ตั้งแต่ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ที่มีการปฏิวัติรัฐประหารยึดอำนาจโดยฝ่ายกองทัพในประเทศเมียนมาจนกระทั่งบัดนี้ การปฏิวัติรัฐประหารก็ยังไม่สัมฤทธิผล กล่าวคือฝ่ายกองทัพพม่ายังไม่สามารถยึดครองการบริหารประเทศเมียนมาได้ทั้งประเทศ เพราะเผชิญกับการต่อต้านจากประชาชนทุกหมู่เหล่าอย่างกว้างขวาง เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับเผด็จการทหาร ต่างต้องการมีชีวิตอยู่ด้วยสิทธิเสรีภาพ และเป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งประชาชนพลเมืองไม่ว่าจะชาติพันธุ์หนึ่งใดในพม่าก็เลือกจะจับอาวุธขึ้นต่อสู้กับรัฐบาลเผด็จการทหาร
ณ วันนี้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าเมียนมาอยู่ในสภาวะของสงครามกลางเมือง และสภาวะการสู้รบ จัดได้ว่าอยู่ในขั้นชะงักงัน (Stalemate) นั่นคือมีทีท่าว่าจะไม่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเอาชนะอีกฝ่ายหนึ่งได้โดยเด็ดขาด สงครามกลางเมืองจึงกลายเป็นสงครามที่ยืดเยื้อ สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงให้กับสังคมเมียนมา และมีผลกระทบในเชิงลบต่อประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งในเรื่องผู้อพยพลี้ภัยและในเรื่องการแพร่ขยายของอาชญากรรมข้ามชาติต่างๆ ไปจนถึงการทำลายสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ และการแพร่ขยายของโรคภัยไข้เจ็บ
ในสภาพการณ์นี้ การคาดหวังให้คู่กรณีของเมียนมายอมกลับสู่โต๊ะเจรจาก็คงจะเป็นเรื่องยากลำบาก เพราะเดิมพันคือ ฝ่ายหนึ่งต้องอยู่ และอีกฝ่ายหนึ่งต้องไป และฉะนั้นการแสวงหาจุดร่วมและการแสวงหาจุดปรองดองสมานฉันท์จึงต้องเป็นเรื่องของการที่จะต้องมี “มือที่ 3” เข้ามาเกี่ยวข้อง
เท่าที่ผ่านมา มือที่ 3 ที่ยื่นเข้ามาก็คือ ประชาคมอาเซียน ด้วยเหตุที่ว่าเมียนมาเป็นสมาชิกประเทศของประชาคมอาเซียน และฉะนั้นประชาคมอาเซียนโดยประเทศสมาชิกอื่นๆ ก็ต้องยื่นมือเข้าช่วยเหลือเป็นสำคัญ ซึ่งบทบาทของประชาคมอาเซียนในการไกล่เกลี่ยและยุติการขัดแย้งภายในเมียนมาก็เป็นที่ยอมรับ และเป็นที่คาดหวังของประชาคมโลกด้วย เนื่องจากประชาคมอาเซียนมีความชอบธรรมในการที่จะเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาของเมียนมา
แต่ทว่าบทบาทรวมของประชาคมอาเซียนก็เป็นไปอย่างกระท่อนกระแท่นด้วยสาเหตุต่างๆ เช่น ความเป็นหนึ่งเดียวกันของประเทศสมาชิก ความเอาจริงเอาจังและวิสัยทัศน์ของบรรดาผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนที่เกี่ยวข้อง ไปจนถึงการขาดซึ่งความกระตือรือร้นของประเทศสมาชิกประชาคมอาเซียนบางประเทศ เป็นต้น
ในการนี้ก็พอสรุปในชั้นนี้ได้ว่าประชาคมอาเซียนยังแก้ปัญหาของเมียนมาไม่ได้ แล้วก็คงจะอยู่ในฐานะที่จะแก้ปัญหาต่อไปไม่ได้ จึงมีคำถามตามมาว่า แล้วใครผู้ใดเล่าที่จะดำเนินการต่อไป เพื่อบรรลุเป้าหมายของสันติภาพในเมียนมาให้ได้?
ชาวโลกก็ต้องกลับไปมองที่องค์การสหประชาชาติเป็นสำคัญ และในกรอบนี้หน่วยงานที่สำคัญยิ่งที่มีภาระหน้าที่และมีอำนาจในการจรรโลงสันติภาพและความมั่นคงของโลกก็คือ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UN Security Council) ซึ่งมีประเทศสมาชิกถาวร อันได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน รัสเซีย สหราชอาณาจักร(อังกฤษ) และฝรั่งเศส แต่ในระยะหลังๆ คณะมนตรีความมั่นคงฯ ก็มักจะมีปัญหาขัดแข้งขัดขากันมาโดยตลอด โดยเฉพาะระหว่างสหรัฐฯ อังกฤษ และฝรั่งเศสฝ่ายหนึ่ง กับจีน และรัสเซีย อีกฝ่ายหนึ่งมีผลให้บทบาทของคณะมนตรีความมั่นคงฯมีลักษณะของเป็ดง่อย
เมื่อชาวโลกพึ่งพาประชาคมอาเซียน หรือคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติไม่ได้ ชาวโลกก็ต้องคาดหวังว่าจะมีประเทศหนึ่งใดที่จะเสนอตัวออกมาช่วยแก้ไขและยุติปัญหาของเมียนมา การนี้ชาวโลกก็ต้องพุ่งความสนอกสนใจและความคาดหวังไปที่ผู้นำสหรัฐอเมริกา คือประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ได้ประกาศเสนอตัวว่าจะเป็นผู้สร้างสันติภาพให้กับโลก แล้วก็ได้ป่าวประกาศว่าตนได้ทำการสัมฤทธิผลมาบ้างแล้ว เช่น การยุติมิให้ความขัดแย้งระหว่างปากีสถานกับอินเดียลามปาม การยุติการสู้รบระหว่างไทยกับกัมพูชา และการยุติการสู้รบระหว่างรวันดากับคองโกประชาธิปไตย เป็นต้น และบัดนี้ได้มีข้อเสนอเพื่อยุติการสู้รบที่ฉนวนกาซา
หากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ รับเรื่องเมียนมามาดำเนินการ ก็เป็นที่คาดหวังได้ว่าจะได้รับความร่วมมือจากญี่ปุ่นและออสเตรเลีย ซึ่งมีทุนทรัพย์ที่สามารถนำไปช่วยฟื้นฟูและพัฒนาเมียนมาได้ ทั้งนี้ ญี่ปุ่นก็อยู่ในฐานะที่จะโน้มน้าวให้สหรัฐอเมริกาเข้ามารับมือแก้ปัญหาเมียนมาได้ เพราะญี่ปุ่นมีความน่าเชื่อถือ ประเทศตั้งอยู่ห่างไกลเมียนมา ไม่เหมือนกับจีน และอินเดียที่มีเขตแดนติดต่อกับเมียนมา ซึ่งการจะดำรงสถานะเป็นกลาง หรือความไม่เอนเอียง ก็คงจะไม่สามารถกระทำได้อย่างเต็มที่เฉกเช่นญี่ปุ่น
ล่าสุดฝ่ายสหรัฐฯ ได้กำหนดวงเงินประมาณ 70 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อใช้ในการดูแลชนกลุ่มน้อยโรฮีนจา ที่อพยพมาจากเมียนมามาอยู่ที่บังกลาเทศ ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของบทบาทสหรัฐฯ และก็หวังว่าจะดำเนินการต่อไปให้กับเมียนมาในการหยุดยิงและร่วมโต๊ะเจรจา
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี