วันพุธ ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / มองอย่างไท
มองอย่างไท

มองอย่างไท

ปิยะ เนตรวิเชียร
วันจันทร์ ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 02.00 น.
แผ่นดินไทย ต้องเป็นของไทย

ดูทั้งหมด

  •  

ถึงแม้ว่ากรุงศรีอยุธยาจะต้องต่อสู้กับกองทัพหงสาวดีที่มีกำลังพลมากกว่า ๔ แสนนาย และที่สำคัญกว่านั้นก็คือผู้นำทัพคือพระมหากษัตริย์ที่ได้ชื่อว่า ผู้ชนะสิบทิศหรือพระเจ้าบุเรงนอง พระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของอาณาจักรหงสาวดีก็ตาม แต่กรุงศรีอยุธยาภายใต้การนำทัพของสมเด็จพระเจ้าจักรพรรดิ และสมเด็จพระมหินทราธิราช ก็สามารถต้านทานกองทัพหงสาวดีอยู่ได้นานถึง ๘ เดือนก่อนที่จะเสียอิสรภาพ

ในปีพ.ศ ๒๑๐๖ ซึ่งเป็นปีที่สมเด็จพระมหาจักรพรรดิครองราชย์ พระองค์ได้สมญานามว่าพระเจ้าช้างเผือกเนื่องจากในช่วงเวลานั้นพระองค์ได้ครอบครองช้างเผือกถึง ๗ เชือก มากกว่าพระมหากษัตริย์พระองค์ใด เป็นเครื่องแสดงถึงบุญญาบารมีของพระองค์


ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้พระเจ้าบุเรงนอง มีความปรารถนาที่จะได้ช้างเผือกบางส่วนมาครอบครองเพื่อเสริมพระบารมีบ้าง จึงได้ส่งราชทูตมาขอช้างเผือกจำนวน ๒ เชือกจากสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ แต่เมื่อได้รับการปฏิเสธจึงต้องยกทัพมารุกรานกรุงศรีอยุธยา

สงครามที่เกิดขึ้นในครั้งนั้นจึงได้ชื่อว่าสงครามช้างเผือก โดยพระเจ้าบุเรงนอง ได้ยกทัพมีกำลังพล ๖๐,๐๐๐ คนเข้าบุกกรุงศรีอยุธยา ใช้ปืนใหญ่ระดมยิงเข้าไปในพระนคร จนสมเด็จพระมหาจักรพรรดิเห็นว่าอาจจะต้านทานทัพหงสาวดีไม่ได้ จึงเจรจาขอสงบศึก

พระเจ้าบุเรงนองทรงยินยอมโดยมีข้อแม้ว่าขอนำพระราเมศวร พระราชโอรสในสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ พระยาจักรีซึ่งเป็นแม่ทัพคนสำคัญและพระยาสุนทรสงครามกลับไปยังพม่าด้วยในฐานะเชลย พร้อมกับช้างเผือก ๔ เชือก และยังต้องส่งราชบรรณาการทั้งช้างและเงินให้กับหงสาวดีทุกปีด้วย ทำให้กรุงศรีอยุธยา ต้องตกเป็นเสมือนประเทศราชในครั้งกระนั้น

พงศาวดารของพม่าระบุว่า สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ถูกนำตัวไปยังหงสาวดีด้วยและทรงผนวช ซึ่งต่อมาพระเจ้าบุเรงนองได้อนุญาตให้พระองค์เสด็จกลับมายังอยุธยา โดยในช่วงเวลาดังกล่าวสมเด็จพระมหินทราธิราช พระราชโอรสทรงปกครองแผ่นดินอยู่

ในเดือนตุลาคมปี พ.ศ. ๒๑๑๑ อยุธยาได้ก่อกบฏ ทำให้พระเจ้าบุเรงนองต้องยกทัพกลับมายังอยุธยาอีกครั้งหนึ่ง โดยครั้งนี้ยกเข้ามาทางด่านแม่ละเมาเมืองตาก รวมทั้งหมด ๗ ทัพ ประกอบด้วยทัพของพระมหาอุปราชา เจ้าเมืองแปร เจ้าเมืองตองอู เจ้าเมืองอังวะ เจ้าเมืองเชียงใหม่ และเชียงตุง เข้ามาทางเมืองกำแพงเพชร โดยได้ยึดหัวเมืองทางเหนือรวมทั้งพิษณุโลกให้มาร่วมสงครามด้วย ได้จำนวน ทหารมากกว่า ๔ แสนนาย โดยกรุงศรีอยุธยายังคงตั้งรับอยู่ภายในพระนคร

ทัพของกรุงศรีอยุธยาได้ใช้ปืนใหญ่ในการยิงโต้ตอบกับปืนใหญ่ของทัพพม่า ปืนใหญ่ที่มีชื่อเสียงมากคือปืนนารายณ์สังหาร ทำให้ทัพพม่าที่ตั้งอยู่บริเวณทุ่งลุมพีเสียหายเป็นอย่างมาก และต้องถอยทัพออกไปตั้งที่บ้านพราหมณ์ ให้พ้นจากระยะยิงของปืนใหญ่

พระเจ้าบุเรงนองทรงทราบทำเลที่ตั้งของกรุงศรีอยุธยาเป็นอย่างดีว่ามีน้ำล้อมรอบ จึงสั่งให้ทัพพม่าเน้นเข้าตีทางด้านตะวันออกเพราะมีคูเมืองแคบที่สุด และพยายามทำสะพานข้ามคูเมือง โดยการถมดินจำนวนมาก แต่ทหารไทยก็ใช้ปืนใหญ่ยิงถล่มทหารพม่าล้มตายเป็นจำนวนมาก ข้ามคูเมืองไม่ได้

ทัพของพระเจ้าบุเรงนอง โจมตีอยู่จนถึงเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๑๑๒ แม้จะเสียไพร่พลจำนวนมากแต่ก็ยังเอาชนะไม่ได้ ในช่วงนั้นสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ทรงมีพระอาการประชวรจนสวรรคต และสมเด็จพระมหินทราธิราชทรงขึ้นครองราชย์แทน

ได้มีการเจรจาเพื่อจะสงบศึกอีกครั้งหนึ่ง โดยฝ่ายอยุธยาจะส่งตัวพระยาราม แม่ทัพคนสำคัญให้กับพระเจ้าบุเรงนองเพื่อประสานไมตรี แต่ปรากฏว่าหลังจากมีการส่งตัวไปแล้ว พระเจ้าบุเรงนองตระบัดสัตย์ไม่ยอมเป็นไมตรีและสงบศึก ทำให้พระมหินทราธิราชทรงพิโรธโกรธแค้นเป็นอย่างมาก และได้รับสั่งให้แม่ทัพนายกองของกรุงศรีอยุธยาเตรียมการป้องกันรักษาพระนครให้เข้มแข็ง

ขณะนั้นใกล้ช่วงฤดูกาลที่จะมีน้ำหลากลงมาท่วมรอบกรุงศรีอยุธยา ซึ่งน่าจะทำให้กองทัพพม่าต้องถอนกำลังกลับ พระเจ้าบุเรงนองจึงได้ออกอุบายที่จะให้พระยาจักรีที่ถูกนำไปเป็นตัวประกันในสงครามช้างเผือกเป็นไส้ศึก โดยการเกลี้ยกล่อมและเสนอการปูนบำเหน็จให้กับพระยาจักรี ซึ่งพระยาจักรีได้ยินยอมเพราะเห็นแก่ลาภยศ โดยพม่าได้จับพระยาจักรีล่ามโซ่ตรวน และทำทีเสมือนว่าหนีออกมาจากกองทัพพม่าได้ โดยบุเรงนองได้สั่งทหารให้ออกตามล่าตัว และเมื่อไม่สามารถตามล่าได้ก็ได้สั่งให้ประหารทหารที่ให้ติดตามตัวพระยาจักรีทั้งหมด ๓๐ คนตัดศีรษะประจานบนกำแพงค่ายของพม่า เพื่อให้ฝ่ายไทยเชื่อว่าพระยาจักรี หนีออกมาเองจริง

พระมหินทราธิราชทรงดีพระทัยเป็นอย่างยิ่งที่ได้พระยาจักรีกลับคืนมา และได้มอบหมายให้พระยาจักรีเป็นแม่ทัพในการจัดกำลังรักษาพระนคร ซึ่งปรากฏต่อมา ว่าพระยาจักรีได้ดำเนินการสับเปลี่ยนตำแหน่งหน้าที่ของฝ่ายต่างๆ ที่จะป้องกันพระนครให้อ่อนแอลง จนกระทั่งในที่สุดทัพของหงสาวดีก็สามารถเข้าสู่พระนครได้ในระยะเวลาเพียง ๑ เดือน หลังจากนั้น โดยพระยาจักรีส่งสัญญาณให้ทัพพม่าเข้าตีกรุงศรีอยุธยาและเปิดประตูเมืองให้ กรุงศรีอยุธยาจึงตกเป็นเมืองขึ้นของหงสาวดีเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์ชาติไทย

สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกู้ชาติไทยกลับคืนมา ด้วยการหลั่งน้ำษิโณทก ประกาศอิสรภาพ ณ เมืองแคลง ในปีพ.ศ.๒๑๒๗

พระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ได้ทรงต่อสู้เพื่อรักษาแผ่นดิน เพื่อให้ชาติคงอยู่มาโดยตลอด บางพระองค์ได้ยอมเสียสละแม้เลือดเนื้อและชีวิต เพื่อรักษาแผ่นดินผืนนี้ไว้

เมื่อประเทศไทยเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และนายกรัฐมนตรีเป็นผู้บริหารประเทศ จึงเป็นหน้าที่ที่รัฐบาลภายใต้ความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรี จะต้องปกปักรักษาแผ่นดินไว้

เหตุการณ์ชายแดนไทยและเขมรในขณะนี้มีลักษณะคุกรุ่นจนกลายเป็นความตึงเครียด ในเรื่องของแนวเขตแดนที่บางส่วนทับซ้อนกันอยู่ เช่นบริเวณประสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ที่ทหารเขมรได้ยั่วยุด้วยการพาชาวเขมรจำนวนหนึ่งขึ้นมาปักธงและร้องเพลงชาติเขมรในบริเวณพื้นที่ที่ยังตกลงกันไม่ได้ ทั้งๆ ที่ปราสาทตาเมือนธม ได้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของไทยโดยกรมศิลปากรมาตั้งแต่ปีพุ.ศ.๒๔๗๘ แล้วก็ตาม ซึ่งทหารไทยภายใต้ความรับผิดชอบของแม่ทัพภาคที่ ๒ ซึ่งมีความเข้มแข็งมากก็ได้ดูแลรักษาพื้นที่นี้อย่างเต็มที่ ไม่ให้มีการล่วงล้ำของทหารเขมรเกิดขึ้น

แต่จุดที่เป็นประเด็นและมีทีท่าจะลุกลามนั้นคือบริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีซึ่งทหารเขมรได้เข้ามาขุดคูเลตหรือหลุมเพลาะตลอดแนวชายแดน ในส่วนที่ยังเป็นปัญหาเป็นระยะทางยาวถึง ๖๕๐ เมตร ซึ่งไม่เป็นไปตาม MOU ๔๓ เมื่อทหารไทยเข้าไปตรวจสอบ ก็เกิดการปะทะโดยเขมรเป็นฝ่ายยิงก่อน ฝ่ายไทยจึงต้องยิงโต้ตอบ จนทำให้ทหารเขมรเสียชีวิต

ผู้นำเขมรทั้งระดับสมเด็จ ระดับนายก ตลอดจนผู้บัญชาการทหารของเขมร ได้มีปฏิกิริยาในเรื่องนี้อย่างรุนแรง ด้วยการส่งกำลังรบจำนวนไม่น้อยพร้อมอาวุธพิสัยใกล้และไกลเข้ายังบริเวณชายแดนไทย ซึ่งคงตั้งใจที่จะทำอยู่แต่เดิมแล้ว โดยการออกสื่อทางโซเชียลให้ประชาชนเขมรได้รับทราบในลักษณะที่ไทยเป็นผู้รุกราน และเขมรเป็นผู้ใฝ่สันติภาพ ซึ่งทำให้นานาชาติอาจจะเข้าใจประเทศไทยผิดได้ด้วย

นอกจากนี้ยังมีการเผยแพร่ Facebook โดยกล่าวว่า เรื่องนี้จะต้องดำเนินการทั้ง ๓ ทาง คือทางทหาร ทางการเมือง และทางกฎหมาย โดยการดำเนินการทางกฎหมายอาจจะใช้วิธีเดียวกับการที่ทำให้ไทยต้องสูญเสียเขาพระวิหารก็เป็นได้

เรื่องการรุกรานของเขมรนั้น ถึงแม้ประชาชนจะสนใจติดตาม แต่สื่อสำนักต่างๆก็ไม่ได้มีการนำเสนอในเรื่องนี้เท่าที่ควร จนเหมือนกับถูกปิดปาก แม้แต่รัฐบาลเองก็ไม่เคยประกาศอย่างเป็นทางการให้ประชาชนหรือนานาชาติได้รับทราบจุดยืนของไทยแม้แต่น้อย การให้ข่าวของรัฐมนตรีกลาโหมก็มีเพียงว่ามีการเจรจากันและใช้คำนี้มาหลายครั้งแล้ว โดยไม่เห็นผลลัพธ์ใดๆ

ถ้ารัฐบาลโดยนายกฯหญิงคนนี้ ไม่มุ่งมั่นที่จะรักษาแผ่นดินของชาติ และยังบริหารประเทศจนเกือบจะเรียกว่าล้มเหลว (failed state) ภายใต้การถูกครอบงำเชิงนโยบายโดยอดีตนักโทษ ก็โปรดพิจารณาตัวเองว่าจะดำเนินการอย่างไรให้ตัวเองและคณะรัฐบาลพ้นสภาพจากการเป็นผู้บริหารประเทศเสียที หรือว่าจะให้ประชาชนเป็นผู้ขับไล่

ปิยะ เนตรวิเชียร

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
13:56 น. ‘มติสภาฯ’ 253 เสียงโหวตถอนร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
13:48 น. 'ทักษิณ'ยิ้มแย้ม! ปรากฏตัวเตรียมโชว์วิสัยทัศน์ ในงาน SPLASH-soft power forum 2025
13:34 น. 'พ่อค้าซ่าแม่ค้าแซ่บ'วี๊ดว้าย..มือไม้สั่น สติหลุด!!เจอ'นักเพาะกาย'ทั้งใหญ่ทั้งแน่น
13:34 น. ประกาศขับรถผ่านแอปฯ ต้องจดทะเบียนรถ-มีใบขับขี่สาธารณะ บังคับใช้อีก 90 วัน
13:32 น. กทม.-แพทย์แผนจีนซัวเถาจับมือลงนาม โรงพยาบาล ‘พี่-น้อง’แลกเปลี่ยนองค์ความรู้
ดูทั้งหมด
หมอดังเผยเคยไม่เข้าใจ 'เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์' ทรงงานแม้พระอาการประชวร ก่อนป่วยมะเร็งเองจึงซึ้งพระทัย
บิ๊กเนม'ปชป.'ร่วมวงเพียบ!! 'คุณหญิงกัลยา'ตั้ง'พรรคไทยก้าวใหม่' พร้อมตั้ง'สุชัชวีร์'นั่งหัวหน้าฯ
'ปราชญ์ สามสี'ผ่าเกมตระกูล'ชินวัตร-ฮุน' ทำไมคนหนึ่งเงียบ อีกคนดิ้น ที่แท้!!
‘สม รังสี’เปิดไทม์ไลน์แฉ‘แรงจูงใจ’เบื้องหลัง‘ฮุน เซน’เล่นเกมกฎหมายถอดสัญชาติกัมพูชา
'อ.พนัส'ข้องใจ'อิ๊งค์'ผิดจริยธรรมข้อไหน บอกทหารไทยอยู่ตรงข้ามฝ่ายปชต.อยู่แล้ว
ดูทั้งหมด
เราสูญเสียโอกาสทางการศึกษามาแค่ไหน? เมื่อระบบถูกกัดกินด้วยก้อนเนื้อร้ายที่ชื่อว่าคอร์รัปชัน
นารีพิฆาตพระ
ความจริงกรณีบังคับโทษจำคุกนักโทษชั้น 14
บุคคลแนวหน้า : 9 กรกฎาคม 2568
ความไม่รู้สี่รู้แปดของ‘แพทองธาร’
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

'ทักษิณ'ยิ้มแย้ม! ปรากฏตัวเตรียมโชว์วิสัยทัศน์ ในงาน SPLASH-soft power forum 2025

ประกาศขับรถผ่านแอปฯ ต้องจดทะเบียนรถ-มีใบขับขี่สาธารณะ บังคับใช้อีก 90 วัน

'ทรัมป์'เชิด! ไม่ขยายเส้นตายดีลภาษีทุกชาติ รมว.คลังโวสิ้นปีเก็บภาษีนำเข้าได้3แสนล้านดอลล์

บุกค้น 6 ร้านยามหาภัย รวบ 6 เภสัชเก๊ เครือข่ายกระจายยาแก้ไอให้วัยรุ่นสาย 4x100

'อนุทิน'ลากไส้'กาสิโน' ชี้ผู้นำจีนไม่พอใจ แต่รัฐบาลเมิน ส่งผลให้นทท.จีนหด 90% เหลือแต่จีนเทา

ปรีวิว-ฟันธง!บิ๊กแมทช์เปแอสเชเจ้ายุโรปชนชุดขาว

  • Breaking News
  • ‘มติสภาฯ’ 253 เสียงโหวตถอนร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ‘มติสภาฯ’ 253 เสียงโหวตถอนร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
  • \'ทักษิณ\'ยิ้มแย้ม! ปรากฏตัวเตรียมโชว์วิสัยทัศน์ ในงาน SPLASH-soft power forum 2025 'ทักษิณ'ยิ้มแย้ม! ปรากฏตัวเตรียมโชว์วิสัยทัศน์ ในงาน SPLASH-soft power forum 2025
  • \'พ่อค้าซ่าแม่ค้าแซ่บ\'วี๊ดว้าย..มือไม้สั่น สติหลุด!!เจอ\'นักเพาะกาย\'ทั้งใหญ่ทั้งแน่น 'พ่อค้าซ่าแม่ค้าแซ่บ'วี๊ดว้าย..มือไม้สั่น สติหลุด!!เจอ'นักเพาะกาย'ทั้งใหญ่ทั้งแน่น
  • ประกาศขับรถผ่านแอปฯ ต้องจดทะเบียนรถ-มีใบขับขี่สาธารณะ บังคับใช้อีก 90 วัน ประกาศขับรถผ่านแอปฯ ต้องจดทะเบียนรถ-มีใบขับขี่สาธารณะ บังคับใช้อีก 90 วัน
  • กทม.-แพทย์แผนจีนซัวเถาจับมือลงนาม โรงพยาบาล ‘พี่-น้อง’แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ กทม.-แพทย์แผนจีนซัวเถาจับมือลงนาม โรงพยาบาล ‘พี่-น้อง’แลกเปลี่ยนองค์ความรู้
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

นักการเมิอง มนุษย์ประเภทไหน

นักการเมิอง มนุษย์ประเภทไหน

7 ก.ค. 2568

อย่าอยู่ต่อไปให้หนักแผ่นดิน

อย่าอยู่ต่อไปให้หนักแผ่นดิน

30 มิ.ย. 2568

ผู้นำอัปยศ กรรมของชาติ คนไทยยังทนได้หรือ

ผู้นำอัปยศ กรรมของชาติ คนไทยยังทนได้หรือ

23 มิ.ย. 2568

ทหาร จะปกป้องรักษาชาติ

ทหาร จะปกป้องรักษาชาติ

16 มิ.ย. 2568

แพทยสภา ต้องดำรงเกียรติ ศักดิ์ศรีและจริยธรรมแห่งวิชาชีพ

แพทยสภา ต้องดำรงเกียรติ ศักดิ์ศรีและจริยธรรมแห่งวิชาชีพ

9 มิ.ย. 2568

แผ่นดินไทย ต้องเป็นของไทย

แผ่นดินไทย ต้องเป็นของไทย

2 มิ.ย. 2568

อย่ายอมให้เขมรรุกรานแผ่นดินไทย

อย่ายอมให้เขมรรุกรานแผ่นดินไทย

26 พ.ค. 2568

ชาติจะเสียหาย หากยังฝืนทำต่อไป

ชาติจะเสียหาย หากยังฝืนทำต่อไป

19 พ.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved