หลายฉบับพิมพ์ที่ผ่านมาของบทบรรณาธิการหนังสือพิมพ์แนวหน้า ในปีนี้ได้เคยเขียนแนะนำรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทย ให้นำโครงการคนละครึ่งที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยใช้มาแล้ว นำมาใช้อีกหนหนึ่งเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่รัฐบาลแพทองธาร ไม่ได้สานต่อโครงการดังกล่าว และเดินหมากทางการเมืองพลาดต้องตกเก้าอี้กลายไปเป็นฝ่ายค้านปวดร้าวถึงกระดูกดำ
ต่อมารัฐบาลนายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล จากพรรคภูมิใจไทย รู้ดีว่าโครงการคนละครึ่งแม้จะเป็นเรื่องประชานิยมโดนใจชาวบ้าน แต่ก็ยังสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโดยส่วนรวม จึงไม่ลังเลที่จะสานต่อนโยบายคนละครึ่งทันที
สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือนกันยายน 2568” กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 2,012 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 23-26 กันยายน 2568 พบว่า กลุ่มตัวอย่างให้คะแนนภาพรวมดัชนีการเมืองไทยประจำเดือนกันยายน 2568 เฉลี่ย 4.02 คะแนน เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2568 ที่ได้ 3.71 คะแนน
ตัวชี้วัดที่ได้คะแนนสูงสุด คือ ผลงานของฝ่ายค้าน เฉลี่ย 4.57 คะแนน ตัวชี้วัดที่ได้คะแนนต่ำสุด คือ การแก้ปัญหาความยากจน 3.59 คะแนนนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือนคือ อนุทิน ชาญวีรกูล ร้อยละ 55.98 ด้านนักการเมืองฝ่ายค้านที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือน คือณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ร้อยละ 44.27 ผลงานฝ่ายรัฐบาลชื่นชอบประจำเดือน คือ คนละครึ่งพลัสร้อยละ 46.25 ผลงานฝ่ายค้านที่ชื่นชอบประจำเดือนคือ ผ่านกฎหมายที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ร้อยละ 61.22
ดร.พรพรรณ บัวทอง ระบุว่า เดือนกันยายนเป็นช่วงคาบเกี่ยวจากรัฐบาลแพทองธารสู่รัฐบาลอนุทิน ทำให้คะแนนดัชนีการเมืองไทยอาจยังสะท้อนภาพได้ไม่ชัดเจนนัก แต่การที่คะแนนปรับเพิ่มขึ้นทุกด้าน ยกเว้นผลงานฝ่ายค้าน ก็เพียงพอจะสะท้อนความรู้สึกของประชาชนว่า “หมดหวังกับรัฐบาลเดิม ขอเริ่มมีหวังกับรัฐบาลใหม่”โดยเฉพาะการจัดทีมเศรษฐกิจควบคู่กับการนำนโยบายขวัญใจอย่าง“คนละครึ่ง” กลับมา “พลัส” เงินในกระเป๋าให้ประชาชน ซึ่งเป็นการเรียกคะแนนนิยมให้กับรัฐบาลชุดนี้ได้ไม่น้อย
อาจารย์อาทิตยา คงมี อาจารย์สังกัดโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า ผลสำรวจ “ดัชนีการเมืองไทย”เดือนกันยายน 2568 ของสวนดุสิตโพล กำลังบ่งบอกว่าดัชนีการเมืองฟื้นตัว และประชาชนก็จับตาการทำงานฝ่ายค้าน-รัฐบาลอย่างใกล้ชิด หลังภาพรวมได้คะแนน 4.02 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนผลงานของฝ่ายค้าน ยังครองอันดับหนึ่งด้วยคะแนน4.57 แม้จะลดลงเล็กน้อย และนักการเมืองที่โดดเด่นที่สุดฝั่งรัฐบาลคือ อนุทิน ชาญวีรกูล ซึ่งได้รับคะแนนสูงกว่า 55% แสดงให้เห็นว่าประชาชนกำลังจับตามองนายกรัฐมนตรีคนใหม่ การที่คะแนนดัชนีหลายด้านขยับขึ้นพร้อมกัน อาจจะกำลังบ่งบอกว่าคนไทยเห็นสัญญาณเชิงบวกจากบรรยากาศการเมือง
อย่างไรก็ตาม คะแนนด้านเศรษฐกิจ เช่น ราคาสินค้า ค่าครองชีพ และการว่างงาน แม้จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแต่ยังอยู่ในระดับต่ำ แสดงให้เห็นว่าประชาชนยังคาดหวังมาตรการที่ชัดเจนและต่อเนื่อง หากรัฐบาลสามารถผลักดันนโยบายเศรษฐกิจที่จับต้องได้และลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำได้ ดัชนีการเมืองอาจฟื้นตัวต่อเนื่องในไตรมาสสุดท้ายของปี แต่หากปัญหาปากท้องไม่คลี่คลายคะแนนอาจกลับมาลดลง สิ่งที่น่าสนใจต่อไปคือ รัฐบาลและฝ่ายค้านจะตอบสนองต่อความคาดหวังของประชาชนอย่างไร เพราะผลลัพธ์ในช่วงปลายปีนี้อาจสะท้อนภาพรวมการเมืองไทยว่าจะเดินหน้าฟื้นตัวหรือกลับเข้าสู่ภาวะผันผวนอีกครั้ง
จะเห็นได้ว่าประชาชนมีความคาดหวังต่อรัฐบาลชุดใหม่อย่างต่อเนื่อง 4 เดือนนี้ขอให้ลุยเต็มที่ถ้าทำดีเพื่อสาธารณะก็มีโอกาสสูงที่จะกลับมาสานงานต่อก่องานใหม่
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี