เมื่อวานนี้ พรรคเพื่อไทยจัดงานใหญ่ อดีตนายกฯแพทองธาร ชินวัตร กล่าวเปิดหัวปาฐกถา ในหัวข้อ “ยกเครื่องเพื่อไทย ยกเครื่องประเทศไทย”
อ้างว่า รัฐบาลเพื่อไทย ถูกกระทำให้เป็นฝ่ายค้าน
โอดครวญว่า ทักษิณต้องอยู่ในเรือนจำ โดยคดีที่ตั้งต้นด้วยอำนาจรัฐประหาร
อ้างว่า เลือกตั้งซ่อมมีทั้งชนะและแพ้
พร้อมประกาศสวนหมัดว่า ที่เขาบอกกันว่า พท.ถึงทางตัน ตายแน่นอน สูญพันธ์ุแน่ ยืนยันว่า ถ้าสูญพันธุ์ ก็สูญไปนานแล้ว !!!
1. ถ้าดูตามผลโพล ไอเอฟดีโพลและเซอร์เวย์
ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ (ดร.แดน) ประธานสถาบันการสร้างชาติ และประธานสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา เปิดเผยผลการสำรวจหัวข้อ “ประชาชนอยากได้-ไม่อยากได้พรรคไหนเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล”
พบว่า
(1) พรรคภูมิใจไทย ได้คะแนน “อยากให้เป็นแกนนำ” สูงสุด ร้อยละ 20.57
พรรคประชาชน ร้อยละ 16.91
พรรคทางเลือกใหม่ ร้อยละ 7.40
พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 5.28
ขณะที่ยังมีผู้ไม่เลือกพรรคใดเลย ร้อยละ 23.82 และ “ยังไม่แน่ใจ” ร้อยละ 21.87
(2) ส่วนด้าน “พรรคที่ไม่อยากให้เป็นแกนนำ” พบว่า พรรคเพื่อไทยถูกปฏิเสธมากที่สุด ร้อยละ 41.86
รองลงมาคือ พรรคประชาชน ร้อยละ 24.19
และพรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 16.78
(3) เมื่อถามถึง “พรรคที่มีโอกาสได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลมากที่สุด” ประชาชนมองว่า พรรคภูมิใจไทยนำ ร้อยละ 25.53
พรรคประชาชน ร้อยละ 18.70
ขณะที่ยังมีผู้ไม่แน่ใจสูงถึงร้อยละ 34.96
ดร.แดน ระบุว่า ภาพรวมผลโพลสะท้อนว่า การเมืองไทยยังอยู่ในสภาวะ “สามก๊กใหญ่” ได้แก่ พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาชน และพรรคเพื่อไทย ซึ่งยังไม่ใช่คำตอบของคนไทย
โดยประชาชนเกือบครึ่งหนึ่งยังไม่แน่ใจจะเลือกพรรคใดเป็นแกนนำรัฐบาล แสดงถึงภาวะลังเลและความไม่เชื่อมั่นต่อพรรคการเมืองในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม พรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชนยังถูกมองว่ามีโอกาสสูงที่สุดในการจัดตั้งรัฐบาลรอบหน้า
ขณะที่พรรคใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว ยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนได้
2. แต่เมื่อดูวาทกรรมที่อดีตนายกฯอุ๊งอิ๊งค์พยายามจะเสกสร้างรอบใหม่
ดูแล้ว เหมือนไม่ได้สะท้อนความสำนึกในการกระทำผิดพลาดใดๆ ของตนและและพวก ในยามที่เคยได้อยู่ในอำนาจรัฐเลยแม้แต่น้อย
3. หัวหน้าพรรคเพื่อไทย อดีตนายกฯอุ๊งอิ๊งค์ เหมือนนอนหลับตื่นขึ้นมา ลืมไปว่าตนเองเคยกระทำอะไรไว้ ถึงได้พ้นตำแหน่งนายกฯ
และเคยเป็นนายกฯแล้วล้มเหลวในการขับเคลื่อนนโยบายหาเสียงอย่างไร
อย่าลืมไปเสีย... กรณีหัวหน้าพรรคเพื่อไทยนั่นเอง ที่มีพฤติกรรมปรากฏตามคลิปเสียงสนทนากับฮุนเซน จนถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง ต้องพ้นจากตำแหน่ง
คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ระบุพฤติการณ์ร้ายแรงของนายกฯ ที่เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เช่น
“... เปิดเผยลักษณะอ่อนแอทางการเมืองในประเทศให้กัมพูชาทราบ...
แสดงยอมตน หรือยอมจำนนล่วงหน้าให้ฮุนเซน...
เปิดช่องให้กัมพูชาหยิบยื่นข้อเรียกร้องต่อฝ่ายไทยได้ตามความต้องการ...
ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ชาติ เพราะรู้จักกับฮุนเซนส่วนตัว และดำเนินการเอื้อประโยชน์แก่กัมพูชา...
ไม่ใช่เทคนิคการเจรจาตามที่กล่าวอ้าง แต่ปฏิบัติหน้าที่ขาดความรอบคอบ ระมัดระวัง
ตามวิสัยและพฤติการณ์ดำรงตำแหน่งนายกฯ...
ประโยชน์ส่วนตัว คือ คะแนนนิยม เพื่อเสถียรภาพรัฐบาล ผู้ถูกร้องกลับไม่คำนึงถึง
หรือยึดผลประโยชน์ชาติเป็นที่ตั้ง...
ลดทอนหรือทำให้เสียหายซึ่งเกียรติภูมิ หรือเกียรติของนายกฯ และประเทศไทย..
มีลักษณะเป็นการไม่พิทักษ์ไว้ซึ่งเกียรติภูมิ แต่ถือเอาประโยชน์ส่วนตัวเหนือกว่าผลประโยชน์ชาติ
อันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมฯ มีลักษณะร้ายแรง…
..ทำให้สาธารณชนเกิดความเคลือบแคลงสงสัยว่า ผู้ถูกร้องจะทำการใดๆ อันเป็นประโยชน์ต่อกัมพูชา
มากกว่าประโยชน์ของชาติ เป็นเหตุให้สาธารณชนขาดความเชื่อถือศรัทธานายกฯ ของไทย
... เสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ของนายกฯ ไม่ยึดมั่นกฎหมาย และไม่คำนึงผลประโยชน์ชาติ …”
4. ส่วนที่ยังพยายามฟอกขาวให้คดีบิดา อันเป็นเหตุให้ติดคุก ก็เหมือนลืมไปแล้วว่า ทักษิณเคยถวายฎีกา ขอพระราชทานอภัยโทษ
ทักษิณระบุว่า ยอมรับผิดตามคำพิพากษา
ทักษิณอ้างว่าสำนึกผิดแล้ว
แถมได้รับพระราชทานอภัยลดโทษ เหลือ 1 ปี แล้วก็ยังไม่ติดคุกตามพระบรมราชโองการกระทั่งศาลฎีกาให้กลับไปติดคุกให้ครบถ้วน
กระนั้น ยังอุตส่าห์ขอถวายฎีกา รอบสอง อ้างอีกว่าสำนึกในการกระทำผิดแล้วทุกอย่าง
ขอเบิ้ล
คราวนี้ กระทั่งอดีต รมว.ยุติธรรม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ลูกน้องคนใกล้ชิด ก็ยังต้องยกฎีกา คือ ให้เห็นควรให้ได้รับการอภัยโทษ เพราะต้องติดคุกตามที่ศาลฎีกาสั่ง ตามพระบรมราชโองการนั่นเอง
5. ลูกสาวทักษิณยังอุตส่าห์ โมเมอ้างเรื่องรัฐประหาร
ทั้งๆ ที่ อดีตนายกฯ ทักษิณ ติดคุก เพราะคดีทุจริตประพฤติมิชอบ
ขณะนี้ อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ต้องรับโทษในคุก เป็นกรรมเก่า ตามคำพิพากษาคดีทุจริตประพฤติมิชอบในอดีต 3 คดี
คดีหมายเลขแดงที่ อม ๔/๒๕๕๑ คดีหมายเลขแดงที่ อม ๕/๒๕๕๑ และคดีหมายเลขแดง ที่ อม ๑๐/๒๕๕๒
คดีทุจริตเงินกู้เอ็กซิมแบงก์ คุก 3 ปี
คดีทุจริตหวยบนดิน 2 ตัว 3 ตัว คุก 2 ปี
คดีแปลงสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิตเอื้อหุ้นชินคอร์ป คุก 5 ปี
ต้องโทษจำคุก รวม 8 ปี แต่หนีคดีไปต่างประเทศ เคลื่อนไหวทางการเมือง(เกิดเหตุการณ์เสื้อแดงเผาบ้านเผาเมือง ล้มประชุมอาเซียน ฆ่าทหาร ก่อการร้ายกลางกรุง) ระหว่างนั้น มีอดีตรัฐมนตรีคนใกล้ชิดทุจริตติดคุกอีกหลายคน
อาทิ คดีอดีตผู้บริหารทศท.ลดค่าสัมปทานให้เอไอเอส คดีแก้สัญญาสัมปทานดาวเทียม คดีทุจริตระบายข้าวจีทูจีเก๊ คดีธรณีสงฆ์อัลไพน์ คดีสินบนบ้านเอื้ออาทร คดีอดีตนายกฯอุ๊งอิ๊งค์คุยฮุนเซนไม่รักษาเกียรติภูมิประเทศชาติ ฯลฯ
เมื่ออดีตนายกฯทักษิณกลับมารับโทษ ก็ยังไม่ยอมติดคุกจริงๆ
ทั้งๆ ที่ ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษเหลือ 1 ปี แต่กลับไปอยู่โรงพยาบาลตำรวจชั้น 14 โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ผิดกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง กระทั่งศาลฎีกาฯ มติเอกฉันท์ มีคำสั่งให้ต้องกลับเข้าคุกจริงๆ ต้องรับโทษจำคุก 1 ปี ตามคำพิพากษาเดิม
6. แสร้งลืมว่า ความจริงเรื่องชั้น 14 ปรากฏชัดในคำสั่งศาลฎีกาแล้ว
ในคำสั่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง คําสั่งคดีหมายเลขดําที่ บค๑/๒๕๖๘ ปรากฏข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติ และศาลฯ ได้ชี้ประเด็นสำคัญอย่างยิ่ง ระบุว่า
“...การส่งตัวจําเลยไปรักษาตัวนอกเรือนจําไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๕๕ และกฎกระทรวงการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจํา พ.ศ. ๒๕๖๓
สําหรับการรักษาจําเลย ที่โรงพยาบาลตํารวจตั้งแต่วันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๖ จนถึงวันที่จําเลยออกจากโรงพยาบาลตํารวจเมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ นั้น แพทย์โรงพยาบาลตํารวจออกใบแสดงความเห็นแพทย์ให้เรือนจําพิเศษกรุงเทพมหานครและผู้บัญชาการเรือนจําพิเศษกรุงเทพมหานครใช้ใบรับรองแพทย์ฉบับลงวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๖๖ วันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๖ และวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๖ เป็นหลักฐานประกอบบันทึกข้อความถึงอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ขออนุญาตให้จําเลยพักรักษาตัวนอกเรือนจําต่อไปเกินกว่า ๓๐ วัน ๖๐ วัน และ ๑๒๐ วัน โดยอ้างเหตุต้องรักษาแผลผ่าตัด ต้องรับการผ่าตัดเร่งด่วน ต้องรักษาสมองขาดเลือดและผ่าตัดภาวะ กระดูกคอเสื่อม ตามลําดับ
ทั้งที่การผ่าตัดตามที่ระบุในใบแสดงความเห็นแพทย์ เป็นการผ่าตัดนิ้วล็อก ผ่าตัดเอ็นหัวไหล่ขวา ซึ่งฉีกขาดเพราะจําเลยประสบอุบัติเหตุขณะพักอยู่ที่โรงพยาบาลตํารวจ และมิใช่สาเหตุการป่วยอันเป็นเหตุที่อ้างใช้ส่งตัวจําเลยมาที่โรงพยาบาลตํารวจ และการผ่าตัดภาวะกระดูกคอเสื่อม แพทย์เคยเสนอจําเลยให้ผ่าตัดภายหลังจากจําเลยอยู่โรงพยาบาลตํารวจ แต่จําเลยปฏิเสธการผ่าตัด
ทั้งได้ความว่า ในที่สุดก็ไม่มีการผ่าตัดกระดูกคอกดทับไขสันหลังและเส้นประสาทของจําเลยแต่อย่างใด จนกระทั่งจําเลยออกจากโรงพยาบาลตํารวจ
ข้อเท็จจริง จึงรับฟังได้ว่า การบังคับโทษจําคุกจําเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และตามพฤติการณ์ดังกล่าวมาข้างต้น บ่งชี้ให้เห็นว่า จําเลยทราบข้อเท็จจริงหรือรับรู้เหตุการณ์ได้ว่าตนไม่ได้ป่วยวิกฤตฉุกเฉิน แต่จําเลยมีเพียงโรคประจําตัวซึ่งเป็นโรคเรื้อรังที่รักษาตัวแบบผู้ป่วยนอกได้ โดยไม่จําเป็นต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตํารวจ เพราะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพและสภาวะร่างกายของจําเลยเอง
นอกจากนั้น ยังได้ความว่าจําเลยเข้ามามีส่วนตัดสินใจในกระบวนการรักษาของแพทย์โดยปฏิเสธการผ่าตัดรักษาโรคหัวใจและโรคกระดูกคอกดทับไขสันหลังและเส้นประสาท แต่ให้แพทย์รักษาโดยการรับประทานยาตามอาการและเลือกรับการผ่าตัดนิ้วล็อกและเอ็นหัวไหล่ขวาซึ่งไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน และเป็นผลทําให้การรักษาตัวจําเลยในโรงพยาบาลตํารวจขยายระยะเวลาออกไป
จําเลยจึงได้รับประโยชน์จากการพักอยู่ที่โรงพยาบาลตํารวจ โดยไม่ต้องกลับไปถูกคุมขังที่เรือนจําพิเศษกรุงเทพมหานครจนได้รับการปล่อยตัว และไม่อาจอ้างว่าเป็นการดําเนินการของแพทย์และเจ้าหน้าที่มิได้เกิดจากการกระทําของจําเลยเพื่อถือเอาประโยชน์จากระยะเวลาที่พักอยู่ที่โรงพยาบาลตํารวจมาหักวันคุมขังโทษตามคําพิพากษา
เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๖ มีพระบรมราชโองการพระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษให้จําเลยเหลือโทษจําคุกต่อไป อีก ๑ ปี ตามกําหนดโทษตามคําพิพากษา ดังนี้ ย่อมมีผลทําให้จําเลยได้รับการลดโทษ และต้องรับโทษจําคุกตามคําพิพากษาต่อไปอีก ๑ ปี นับแต่วันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๖ แต่หามีผลทําให้การบังคับโทษจําคุกจําเลยสิ้นสุดลงไม่ เมื่อการบังคับโทษจําเลยเป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายดังที่ได้วินิจฉัยมาข้างต้น กระบวนการบังคับโทษ รวมทั้งการพักการลงโทษจําเลย จึงไม่มีผลตามกฎหมาย และไม่อาจนําเอาระยะเวลาที่พักอยู่ที่โรงพยาบาลตํารวจมาหักเป็นวันคุมขังได้จําเลยจึงต้องรับโทษจําคุกอีก ๑ ปี ตามพระบรมราชโองการ...”
รออยู่ว่า ป.ป.ช. แจ้งข้อกล่าวหาใครเพิ่มเติมบ้าง ในคดีไต่สวนเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหน้าที่มิชอบ กรณีป่วยทิพย์ชั้น 14?
อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร จะถูกแจ้งข้อกล่าวหาในฐานะผู้สนับสนุน ด้วยหรือไม่?
ทั้งหมด ตอกย้ำ “ความจริงในคำพิพากษา” ไม่ได้ซึมเข้ากะลาหัว ทะลุถึงชั้นจิตสำนึกใครบางคนเลย
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี