วันอาทิตย์ ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ชาติจะธำรงอยู่ได้นั้น นอกจากการที่จะต้องรักษาอธิปไตยของชาติไว้อย่างเข้มแข็งแล้ว เศรษฐกิจก็ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่มีความสำคัญ เพราะประชาชนในชาติ จะมีเรี่ยวแรงพละกำลังในการร่วมกันพัฒนาชาติได้นั้น ปากท้องเป็นเรื่องที่สำคัญ การอยู่ดีมีสุขของประชาชนจึงเป็นเรื่องที่ได้รับการใส่ใจโดยผู้นำของประเทศ ซึ่งในอดีตก็คือพระมหากษัตริย์ผู้ปกครองชาติ
“ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ใครใคร่ค้าช้างค้า ใครใคร่ค้าม้าค้า” ซึ่งเป็นประโยค ที่ถูกสลักไว้ในศิลาจารึกหลักที่ ๑ของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช เป็นสิ่งหนึ่งที่ยืนยันว่าพระองค์ทรงให้ความสำคัญและใส่พระทัยในความเป็นอยู่ของราษฎร
อาณาจักรของชาติเรานั้น มีความเจริญรุ่งเรืองอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ตั้งแต่สมัยสุโขทัยมาถึงสมัยอาณาจักรอยุธยา มีการค้าขายมากมายกับประเทศต่างๆ ซึ่งนำเงินเข้ามาสู่ราชอาณาจักรได้อย่างมหาศาล มีแค่บางช่วงเวลาเท่านั้นที่เกิดสงครามสู้รบ และทำให้เราต้องเสียอิสรภาพไปในบางช่วงเวลา แต่หลังจากนั้น พระมหากษัตริย์ไทยก็ทรงกู้ชาติกู้แผ่นดินกลับคืนมาได้ ด้วยเลือดเนื้อและชีวิต และเหล่าทหารหาญผู้รักชาติทั้งหลาย
ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่สุดของชาติไทย น่าจะเกิดขึ้นในสมัยของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีหรือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระมหากษัตริย์ผู้ทรงกอบกู้อิสรภาพของชาติให้กลับคืนมาได้ในระยะเวลาเพียงแค่ ๗ เดือนเท่านั้น
การเสียกรุงศรีอยุธยาในสมัยของสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์นั้น ศัตรูผู้รุกรานชาติ ได้เผาทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านเมือง ไม่ใช่เฉพาะบ้านเรือนของราษฎรเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงวัดวาอารามและปราสาทราชวัง แม้แต่พระพุทธรูปก็ยังถูกเอาไฟหลอม เพื่อจะนำทองกลับไปยังประเทศของตน เป็นความเสียหายย่อยยับสุดที่จะพรรณนา
ซากโบราณสถานบนพื้นที่เกาะกรุงศรีอยุธยา ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงของชาติไทยครั้งหนึ่งนั้นมีอยู่มากมายซึ่งถึงแม้จะถูกเผาทำลาย แต่ซากที่ปรากฏก็ยังแสดงถึงความยิ่งใหญ่ในอดีต ที่น่าจะสวยงามเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นซากโบราณสถานของวัดใหญ่ชัยมงคล ซึ่งสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้ทรงบูรณปฏิสังขรณ์เจดีย์ที่วัดแห่งนี้ หลังจากที่มีชัยชนะในสงครามยุทธหัตถี ซากของวัดไชยวัฒนารามริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งผู้ไปเยี่ยมชมจำนวนหนึ่งก็จะแต่งตัวในชุดไทยแบบโบราณเพื่อถ่ายรูปกับโบราณสถานแห่งนี้ รวมถึงซากของวัดพระศรีสรรเพชญ์ที่มีเจดีย์สามองค์สูงเสียดฟ้ารวมทั้งบริเวณพระราชวังเดิมของกรุงศรีอยุธยา ก็แสดงถึงความยิ่งใหญ่ในอดีตอย่างที่สุด
เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินทรงกู้ชาติได้แล้วเมื่อวันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๓๑๐ โดยนำทัพเรือจำนวนนับร้อยลำจากจันทบุรี ผ่านปากน้ำเจ้าพระยา เข้าตีค่ายของพม่าที่ตั้งอยู่ที่โพธิ์สามต้น ที่มี สุกี้พระนายกอง แม่ทัพพม่ารักษากรุงอยู่นั้นจนแตก และ สุกี้พระนายกอง ต้องเสียชีวิตในที่รบ พระองค์ทรงเห็นว่ากรุงศรีอยุธยาถูกเผาทำลายอย่างย่อยยับเกินกว่าที่จะบูรณะให้กลับคืนมาสู่สภาพที่เคยเป็นได้ จึงได้ตัดสินพระทัยที่จะย้ายเมืองหลวงมาตั้งใหม่ที่กรุงธนบุรี
จากการที่สมบัติของชาติถูกข้าศึกขโมยไปจนหมดสิ้น จึงเป็นช่วงยากลำบากอย่างยิ่งที่พระเจ้าตากจะสร้างบ้านเมืองและปราสาทราชวังให้สวยงามใหญ่โตขึ้นใหม่ แม้แต่พระราชวังกรุงธนบุรีหรือที่เรียกกันว่าพระราชวังเดิม ก็เป็นเพียงอาคารหลังเล็กๆ เท่านั้น เป็นเครื่องบ่งชี้ว่าทรัพย์สมบัติของแผ่นดินในช่วงนั้น น่าจะอยู่ในภาวะขัดสนเป็นอย่างยิ่ง จึงเป็นที่มาของเรื่องราวที่เล่าสู่กันต่อมาว่า พระองค์ต้องกู้เงินจากกษัตริย์จีนเป็นจำนวน ๖๐,๐๐๐ ตำลึง ซึ่งนับเป็นเงินมหาศาลในยุคนั้น
เนื่องจากการบันทึกข้อมูลทางประวัติศาสตร์ในช่วงนั้นน่าจะเป็นเรื่องที่ยากลำบาก จึงไม่มีหลักฐานที่ปรากฏชัดเจนและเป็นข้อพิสูจน์ที่จะยืนยันว่า เหตุการณ์ที่กล่าวถึงในเรื่องการกู้เงินนั้นเกิดขึ้นเพราะเหตุใด อย่างไร และได้มีการใช้คืนเงินกู้นั้นหรือไม่
เป็นที่ทราบกันดีว่าพระเจ้าตากนั้นทรงมีเชื้อสายจีนโดยพระองค์มีพระนามจีนว่า เจิ้งเจา จึงเชื่อกันว่าน่าจะมีสายสัมพันธ์ที่สามารถจะติดต่อกับกษัตริย์จีนเพื่อจะขอกู้เงินจำนวนดังกล่าวซึ่งกษัตริย์ที่ปกครองจีนในช่วงเวลานั้นคือพระเจ้าเฉียนหลง แต่ปัญหาอุปสรรคในเบื้องต้นก็เกิดขึ้น เพราะขณะนั้นกษัตริย์จีนยังไม่ยอมรับพระเจ้าตากที่สถาปนาตัวเองขึ้นเป็นกษัตริย์ ซึ่งพระเจ้าตากก็ได้ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่และแสดงให้เห็นอย่างจริงใจว่าพระองค์ต้องการที่จะเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศจีน จนในที่สุดการกู้เงินจำนวนดังกล่าวจึงเกิดขึ้น
เมื่อได้เงินกู้มาแล้ว พระเจ้าตากได้นำเงินจำนวนนั้นมาใช้ในการทำนุบำรุงบ้านเมือง รวมทั้งนำเงินส่วนหนึ่งไปในการซื้อศาสตราวุธเพื่อใช้ในการต่อสู้กับข้าศึก ซึ่งยังคงรุกรานเป็นระยะๆทั้งเงินจำนวนหนึ่งก็นำไปใช้ในการสนับสนุนให้ราษฎรได้ทำเรือกสวนไร่นา นอกจากเพื่อใช้ยังชีพของตัวเองแล้ว ก็ยังสามารถค้าขายสร้างรายได้ได้ด้วย ทำให้มีส่วนร่วมในการทำนุบำรุงชาติให้อยู่รอดมาได้จนถึงปัจจุบัน
เมื่อถึงระยะเวลาที่จะต้องคืนเงินกู้ให้กับกษัตริย์จีนนั้น ทรัพย์สินของชาติที่เริ่มเก็บสะสมได้ยังมีจำนวนไม่มากพอที่จะชดใช้ จึงได้มีการออกอุบายโดยพระองค์น่าจะได้ร่วมคิดกับสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ซึ่งในระยะต่อมาได้ขึ้นครองราชย์เป็นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
ประจวบกับในช่วงระยะเวลาดังกล่าวเขมรเริ่มกำเริบเสิบสาน กระด้างกระเดื่อง จึงเป็นโอกาสที่จะเริ่มดำเนินกลอุบาย โดยพระองค์ให้เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ยกทัพร่วมกับพระอนุชาคือเจ้าพระยาสุรสิงหนาทไปปราบเขมร โดยมีรับสั่งว่าเมื่อปราบเขมรได้แล้ว ให้เจ้าพระยาสุรสิงหนาทอยู่ปกครองเขมรไปก่อน และให้ เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก เสด็จกลับมายังกรุงธนบุรี
หลังจากที่เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกยกทัพไปแล้ว พระเจ้าตากได้ทรงออกผนวชและปฏิบัติธรรมอย่างเข้มแข็ง จนทำให้ราษฎรบางส่วนเชื่อว่าพระองค์ทรงมีพระสติวิปลาส จึงก่อการกบฏขึ้น เมื่อเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกเสด็จกลับมาถึงกรุงธนบุรี จึงได้ทำการปราบกบฏ และใช้ข้ออ้างที่ว่าพระเจ้าตากไม่สามารถจะปกครองบ้านเมืองได้แล้ว ได้ให้สำเร็จโทษพระเจ้าตาก ซึ่งความจริงเป็นกลอุบาย
การสำเร็จโทษนั้นเกิดขึ้นโดยได้มีการนำนักโทษผู้หนึ่งมาประหารชีวิตแทน ส่วนพระเจ้าตากนั้นเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกได้ส่งตัวไปพำนักอยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยพระเจ้าตากซึ่งยังอยู่ในสมณเพศได้พำนักจำพรรษาอยู่ที่วัด ในถ้ำบนเขาขุนพนม ปัจจุบันอยู่ในอำเภอพรหมคีรี ซึ่งมีหลักฐานปรากฏอยู่อย่างชัดเจน จนกระทั่งสวรรคตในที่สุด
เมื่อผู้ที่กู้เงินได้เสียชีวิตไปแล้ว จึงมีการใช้เหตุนี้อ้างต่อพระเจ้ากรุงจีนว่าไม่สามารถจะมีใครรับผิดชอบในการที่จะต้องชดใช้เงินคืนให้กับกษัตริย์จีนได้ต่อไป เรื่องนี้จึงเป็นอันยุติ และบันทึกประวัติศาสตร์ทั้งหลายก็ไม่ได้กล่าวถึงเรื่องนี้อีก
ขณะนี้รัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำของนายอนุทินชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ซึ่งได้เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ก็ได้เริ่มปฏิบัติหน้าที่ซึ่งถือว่าสำคัญยิ่ง ในแถลงนโยบายเบื้องต้นนั้น ได้กล่าวถึงเรื่องของการรักษาความมั่นคงและอธิปไตยของชาติ และเรื่องของการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน
เศรษฐกิจของประเทศไทย อยู่ในภาวะตกต่ำ มาเป็นระยะเวลาพอสมควร แต่ที่มีปัญหามากก็เกิดขึ้นในระยะ ๒-๓ ปีนี้ภายใต้การบริหารของรัฐบาลชุดที่เพิ่งพ้นไป ซึ่งในประเด็นของการบริหารงบประมาณนั้น ยังมีปัญหาว่าอาจจะกระทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๔๔ ซึ่งได้มีผู้ร้องเรียนต่อป.ป.ช.แล้ว ซึ่งป.ป.ช.จะต้องพิจารณาโดยพลัน หากคดีมีมูลป.ป.ช.จะต้องส่งเรื่องนี้ให้ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาตัดสินและลงโทษภายในระยะเวลา ๑๕ วัน แต่จนถึงขณะนี้เวลาผ่านไป ๕ เดือนแล้ว ยังไม่เห็นความคืบหน้าในการพิจารณาของป.ป.ช ซึ่งเป็นเรื่องที่ดูว่าผิดปกติ
ดัชนีชี้วัดการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยมีปัญหาอยู่หลายตัว ไม่ว่าจะเป็น GDP ซึ่งล่าสุดตัวเลขอยู่ที่ประมาณ ๒.๐% ต่ำกว่าประเทศในภูมิภาคนี้เกือบทั้งหมด ในส่วนของหนี้สินครัวเรือนนั้นก็มีอยู่ประมาณ ๙๕% ของ GDP ซึ่งนับว่าสูงมาก รวมทั้งหนี้สินสาธารณะก็มีค่าดัชนีที่มากกว่า ๖๕% หากปล่อยให้ค่าเหล่านี้ดำเนินต่อไปในทางลบ จะทำให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจของชาติตกต่ำอย่างมากมาย อันจะนำความเดือดร้อนโดยรวมมาสู่ประเทศชาติ
การจัดการปัญหาเรื่องความมั่นคงและอธิปไตยของชาติ เป็นสิ่งที่กองทัพโดยเฉพาะทหารกล้าทั้งหลาย ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็งอยู่แล้วส่วนในเรื่องของการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจนั้น รัฐบาลชุดนี้ได้นำบุคคลภายนอกที่มีความรู้ความสามารถเป็นที่ยอมรับเข้ามารับผิดชอบในลักษณะของการทำงานเป็นทีม ก็เชื่อว่า การแก้ปัญหาทั้งในระยะสั้นโดยโครงการต่างๆ และการแก้ปัญหาระยะยาวโดยการจัดโครงสร้างการบริหารเศรษฐกิจใหม่เพื่อให้เกิดผลดีในระยะยาว จึงเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นยิ่ง
ก็หวังว่าประชาชนชาวไทยทุกคน ที่มีความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ จะร่วมกันให้กำลังใจรัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ให้บริหารจัดการประเทศให้เกิดความเจริญก้าวหน้าและยังประโยชน์สูงสุดให้แก่ประเทศชาติต่อไปเป็นอย่างดี
ปิยะ เนตรวิเชียร

'อ.เจษฎ์'มาเอง! เปิด7ข้อเคลียร์ความเชื่อผิดๆปมดื่มนมไทย เปิดวาร์ปนมไทยที่เป็นนมโคแท้
'ปราชญ์ สามสี'ฟาด! 'พรรคส้ม' ใช้ 'สองมาตรฐาน' โจมตีกองทัพ แต่ปัดรับผิดคดีในพรรค
ผีตายยาก!เดอ ลิกต์ โขกทดเจ็บบุกแบ่งแต้มไก่
'กัน จอมพลัง' ควงลูกเมียเปิดใจน้ำตาซึม เผยความผิดพลาด เอาเวลาครอบครัวไปช่วยคนอื่น
'กัมพูชา'ขยับแรง! บุกทลาย2รังใหญ่แก๊งสแกมเมอร์ รวบผู้ต้องหากว่า600คนส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี