วันศุกร์ ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / กวนน้ำให้ใส
กวนน้ำให้ใส

กวนน้ำให้ใส

สารส้ม
วันศุกร์ ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 02.00 น.
ทักษิณจะขอเบิ้ลอภัยโทษ ?!?!

ดูทั้งหมด

  •  

กรณี น.ช.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยื่นขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย เป็นครั้งที่ 2 เป็นประเด็นถกเถียงว่า สามารถกระทำได้หรือไม่? ซ้ำซ้อนหรือไม่?

ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทหรือไม่?


1. สลค.ตีกลับให้ทบทวน

เมื่อทักษิณยื่นทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาอภัยโทษครั้งที่ 2 (สมัย รมว.ยุติธรรม พ.ต.อ.ทวี) แต่มีรายงานข่าวว่า ทาง “สลค.” ได้ส่งกลับหนังสือให้ทางกระทรวงยุติธรรมพิจารณาทบทวน ก่อนส่งขึ้นไปใหม่

เมื่อวานนี้ พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระบุว่า

“ได้มีการตั้งคณะกรรมการพิจารณา โดยมอบหมายให้ นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัด ยธ. ไปตั้งกรรมการขึ้นมาเพื่อช่วยดูเรื่องข้อกฎหมาย และค่อยให้ประมวลเรื่องเสนอขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

ส่วนจะสรุปว่าสามารถขอได้หรือไม่นั้น ขอให้คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาดำเนินการอีกครั้งหนึ่งก่อน ซึ่งให้เวลา 3 วัน

ก็น่าจะประมาณวันศุกร์ที่ 3 ต.ค. หรือวันจันทร์ที่ 6 ต.ค. จึงจะมีการรายงานมาให้ทราบอีกครั้ง

แล้วค่อยนำเสนอกลับไปใหม่ที่ สลค.อีกครั้ง”

2. ทักษิณยื่นขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะรายเป็นครั้งที่ 2 โดยหลักการแล้ว ไม่สามารถทำได้

นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อัยการอาวุโส สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด ได้แสดงความเห็นทางกฎหมาย ระบุว่า กรณีที่ น.ช.ทักษิณ ยื่นขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะรายเป็นครั้งที่ 2 โดยหลักการแล้ว ไม่สามารถทำได้

อัยการปรเมศวร์อ้างถึงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 264 วรรค 2 ซึ่งระบุว่า เรื่องขอพระราชทานอภัยโทษอย่างอื่น ซึ่งมิใช่โทษประหารชีวิต ถ้าถูกยกครั้งหนึ่งแล้ว จะยื่นใหม่อีกไม่ได้ จนกว่าจะพ้น 2 ปี นับตั้งแต่วันถูกยกครั้งก่อน

“กรณีทักษิณยังไม่พ้นกำหนด 2 ปี นับตั้งแต่การขออภัยโทษในครั้งแรกที่ได้รับการลดโทษเหลือ 1 ปี ซึ่งถือเป็นการได้รับพระราชทานอภัยโทษแล้ว

ส่วนโทษประหารชีวิตเป็นข้อยกเว้นที่สามารถขอซ้ำได้”

นอกจากนี้ นายปรเมศวร์ยังได้กล่าวถึงขั้นตอนการรับโทษครั้งแรกของนายทักษิณว่า การที่เข้าเรือนจำเพียง 1 วัน ก่อนออกไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจนั้น ถือว่าเป็นการเข้ารับโทษแล้ว จึงสามารถขออภัยโทษในครั้งแรกได้ แต่สำหรับการขอซ้ำต้องรอให้ครบ 2 ปี ตนว่าอย่าไปฝืน ยิ่งกว่านั้น หากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมพิจารณาและ ยื่นเรื่องต่อ จะมีความผิดตาม มาตรา 157 (ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ)

3. “คำขอซ้ำ” ให้ทรงวินิจฉัยซ้ำ ทำไม่ได้

อาจารย์แก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความในรูปแบบถาม-ตอบ เรื่อง “คำขอพระราชทานอภัยโทษ ในโทษจำคุก 1 ปี ของทักษิณ”

เนื้อหาสาระบางส่วน ชี้ชัดว่า

“..เป็น “คำขอซ้ำ”ให้ทรงวินิจฉัยซ้ำอย่างชัดเจนครับ

ต้องเข้าใจว่า คดีชั้น ๑๔ ศาลไม่ได้ตัดสินลงโทษอะไรใหม่ในคดีใหม่อะไรเลยนะครับ แต่เป็นคดีเก่าที่ตัดสินไปแล้ว แล้วจำเลยหนีไป

๑๗ ปีให้หลังเมื่อกลับมา เค้าก็ต้องกลับมารับโทษที่เหลืออีก ๘ ปีนั้น แต่ก็ทรงพระกรุณาอภัยโทษจนเหลือโทษ ๑ ปี และเมื่อสิงหาคม ๒๕๖๖ ศาลก็ออกหมายคุมขังใน ๑ ปีที่เหลือนี้แล้ว

แต่มาปรากฏในปี ๒๕๖๘ ว่าหมายขังนี้ไม่ได้รับการบังคับตามให้ถูกต้อง เพราะมีเจ้าหน้าที่สมคบกันช่วยเหลือให้นักโทษไปนอนโรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ

ศาลจึงมีคำสั่งให้บังคับตามหมายเดิมเสียใหม่ คือ ให้ราชทัณฑ์นำตัวไปขังเลยทันที

กรณีจึงชัดเจนว่า โทษ ๑ ปี ที่ทักษิณกลับมาโดนอยู่ดีนี้ จึงป็นคดีเดิมโทษเดิมที่ศาลตัดสินไปสิบกว่าปีแล้ว

.... คำร้องซ้ำซากอย่างนี้ ในทางกฎหมาย ทำไม่ได้ครับ

หลักห้ามฟ้องซ้ำ ร้องซ้ำ อย่างนี้เป็นหลักทั่วไปของกฎหมาย

คำร้องใดที่ซ้ำซากอย่างนี้ รัฐมนตรียุติธรรมมีหน้าที่ต้องปฏิเสธไม่นำส่งเข้าสู่ราชการในพระองค์

ถ้าหลุดเข้าไปได้ ก็ผ่านการกลั่นกรองของสำนักองคมนตรีไปไม่ได้ครับ

คำร้องนี้ต้องโดนส่งกลับ เหมือนคราวรักษาการนายกฯทูลขอให้ทรงยุบสภาเมื่อเร็วๆ นี้ ที่ถูกตีกลับ เพราะมีปัญหากฎหมายครับ

.... เรื่องความถูกต้องทั้งข้อมูลและความชอบด้วยกฎหมาย เป็นเรื่องที่รัฐมนตรีต้องรับผิดชอบ ตรวจสอบรับรองจนชัดเจนเสียตั้งแต่ต้นเลยครับ

เมื่อกลั่นกรองถูกต้องแล้ว กรณีก็จะเหลือแต่ดุลพินิจแท้ๆตามพระกรุณาเท่านั้น ซึ่งนักโทษก็ได้อภัยโทษไป ๗ ปีแล้วก็เกมส์แล้วในทางกฎหมาย จะเอา ๑ ปี มาร้องซ้ำอีกไม่ได้”

อาจารย์แก้วสรรยังตั้งข้อสงสัยว่า นายทักษิณน่าจะถูกดำเนินคดี กรณีสมคบเจ้าหน้าที่รัฐ ส่งตัวนักโทษไปอยู่ชั้น14 โดยมิชอบ

“....ถ้าซ้ำด้วยโทษในคดีใหม่ ที่มีการสมคบกันช่วยเหลือนักโทษให้ไม่ต้องติดคุก ๑ ปี

ทั้งกระทงแรกที่ส่งไปนอนโรงพยาบาลตำรวจ ๖ เดือนโดยมิชอบ

กับกระทงหลังที่พักโทษใส่เฝือกคอจอมปลอมไปนอนบ้านอีก ๖ เดือน โดยอ้างว่าทรุดโทรมช่วยตัวเองไม่ได้นั้น

สองกระทงนี้ เมื่อ ป.ป.ช.กับอัยการส่งฟ้อง และศาลพิพากษาแล้ว ตัวนักโทษก็จะโดนจำคุกฐานสนับสนุนเจ้าหน้าที่กระทำผิดในหน้าที่

รวมโทษสองกระทงนี้ ก็น่าจะเพิ่มอีก ๑๐ ปี

รวมกับโทษเดิมเป็น ๑๘ ปี ครับ

โทษ ๑๘ ปี เช่นนี้นี่เองที่เหมาะสมกับความอุกอาจร้ายแรงของความผิด

ถ้าเป็นจริงได้เมื่อใดก็จะยังผลกู้คืนให้กฎหมายไทยกลับมาเป็นหลักของบ้านเมืองได้ต่อไป...”

4. ทักษิณต้องกลับไปรับโทษตามพระราชโองการเดิม หลังได้รับพระราชทานอภัยลดโทษแล้ว แต่ออกไปอยู่นอกเรือนจำโดยมิชอบ

ในคำสั่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง คําสั่งคดี หมายเลขดําที่ บค๑/๒๕๖๘ ปรากฏข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติ ระบุว่า

4.1 การส่งตัวจําเลยไปรักษาตัวนอกเรือนจําไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๕๕ และกฎกระทรวงการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจํา พ.ศ. ๒๕๖๓

4.2 ศาสตราจารย์เกียรติคุณนายแพทย์ประสิทธิ์และศาสตราจารย์นายแพทย์ ไชยรัตน์ ให้ความเห็นเกี่ยวกับการรักษาจําเลยในคืนที่รับตัว สรุปได้ว่า เมื่อพยานทั้งสองตรวจสอบจากเวชระเบียนบันทึกความคืบหน้าการรักษา เอกสารหมาย ศ.๒ แผ่นที่ ๑๔ และที่ ๑๕ พบว่าในวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๖ ที่มีการส่งตัวจําเลยมาที่ โรงพยาบาลตํารวจโดยอ้างว่าเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินนั้น ไม่มีการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และไม่มีการตามแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจมาดูอาการในทันที เพิ่งจะมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจเข้ามาตรวจจําเลยในวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๖ หรือหลังจาก ๒๔ ชั่วโมงไปแล้ว

และได้ความจากนายแพทย์วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อํานวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ในขณะนั้น และนายแพทย์พงศ์ภัค ซึ่งเป็นแพทย์เชี่ยวชาญเกี่ยวกับโรคหัวใจ สรุปได้ว่า ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์มีเครื่องมือตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ มียาขยายหลอดลมและยาลดความดันโลหิตที่ใช้รักษาจําเลยตามเวชระเบียนของโรงพยาบาลตํารวจในวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๖

แสดงให้เห็นได้ว่า อาการของจําเลยในคืนเกิดเหตุอยู่ในศักยภาพที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์สามารถรักษาได้ ไม่จําต้องส่งตัวจําเลยไปรักษานอกเรือนจํา

เชื่อได้ว่า ในคืนวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๖ จําเลยไม่ได้มีอาการแน่นหน้าอก แต่อ้างว่ามีอาการแน่นหน้าอก เพื่อให้เจ้าหน้าที่เรือนจําพิเศษกรุงเทพมหานครใช้เหตุดังกล่าวเป็นข้ออ้างในการส่งตัวจําเลยไปรักษา

4.3 นอกจากนี้ ยังได้ความจากนายแพทย์วัฒน์ชัยและนายแพทย์พงศ์ภัคอีกว่า อาการของจําเลยตามที่ระบุใน เวชระเบียนของโรงพยาบาลตํารวจนับแต่วันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๖ เป็นต้นไปนั้น ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์สามารถดูแลจําเลยได้ ซึ่งข้อเท็จจริงในส่วนนี้ พันตํารวจเอกนายแพทย์ชนะก็เบิกความยืนยันว่า อาการของจําเลยตั้งแต่วันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๖ จําเลยสามารถกลับไปรักษาตัวที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้

จึงเห็นได้ว่า อาการแน่นหน้าอกของจําเลยหากเกิดขึ้นจริงดังที่จําเลยอ้าง อาการของจําเลยก็ทุเลาดีขึ้นและจําเลยก็สามารถกลับไปรักษาตัวที่สถานพยาบาลของเรือนจําพิเศษกรุงเทพมหานครหรือทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้ตั้งแต่วันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๖ เป็นต้นไป

สําหรับการรักษาจําเลย ที่โรงพยาบาลตํารวจตั้งแต่วันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๖ จนถึงวันที่จําเลยออกจากโรงพยาบาลตํารวจเมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ นั้น

แพทย์โรงพยาบาลตํารวจออกใบแสดงความเห็นแพทย์ให้เรือนจําพิเศษกรุงเทพมหานคร และผู้บัญชาการเรือนจําพิเศษกรุงเทพมหานครใช้ใบรับรองแพทย์ฉบับลงวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๖๖ วันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๖ และวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๖ เป็นหลักฐานประกอบบันทึกข้อความถึงอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ขออนุญาตให้จําเลยพักรักษาตัวนอกเรือนจําต่อไปเกินกว่า ๓๐ วัน ๖๐ วัน และ ๑๒๐ วัน โดยอ้างเหตุต้องรักษาแผลผ่าตัด ต้องรับการผ่าตัดเร่งด่วน ต้องรักษาสมองขาดเลือดและผ่าตัดภาวะกระดูกคอเสื่อม ตามลําดับ

ทั้งที่การผ่าตัดตามที่ระบุในใบแสดงความเห็นแพทย์ เป็นการผ่าตัดนิ้วล็อก ผ่าตัดเอ็นหัวไหล่ขวา ซึ่งฉีกขาดเพราะจําเลยประสบอุบัติเหตุขณะพักอยู่ที่โรงพยาบาลตํารวจ และมิใช่สาเหตุการป่วยอันเป็นเหตุที่อ้างใช้ส่งตัวจําเลยมาที่โรงพยาบาลตํารวจ และการผ่าตัดภาวะกระดูกคอเสื่อม แพทย์เคยเสนอจําเลยให้ผ่าตัดภายหลังจากจําเลยอยู่โรงพยาบาลตํารวจ แต่จําเลยปฏิเสธการผ่าตัด

ทั้งได้ความว่า ในที่สุดก็ไม่มีการผ่าตัดกระดูกคอกดทับไขสันหลังและเส้นประสาทของจําเลยแต่อย่างใด จนกระทั่งจําเลยออกจากโรงพยาบาลตํารวจ

4.4 ข้อเท็จจริง จึงรับฟังได้ว่า การบังคับโทษจําคุกจําเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และตามพฤติการณ์ดังกล่าวมาข้างต้น บ่งชี้ให้เห็นว่า จําเลยทราบข้อเท็จจริงหรือรับรู้เหตุการณ์ได้ว่าตนไม่ได้ป่วยวิกฤตฉุกเฉิน แต่จําเลยมีเพียงโรคประจําตัวซึ่งเป็นโรค เรื้อรังที่รักษาตัวแบบผู้ป่วยนอกได้ โดยไม่จําเป็นต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตํารวจ เพราะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพและสภาวะร่างกายของจําเลยเอง

นอกจากนั้น ยังได้ความว่าจําเลยเข้ามามีส่วนตัดสินใจในกระบวนการรักษาของแพทย์ โดยปฏิเสธการผ่าตัดรักษาโรคหัวใจและโรคกระดูกคอกดทับไขสันหลังและเส้นประสาท แต่ให้แพทย์รักษาโดยการรับประทานยาตามอาการและเลือกรับการผ่าตัดนิ้วล็อกและเอ็นหัวไหล่ขวาซึ่งไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน และเป็นผลทําให้การรักษาตัวจําเลยในโรงพยาบาลตํารวจขยายระยะเวลาออกไป

จําเลยจึงได้รับประโยชน์จากการพักอยู่ที่โรงพยาบาลตํารวจ โดยไม่ต้องกลับไปถูกคุมขังที่เรือนจําพิเศษกรุงเทพมหานครจนได้รับการปล่อยตัว และไม่อาจอ้างว่าเป็นการดําเนินการของแพทย์และเจ้าหน้าที่มิได้เกิดจากการกระทําของจําเลยเพื่อถือเอาประโยชน์จากระยะเวลาที่พักอยู่ที่โรงพยาบาลตํารวจมาหักวันคุมขังโทษตามคําพิพากษา

4.5 เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๖ มีพระบรมราชโองการพระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษให้จําเลยเหลือโทษจําคุกต่อไป อีก ๑ ปี ตามกําหนดโทษตามคําพิพากษา

ดังนี้ ย่อมมีผลทําให้จําเลยได้รับการลดโทษ และต้องรับโทษจําคุกตามคําพิพากษาต่อไปอีก ๑ ปี นับแต่วันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๖ แต่หามีผลทําให้การบังคับโทษจําคุกจําเลยสิ้นสุดลงไม่

เมื่อการบังคับโทษจําเลยเป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายดังที่ได้วินิจฉัยมาข้างต้น กระบวนการบังคับโทษ รวมทั้งการพักการลงโทษจําเลย จึงไม่มีผลตามกฎหมาย

และไม่อาจนําเอาระยะเวลาที่พักอยู่ที่โรงพยาบาลตํารวจมาหักเป็นวันคุมขังได้

จําเลยจึงต้องรับโทษจําคุกอีก ๑ ปี ตามพระบรมราชโองการ...”

5. อดีตนายกฯ ทักษิณ ติดคุก เพราะคดีทุจริตประพฤติมิชอบ

คดีหมายเลขแดงที่ อม ๔/๒๕๕๑ คดีหมายเลขแดงที่ อม ๕/๒๕๕๑ และคดีหมายเลขแดง ที่ อม ๑๐/๒๕๕๒

ต้องโทษจำคุก รวม 8 ปี

เมื่ออดีตนายกฯทักษิณกลับมารับโทษ ก็ยังไม่ยอมติดคุกจริงๆ

ทั้งๆ ที่ ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษเหลือ 1 ปี แต่กลับไปอยู่โรงพยาบาลตำรวจชั้น 14 โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ผิดกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง

กระทั่งศาลฎีกาฯ มติเอกฉันท์ มีคำสั่งให้ต้องกลับเข้าคุกจริงๆ โดยต้องรับโทษจำคุก 1 ปี ตามพระราชโองการเดิม

การจะมาถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษเป็นรายบุคคลซ้ำอีก จึงเสมือนจะขอเบิ้ล

ไม่อาจกระทำได้ หรือไม่บังควรที่จะกระทำ รวมทั้งอาจเป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท หรือไม่?

สารส้ม

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
21:53 น. สทนช.เร่งพร่องน้ำ'เขื่อนสิริกิติ์' 25 ล้าน ลบ.ม. กันล้น รับมือฝนระลอกใหม่ 5-7 ต.ค.
21:50 น. แม่ก็คือแม่! 'แอน สิเรียม'เสิร์ฟช็อตโนบรา อวดหุ่นเป๊ะทำใจสั่นกันทั้งโซเชียล
21:45 น. แห่คอมเมนต์สนั่น! นักร้องหนุ่มทำโซเชียลสับสน สรุป'แม่ทัพ'หรือ'มนต์แคน แก่นคูณ'ตัวจริง?
21:22 น. สยองวันศักดิ์สิทธิ์! ชายขับรถพุ่งชน-ไล่แทงคนใกล้โบสถ์ยิวในแมนเชสเตอร์
21:17 น. เปิดตัวชุดซีเกมส์!‘แกรนสปอร์ต’เน้นย้ำความเป็นไทย
ดูทั้งหมด
ภรรยาสุดปลื้ม! 'เสธเบิร์ด'ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็น'พลโท' แฟนคลับแห่ยินดีเพียบ
ครั้งประวัติศาสตร์! เปิดโผเจ้าภาพวอลเลย์โลก2027
เปิดสถิติย้อนหลังเลข 'วันพุธ' ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล เลขไหนออกบ่อยที่สุด!!
เปิดประวัติ‘เจ๊เกียว’ หญิงแกร่งยอดนักสู้เมืองย่าโม สู่ตำนานผู้บุกเบิก‘เจ้าแม่รถทัวร์’เมืองไทย
แห่ชื่นชม‘สีหศักดิ์’! ตอกหน้า‘เขมร’กลางUN เหยื่อคือ‘เด็ก-คนชรา’ของไทยไม่ใช่กัมพูชา (ชมคลิป)
ดูทั้งหมด
รบเป็นรบเผด็จศึก‘เขมร’
บุคคลแนวหน้า : 3 ตุลาคม 2568
ร่างกม.นิรโทษกรรมรุกป่า
5 ด่านสุดหิน
ทักษิณจะขอเบิ้ลอภัยโทษ ?!?!
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

สทนช.เร่งพร่องน้ำ'เขื่อนสิริกิติ์' 25 ล้าน ลบ.ม. กันล้น รับมือฝนระลอกใหม่ 5-7 ต.ค.

แม่ก็คือแม่! 'แอน สิเรียม'เสิร์ฟช็อตโนบรา อวดหุ่นเป๊ะทำใจสั่นกันทั้งโซเชียล

ภรรยาสุดปลื้ม! 'เสธเบิร์ด'ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็น'พลโท' แฟนคลับแห่ยินดีเพียบ

แห่คอมเมนต์สนั่น! นักร้องหนุ่มทำโซเชียลสับสน สรุป'แม่ทัพ'หรือ'มนต์แคน แก่นคูณ'ตัวจริง?

สยองวันศักดิ์สิทธิ์! ชายขับรถพุ่งชน-ไล่แทงคนใกล้โบสถ์ยิวในแมนเชสเตอร์

เปิดตัวชุดซีเกมส์!‘แกรนสปอร์ต’เน้นย้ำความเป็นไทย

  • Breaking News
  • สทนช.เร่งพร่องน้ำ\'เขื่อนสิริกิติ์\' 25 ล้าน ลบ.ม. กันล้น รับมือฝนระลอกใหม่ 5-7 ต.ค. สทนช.เร่งพร่องน้ำ'เขื่อนสิริกิติ์' 25 ล้าน ลบ.ม. กันล้น รับมือฝนระลอกใหม่ 5-7 ต.ค.
  • แม่ก็คือแม่! \'แอน สิเรียม\'เสิร์ฟช็อตโนบรา อวดหุ่นเป๊ะทำใจสั่นกันทั้งโซเชียล แม่ก็คือแม่! 'แอน สิเรียม'เสิร์ฟช็อตโนบรา อวดหุ่นเป๊ะทำใจสั่นกันทั้งโซเชียล
  • แห่คอมเมนต์สนั่น! นักร้องหนุ่มทำโซเชียลสับสน  สรุป\'แม่ทัพ\'หรือ\'มนต์แคน แก่นคูณ\'ตัวจริง? แห่คอมเมนต์สนั่น! นักร้องหนุ่มทำโซเชียลสับสน สรุป'แม่ทัพ'หรือ'มนต์แคน แก่นคูณ'ตัวจริง?
  • สยองวันศักดิ์สิทธิ์! ชายขับรถพุ่งชน-ไล่แทงคนใกล้โบสถ์ยิวในแมนเชสเตอร์ สยองวันศักดิ์สิทธิ์! ชายขับรถพุ่งชน-ไล่แทงคนใกล้โบสถ์ยิวในแมนเชสเตอร์
  • เปิดตัวชุดซีเกมส์!‘แกรนสปอร์ต’เน้นย้ำความเป็นไทย เปิดตัวชุดซีเกมส์!‘แกรนสปอร์ต’เน้นย้ำความเป็นไทย
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

ทักษิณจะขอเบิ้ลอภัยโทษ ?!?!

ทักษิณจะขอเบิ้ลอภัยโทษ ?!?!

3 ต.ค. 2568

เพิ่มทางเลือกในการออมให้ประชาชน

เพิ่มทางเลือกในการออมให้ประชาชน

2 ต.ค. 2568

ทองคำทะลุ 6 หมื่นบาท  แล้วไงต่อ?

ทองคำทะลุ 6 หมื่นบาท แล้วไงต่อ?

1 ต.ค. 2568

ทวงคืนเกียรติและศักดิ์ศรีของประเทศไทย  ด้วยความจริง และความกล้าหาญ

ทวงคืนเกียรติและศักดิ์ศรีของประเทศไทย ด้วยความจริง และความกล้าหาญ

30 ก.ย. 2568

พรรคส้มไม่สำเหนียก ไม่สำนึก  ยังจะดันทุรังเดินหน้าแก้ ม.112

พรรคส้มไม่สำเหนียก ไม่สำนึก ยังจะดันทุรังเดินหน้าแก้ ม.112

29 ก.ย. 2568

ไม่แก้รัฐธรรมนูญ  ไม่สิ้นเปลือง ไม่เสียเวลา ไม่เอื้อนักการเมืองโกง

ไม่แก้รัฐธรรมนูญ ไม่สิ้นเปลือง ไม่เสียเวลา ไม่เอื้อนักการเมืองโกง

26 ก.ย. 2568

ทองคำจะไปถึง 60,000 บาท !?!

ทองคำจะไปถึง 60,000 บาท !?!

25 ก.ย. 2568

นายหน้า กับ นอมินีนักการเมือง  ทรัพย์สินมหาศาลในเงามืด

นายหน้า กับ นอมินีนักการเมือง ทรัพย์สินมหาศาลในเงามืด

24 ก.ย. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved