ตอนนี้ดูท่าว่า ผู้นำเขมรสองพ่อลูก ฮุนเซน กับฮุน มาเนต น่าจะอาการหนัก หลังจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ จับมือกับสหราชอาณาจักรไล่ทุบกล่องดวงใจ โดยดำเนินมาตรการคว่ำบาตรและฟ้องริบทรัพย์สินของ เฉิน จื้อ นักธุรกิจเชื้อสายจีนสัญชาติกัมพูชา วัย 38 ปี ซึ่งถือเป็นการริบทรัพย์สินครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เท่าที่เคยมีมา
เฉิน จื้อ ผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย มีตำแหน่งเป็นถึงที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต และฮุนเซน เป็นผู้ก่อตั้งและประธานกลุ่มบริษัทที่ถูกสั่งยึดบิตคอยน์ จำนวน 127,271 เหรียญ หรือมูลค่าปัจจุบันอยู่ที่ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ 4.89 แสนล้านบาท ในฐานะองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติและเครือข่ายสแกมเมอร์ใหญ่สุดในเอเชีย ดำเนินกิจการกว่า 30 ประเทศ
นี่คือ สปอนเซอร์รายใหญ่ของเครือข่ายผู้มีอำนาจในกัมพูชา ที่ทำให้ประเทศนี้ถูกเรียกว่าเป็นเมืองหลวงแห่งอาชญากรรม และเป็นนรกบนดินสำหรับเหยื่อนับล้านคนจากทั่วโลกก็ว่าได้เพราะมีการจัดตั้งคอมเพล็กซ์หลอกลวงออนไลน์ทุกประเภท พูดง่ายๆ ก็คือ ต้มตุ๋นทุกอย่างต่างๆ นานา ไปจนถึงค้ามนุษย์ จากนั้นก็นำไปเข้าสู่กระบวนการฟอกเงิน
ในถ้อยแถลงของสกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ระบุว่า การฉ้อโกงข้ามชาติที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ก่อความเสียหายแก่พลเมืองชาวอเมริกาหลายพันล้านดอลลาร์ เงินเก็บทั้งชีวิตต้องมลายหายไปในพริบตา ทั้งนี้ จากข้อมูลพบว่าแค่ปี 2024 ปีเดียว พลเมืองสหรัฐฯสูญเสียเงินให้พวกสแกมเมอร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไปกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์
ไม่เพียงชาวอเมริกันเท่านั้นที่ตกเป็นเหยื่อแก๊งสแกมเมอร์ในเขมร แต่เบื้องหลังความสยดสยองของเมืองนรกบนดินแห่งนี้ ยังถูกถ่ายทอดเรื่องราวจากเหยื่อชาวเกาหลีใต้ที่เคยถูกหลอกใช้แรงงานในกัมพูชา แฉความทารุณของแก๊งอาชญากรรม ทั้งถอดเล็บ ตัดนิ้ว บางรายถูกบังคับให้ขายอวัยวะ เริ่มจากควักลูกตา เพราะกระจกตาเป็นที่ต้องการ ราคาดี และปลูกถ่ายง่าย
จากข้อมูลพบว่า มีชาวเกาหลีใต้ถึง330 คนถูกลักพาตัวในกัมพูชา ระหว่างเดือนมกราคมถึงสิงหาคม ในขณะที่ตลอดทั้งปี 2024 มีเหยื่อถูกลักพาตัว 220 คน ตัวเลขดังกล่าวถือว่าเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับรายงานเกี่ยวกับเหตุลักพาตัว 2 ครั้งก่อนหน้านี้ โดยมีแค่ 2 คน ในปี 2021, 11 คน ในปี 2022 และ 21 คน ในปี 2023
ปฏิกิริยาแก้ปัญหาของเกาหลีใต้ ถือว่าตอบโต้ได้รวดเร็วชัดเจนมาก โดยสมาชิกรัฐสภา เตรียมหารือรัฐบาลเพื่อพิจารณาใช้มาตรการอย่างเข้มข้น ถึงขั้นส่งทีมกำลังพิเศษไปกัมพูชาเพื่อประสานงานแก้ปัญหา ล่าสุดคือออกคำสั่งห้ามพลเรือนเดินทางระดับสูงสุดในบางพื้นที่ของกัมพูชา หลังนักศึกษาชาวเกาหลีใต้ถูกทรมานเสียชีวิต และ พลเมืองส่วนหนึ่งยังสูญหาย
นี่คือความเหลืออดที่ประเทศต่างๆ มีต่อกัมพูชา ศูนย์กลางฉ้อโกงระดับโลก คาดว่าจะมีมาตรการเพิ่มแรงกดดันต่อรัฐบาลกัมพูชามากขึ้นตามลำดับในอนาคต จึงถือเป็นโอกาสทองฝังเพชรของรัฐบาลไทยควรรีบฉกฉวยสถานการณ์นี้ประสานงานร่วมมือกับเกาหลีใต้ และอเมริกาเพื่อกวาดล้างแก๊งสแกมเมอร์ให้สิ้นซาก
เป็นโอกาสดีที่สุดแล้ว ที่ไทยจะได้มีแนวร่วมกำจัดอาชญากรรมข้ามชาติพวกนี้โดยอัตโนมัติ เพราะคนไทยเองก็ตกเป็นเหยื่อไม่น้อย และยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ของไทยในสังคมโลกอีกทางหนึ่ง เนื่องจากเราเองก็ถูกมองว่าเป็นทางผ่านและตัวการร่วมในการหลอกลวงด้วยซ้ำไป ดังนั้นรัฐบาลจึงไม่ควรนิ่งเฉย เพราะโอกาสที่จะปิดบัญชีฮุนเซน แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี