ทหารกัมพูชาโดยคำสั่งของฮุนเซน บุคคลผู้มีอำนาจเหนือรัฐบาลกัมพูชา ยิงจรวดและอาวุธสงครามใส่ประชาชนไทย โดยเน้นเป้าหมายโรงพยาบาล เขตชุมชน และโรงเรียน เป็นเหตุให้ประชาชนไทยเสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 14-15 ศพ และบาดเจ็บอีกหลายสิบคน และทำให้ทรัพย์สินของประชาชนไทยเสียหายโดยยังไม่สามารถประเมินความเสียหายที่ชัดเจนได้
ทั้งนี้ก่อนที่กัมพูชาจะเปิดฉากยิงขีปนาวุธและอาวุธสงครามใส่ไทยอย่างชัดเจน ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ก็ปรากฏมาก่อนว่าฝ่ายกัมพูชาพยายามยั่วยุ รุกราน และโจมตีไทยมาโดยตลอด โดยภาพหนึ่งที่เห็นชัดเจนคือ เรื่องที่ศาลาตรีมุขถูกเผาเมื่อเดือนมีนาคม 2568 โดยศาลาตรีมุขอยู่ที่ช่องบก อุบลราชธานี ซึ่งอยู่ใกล้กับพื้นที่สามเหลี่ยมมรกต แล้วจากนั้นก็ตามมาด้วยเรื่องทหารกัมพูชายั่วยุทหารไทยที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาควาย และมุมเบย (สามเหลี่ยมมรกต) และกัมพูชายังพยายามส่งบุคคลต่างๆ ในรูปพลเรือน และพระสงฆ์ รวมถึงทหารกัมพูชาเข้าไปก่อกวนความสงบในเขตปราสาทตากลุ่มตาเมือนเป็นประจำ
พฤติกรรมหาเรื่องต่างๆ นานาสารพัดชนิดโดยฝ่ายกัมพูชาที่จงใจกระทำต่อไทยด้วยเพทุบายและกลเกมนานาประการ คือสิ่งที่ปรากฏชัดมาโดยตลอด แต่รัฐบาลไทยไม่มีปัญญาชี้แจงความจริงเหล่านี้ให้ประชาคมนานาชาติรับรู้ แต่ในฝั่งของกัมพูชากลับสร้างเรื่องว่าไทยรุกรานกัมพูชาก่อน แล้วฟ้องโลก ฟ้องนานาชาติ ว่าไทยเป็นฝ่ายบุกรุกรังแกกัมพูชา ทั้งๆ ที่ไทยเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่กว่า มีกำลังรบมากกว่า แล้วยังสร้าง ภาพว่าทหารไทยยิงระเบิดทำลายโบราณสถานที่ปราสาทพระวิหาร
ขอย้ำว่าฮุนเซนและฮุน มาเนต แห่งกัมพูชามีความสามารถพิเศษเหนือคนปกติ เพราะสามารถสร้างเรื่องเท็จได้ตลอดเวลา แล้วยังนำเรื่องเท็จไปฟ้องประชาคมโลกได้ทุกวินาที ซึ่งก็นับเป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้สำหรับประเทศที่มีขนาดเล็กกว่า แต่ที่มหัศจรรย์คือเรื่องความสามารถสร้างเรื่องเท็จได้เก่งฉกาจ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของประชาชนกัมพูชาให้หันไปสนใจเรื่องภายนอกประเทศ เพื่อให้ลืมปัญหาใหญ่สารพัดเรื่องภายในประเทศ ทั้ง ๆ ที่ปัญหาใหญ่ภายในประเทศกัมพูชาเกิดขึ้นมาจากน้ำมือของฮุนเซน และฮุน มาเนต
เป็นที่น่าเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่ฝ่ายไทย โดยรัฐบาลไทยชุดปัจจุบันที่อยู่ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย ไม่สามารถทำให้นานาชาติเชื่อว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายรุกรานไทยก่อน เพราะดูได้จากการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนข้ามชาติ อย่างเช่น CNN และ BBC ยังไม่รายงานข่าวว่ากัมพูชาโจมตีไทยก่อน แต่ใช้คำว่าการปะทะกันระหว่างไทยกับกัมพูชาที่บริเวณชายแดน ทั้งๆ ที่ความจริงคือกัมพูชาใช้อาวุธสงคราม คือจรวด BM-21 ยิงถล่มโรงพยาบาล บ้านเรือน เขตชุมชน รวมถึงพื้นที่ที่เรียกว่า soft target ของไทยที่ตั้งอยู่ตามแนวชายแดนไทยในเขตจังหวัดศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี จนเป็นเหตุให้ประชาชนไทยตายไปแล้ว 14-15 ศพ บาดเจ็บหลายสิบคน
อย่างไรก็ตาม กัมพูชาได้พยายามสร้างกระแสขอความเห็นใจจากนานาชาติ โดยกล่าวหาไทยว่าเป็นฝ่ายรุกราน เป็นผู้รังแกกัมพูชา แล้วเรียกร้องให้สหประชาชาติเรียกประชุมคณะมนตรีความมั่นคงเป็นการด่วน ซึ่งมีการประชุมแบบลับไปตั้งแต่เมื่อเวลาประมาณ 15 นาฬิกา ตามเวลาสหรัฐฯ (หรือประมาณ 2 นาฬิกาตามเวลาไทย) วันที่ 25 กรกฎาคม (ตามเวลาสหรัฐฯ) แต่ขณะที่กำลังเขียนบทความนี้ ก็ยังไม่ปรากฏว่าที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจะมีมติใดๆ ออกมา แต่ทั้งนี้ผู้เขียน ขอตั้งข้อสังเกตว่า หากมติของที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงฯ ออกมาแล้ว แต่ไม่มีการระบุแม้แต่น้อยว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายโจมตีหรือรุกรานไทยก่อน นั่นหมายความว่าสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงฯ ไม่ได้เห็นว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีไทย และนี่ก็นับได้ว่าเป็นความล้มเหลวทางการทูตของไทยบนเวทีนานาชาติ ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงปรากฏชัดว่ากัมพูชาเป็นผู้โจมตีไทยก่อน แล้วไทยจำเป็นต้องป้องกันตัวเอง
แต่ที่มากกว่านั้นคือ หากมติที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงฯ ไม่กล่าวถึงเรื่องที่กัมพูชาจงใจยิงจรวดใส่ โรงพยาบาล ร้านค้า บ้านเรือน และชุมชนของคนไทยตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ก็ย่อมเป็นเครื่องยืนยันว่าไทยล้มเหลวโดยสิ้นเชิงในประเด็นการชี้แจงต่อสหประชาชาติในเรื่องกัมพูชารุกรานไทย
การรุกรานไทยโดยฝ่ายกัมพูชาในวันนี้ ก็ไม่ต่างไปจากเหตุการณ์กัมพูชารุกรานไทยเมื่อ 14 ปีก่อน ในยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งในครั้งนั้นเป็นเรื่องอันมีปมมาจากกรณีพิพาทปราสาทพระวิหาร เหตุการณ์เมื่อ 14 ปีก่อน กัมพูชาก็อ้างว่าไทยเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อน ส่วนไทยก็อ้างว่ากัมพูชายิงก่อน แต่ครั้งนี้ก็เช่นกัน กัมพูชาก็อ้างกับประชาคมโลกว่าไทยรุกรานกัมพูชา
แน่นอนว่าความขัดแย้งครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะกัมพูชาต้องการหาประเด็นเพื่อนำขึ้นไปสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ของสหประชาชาติ โดยไม่นำพาต่อการหารือ ร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาในกรอบทวีภาคี
ปมประเด็นเริ่มต้นของความขัดแย้งจนนำไปสู่การสู้รบครั้งนี้มาจากความขัดแยังกันระหว่างทักษิณ ชินวัตร ผู้บงการรัฐบาลไทยที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ กับฮุนเซนนายกรัฐมนตรีตัวจริงของกัมพูชา แต่น่าสมเพชที่ความขัดแย้งของคนทั้งสองลากพาให้ไทยกับกัมพูชาต้องเกิดการสู้รบกันด้วยการใช้อาวุธสงคราม แล้วยังมีเรื่องบานปลายทำให้คนไทย คนกัมพูชาเกิดความบาดหมางกันเพราะความเกลียดชัง ทั้งๆ ที่เรื่องนี้ไม่ควรทำให้คนไทยกับคนกัมพูชาต้องกลายเป็นศัตรูกัน
ฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้เกิดการสู้รบกันก็คือการที่ทหารกัมพูชาจงใจลอบวางกับระเบิดในเขตดินแดนไทย จนเป็นเหตุให้ทหารไทยต้องประสบอุบัติเหตุเหยียบกับระเบิดจนทำให้ขาขาดไปถึงสองนาย และยังมีผู้บาดเจ็บอีกหลายนาย โดยเหตุเกิดที่บริเวณช่องบก และช่อง
อานม้า จ.อุบลราชธานี
มีหลักฐานชัดเจนว่ากับระเบิดที่เป็นต้นเหตุให้ทหารไทยต้องสูญเสียขา และได้รับบาดเจ็บ เป็นกับระเบิดใหม่ ชนิดทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แบบ PMN-2 ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าเป็นทุนระเบิดใหม่ที่ผลิตโดยรัสเซีย ซึ่งทหารกัมพูชาลอบนำเข้ามาวางในเขตแดนของไทย ส่วนกัมพูชาอ้างว่าเป็นทุนระเบิดเก่าที่ยังเก็บกู้ไม่หมด แล้วยังอ้างว่าทหารไทยเดินล้ำเข้าไปในเขตแดนของกัมพูชา
ขอย้ำว่าความจริงของเรื่องข้างต้นนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ยากต่อการพิสูจน์ แต่ปัญหาคือทางการไทยกลับไม่สามารถทำให้ความจริงเรื่องนี้ปรากฏชัดต่อสายตาและการรับรู้ของนานาชาติได้ เพราะไทยละเลยหละหลวมกับการนำเสนอสิ่งที่กัมพูชากระทำผิดต่ออนุสัญญาออตตาวา นับว่าน่าเสียดายโอกาสอย่างมากที่ไทยปล่อยให้กัมพูชาบิดเบือนความจริงเรื่องนี้ต่อประชาคมโลก
ส่วนฮุน มาเนต แห่งกัมพูชา ก็เร่งรีบเล่นเกมการเมืองระหว่างประเทศ โดยจงใจบิดเบือนเรื่องทั้งหมด โดยการเร่งส่งจดหมายถึงอาซิม อิฟติคาร์ อาหมัด ประธานคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ แล้วเรียกร้องให้เปิดประชุม UNSC (United Nations Security Council) เป็นการด่วน ซึ่งก็ได้มีการประชุมลับไปแล้วเมื่อเวลา 14 นาฬิกา ของวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 ตามเวลาสหรัฐฯ
แต่น่าสังเกตว่า ฝ่ายกัมพูชาพยายามบิดเบือนตลอดเวลา ถึงแม้ว่าต้นเหตุของการสู้รบมาจากการรุกรานโดยกัมพูชา แต่กัมพูชาก็บิดเบือนว่าเป็นเพราะไทยล้ำเขตแดนเข้าไปในพื้นที่ของกัมพูชา และกล่าวหาว่าไทยมีพฤติกรรมเหมือนรัสเซียที่จงใจรุกรานยูเครน รวมถึงไทยไม่ยอมตามกัมพูชาในประเด็นการนำพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาควาย และพื้นที่ในเขตสามเหลี่ยมมรกตไปสู่การพิจารณาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ โดยไทยต้องการเจรจาแก้ปัญหานี้ด้วยระบบทวิภาคี แต่กัมพูชาไม่เห็นด้วย
แม้กระทั่งเรื่องที่กัมพูชาอ้างว่า ฝ่ายกัมพูชาต้องการหยุดยิงกับไทย แต่ไทยไม่ยอมยุติการยิงเข้าใส่กัมพูชา เรื่องบิดเบือนทั้งหมดนี้ เป็นสิ่งที่กัมพูชากระทำมาโดยตลอด แต่ก็น่าประหลาดใจที่ฝ่ายไทยตกเป็นรองฝ่ายกัมพูชา เพราะไม่สามารถชี้แจงความจริงที่ไทยถูกกระทำโดยกัมพูชา นั่นเป็นเพราะฝ่ายไทยไร้ความสามารถในการทำความจริงให้กระจ่างต่อสายตาชาวโลก
เมื่อฝ่ายรัฐบาลของไทยไร้ความสามารถในการทำความจริงให้ปรากฏต่อสายตาชาวโลก ก็จึงเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่ต้องช่วยกันทำความจริงเรื่องกัมพูชารุกรานไทยให้ปรากฏ โดยร่วมกันส่งข้อความ บอกเล่า บอกกล่าว เขียน นำเสนอผ่านสื่อทุกชนิดว่า รัฐบาลกัมพูชารุกรานไทย รัฐบาลกัมพูชาโจมตีไทย รัฐบาลกัมพูชาสั่งทหารกัมพูชายิงจรวดใส่โรงพยาบาล บ้าน ร้านค้า ชุมชน โรงเรียน และโบราณสถานของไทย และจงใจใช้อาวุธสงครามเข่นฆ่าหมายเอาชีวิตคนไทย รัฐบาลกัมพูชามีพฤติกรรมอันธพาล เป็นผู้รุกรานโดยแท้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี