง ลงทุนให้เกิดการจ้างงานในประเทศ ... ส่วนตัวก็มองว่าลงทุนโครงการบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตรถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ควรลงทุน ซึ่งมีการพูดกันมานานแต่ก็ยังไม่เกิดขึ้น ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างโครงการดิจิทัล วอลเล็ต (แจกเงิน 10,000) ก็ต้องทบทวนใหม่ เนื่องจากสถานการณ์เปลี่ยนไป...
นายธีระชัย ระบุว่า “ผมคิดว่า ท่านควรทบทวนตัวเองมากกว่า เพราะผมเตือนมาหลายครั้ง เตือนมานานแล้ว จนนับไม่ถ้วน ว่าประเทศกำลังจะเผชิญพายุสมบูรณ์แบบ
แต่ท่านก็ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่ได้คิดเตรียมเผื่อล่วงหน้าไว้เลย
กลับเดินหน้า ยิงกระสุนการคลัง ยิงทิ้งยิงขว้าง จนบัดนี้จำเป็นต้องยกระดับหนี้สาธารณะ
กลับเดินหน้า แจกเงินหมื่น ทั้งที่ไม่ได้ผลกระตุ้นเศรษฐกิจจริงจัง ทั้งที่มีผลเพิ่มหนี้สาธารณะ ทั้งที่มีคนทักท้วงมากมาย
กลับเดินหน้า เสนอกฎหมายกาสิโน ที่ไม่เร่งด่วน ขายฝันลมแล้ง แต่กลับจะทำให้ขบวนการฟอกเงินและการติดสินบนตรวจสอบยากขึ้น
มาถึงวันนี้ ประเทศชาติและประชาชนกำลังจะเดือดร้อนหนัก แต่ทีมเศรษฐกิจสองนายกรัฐมนตรี ไม่รู้เรื่องรู้ราวเอาเสียเลย
ขอแนะนำให้ท่านทบทวนตัวเองและทีมงานเป็นการด่วน” - นายธีระชัยภูวนาถนรานุบาล กล่าว
5. มุมมองหมอดู และโหร
นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ หรือ “โหรวารินทร์” ประธานมูลนิธิอาจารย์วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ และประธานมูลนิธิข่วงพระเจ้าล้านนา เป็นประธานในการประกอบพิธีบูชาบวงสรวงองค์บูรพมหากษัตริย์ล้านนาไทย และพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ ตลอดจนถึงการบูชาทวยเทพเทวา 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน ในงานพิธีสมโภชเชียงใหม่ 729 ปี เพื่อให้ชาวเชียงใหม่และชาวไทยทุกคนมีความสุข สงบ ร่มเย็นตลอดจนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
นายวารินทร์ เปิดเผยหลังเสร็จพิธีว่า การประกอบพิธีในครั้งนี้ได้รับมอบหมายจากจังหวัดเชียงใหม่ ให้นำประกอบพิธีให้พ้นภัยพิบัติจากธรรมชาติ และภัยเศรษฐกิจที่กระทบทั่วโลก ร่วมทั้งประเทศไทยด้วย
“...ขอให้คนไทยเราน้อมนำแนวเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้
ขอฝากถึงผู้มีอำนาจอย่าใช้ประชานิยมให้มาก เพราะมีตัวอย่างให้เห็นแล้วอย่างเช่นประเทศเวเนซุเอลา ที่ต้องล่มสลายเพราะประชานิยม โดยทุนทรัพย์ของเรามีเพียงพอแล้ว เราอย่าไปขายหรือเพื่อแจกจ่าย หรือนำไปทำอะไรโดยที่ทรัพย์สินของเรานั้น เป็นทรัพย์สินของประชาชนคนทั้งชาติ คนทั้งแผ่นดิน เราควรช่วยกันดูแลรักษาไว้ ให้เพิ่มพูน ให้พอกพูน เพื่อที่จะประคองประเทศชาติบ้านเมืองของเราให้เดินหน้าก้าวต่อไปสู่ในแดนศิวิไลซ์
…การเมืองหลังจากนี้จะไม่มีความรุนแรง แต่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองแน่นอน หลังเดือนพฤษภาคมนี้ โดยเริ่มเห็นเค้าโครงต่างๆ แล้วว่า ผู้ใดที่มีหน้าที่ แต่ใครมาทำหน้าที่ที่แท้จริง เราก็รู้อยู่เป็นใคร ในนิตินัยเรายอมรับได้ แต่ในพฤตินัยเป็นใคร เราย่อมรู้ดี แต่ต่อไปในภายหน้า ก็จะมีผู้ที่มีหน้าที่มาดูแล และอาจจะมีผู้ที่มีหน้าที่บางท่านบางคนหลงเหลืออยู่ จะมีการรีเทิร์นกลับมาก็ได้
ส่วนปัญหาภัยพิบัติต่างๆ จากธรรมชาตินั้น จากนี้ไปจะไม่รุนแรงแล้ว โดยอาจจะมีบ้าง เพียงเล็กๆ น้อยๆ เพราะที่รุนแรงได้ผ่านไปแล้ว…”
ขณะที่ ดร.ภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ เปิดเผยถึงมุมมองต่อดวงบ้านเมืองปี 2568 ว่า อุปราคาจะเกิดขึ้นอีกครั้งในช่วงวันที่ 5 พ.ค.2568 ทำให้ดวงดาวย้ายราศี โดยเฉพาะพระราหู ซึ่งเกี่ยวกับความมัวเมา อบายมุข การพนันขันต่อ กิจการสีเทา โดยให้จับตาร่างกฎหมาย “Entertainment Complex” ซึ่งท้ายที่สุดจะมีการสมคบคิด รวบรัด จนสภาผ่านร่างดังกล่าว
“..ในเดือนพ.ค. 2568 จะมีดาวพระเคราะห์สำคัญ 3 ดวง ย้ายราศี คือ
พระราหู ย้ายราศีในวันที่ 5 พ.ค.2568
ดาวพฤหัสบดี ย้ายราศีวันที่ 13 พ.ค.2568
และดาวเสาร์ ย้ายราศีวันที่ 19 พ.ค.2568
โดยเฉพาะการย้ายของดาวเสาร์ ซึ่งเป็นตัวแทนของครม. ซึ่งส่งผลให้มีการปรับครม. และยุบสภา จนถึงขั้นเปลี่ยนนายกรัฐมนตรี
โดยการยุบสภามีโอกาสเกิดขึ้น 2 ช่วง คือ เดือนพฤษภาคม 2568 และกันยายน-ตุลาคม 2568
ทั้งนี้ ดวงเมืองถูกออกแบบให้มีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เนื่องจากลักขณาเมืองอยู่ในราศีเมษ ธาตุไฟ ซึ่งราศีเมษเป็นราศีเพศชาย ดังนั้น ผู้ชายเป็นนายกฯ จะถูกโฉลกกับประเทศไทยมากกว่า
ส่วนการเกิดรัฐประหารนั้น ยังมีโอกาสเกิดขึ้น เนื่องจากอิทธิพลของวงรอบพระราหู ซึ่งใช้เวลา 18 ปี ซึ่งหากย้อนเหตุการณ์รัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549 ขณะนั้นราหูอยู่ราศีมีน ดังนั้นปี 2568 จึงเป็นการครบวงรอบอีกครั้ง ซึ่งให้จับตาในช่วงเดือนพ.ค.ที่จะถึงนี้
ส่วนนายกรัฐมนตรีคนใหม่ มีโอกาสที่จะเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย เนื่องจากพื้นดวงของนายอนุทิน อยู่ในลัคนาราศีเมษ กำลังเข้าสู่โชคใหญ่ สัมพันธ์กับดวงเมือง
ส่วนดวงของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อยู่ในลัคนาราศีกันย์ โดยมีราหูอยู่ลัคนาราศีมีนเล็งลัคนาเดิม ซึ่งราหูทับราหู ครบวงรอบพอดี ให้ระมัดระวังเรื่องเดิมๆ ที่เคยเกิดขึ้นจนทำให้ต้องออกนอกประเทศ...” - ดร.ภิญโญ พงศ์เจริญ กล่าว
ฟังหมอดู ขอให้ฟังหูไว้หู
แต่ทุกอย่าง ย่อมเป็นไปตามเหตุปัจจัย
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี