ไม่ว่าผู้นำกัมพูชาจะพยายามโฆษณาชวนเชื่อถึง “ความดี ความงาม ความรุ่งเรือง” ของประเทศเพียงใด โลกในวันนี้ได้ประจักษ์ชัดแล้วว่า ภายใต้การปกครองของตระกูลฮุนเซน - ฮุน มาเนต กัมพูชาได้กลายเป็นดินแดนที่มิได้เป็นเพื่อนบ้านของอารยธรรม หากแต่เป็น ภัยคุกคามต่อพลเมืองโลกอย่างแท้จริง
กัมพูชาในยุคนี้มิใช่เพียงประเทศที่ไร้กฎหมาย หากแต่กลายเป็น ศูนย์กลางของอาชญากรรมข้ามชาติยุคดิจิทัล ที่เปิดพื้นที่ให้กลุ่มทุนสีเทาและเครือข่ายอาชญากรข้ามชาติ เข้าไปตั้ง “สำนักงานใหญ่”ดำเนินกิจกรรมผิดกฎหมายในรูปแบบต่างๆ ตั้งแต่ เว็บพนันออนไลน์ คอลเซ็นเตอร์หลอกลวง ไปจนถึงอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่สร้างความเสียหายแก่ผู้คนทั่วโลก
เมืองเศรษฐกิจอย่างสีหนุวิลล์ ซึ่งรัฐบาลกัมพูชาโฆษณาว่าเป็น “ไข่มุกแห่งการลงทุน”ได้กลายสภาพเป็น แหล่งกบดานของแก๊งอาชญากรรมไซเบอร์ระดับโลก ภายใต้การคุ้มครองของเจ้าหน้าที่รัฐและกลุ่มอิทธิพลที่เชื่อมโยงถึงชนชั้นนำทางการเมืองของตระกูลฮุนโดยตรง ทั้งนี้เพราะการคอร์รัปชั่นและระบบอุปถัมภ์ในประเทศนี้หยั่งรากลึกจนกลายเป็น “วัฒนธรรมอาชญากรรม” ที่ผู้มีอำนาจร่วมอยู่ในผลประโยชน์โดยไม่ต้องหลบซ่อน
แต่สิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าคือ กัมพูชาได้กลายเป็นศูนย์กลางของขบวนการค้ามนุษย์ยุคใหม่คนจากหลายประเทศถูกล่อลวงด้วยคำว่า “งานรายได้ดี” แต่เมื่อเดินทางไปถึง กลับถูกกักขังทรมาน และบังคับให้ทำงานในฐานะ “ทาสไซเบอร์”ที่ต้องหลอกลวงเงินจากเหยื่อทั่วโลก บางคนเมื่อขัดขืน ถูกทำร้าย ถูกขายต่อ หรือถึงขั้นเสียชีวิต
กรณีล่าสุดที่สร้างความสะเทือนใจ คือ นักศึกษาเกาหลีใต้ที่ถูกหลอกให้ไปทำงานในกัมพูชา ก่อนถูกทรมานจนเสียชีวิต จนรัฐบาลเกาหลีใต้ต้องออกคำเตือนอย่างเป็นทางการให้พลเมืองหลีกเลี่ยงการเดินทางไปประเทศนี้ ขณะเดียวกัน สื่อตะวันตกหลายแห่งเริ่มรายงานตรงกันว่า ปัญหานี้ไม่ได้เป็นเพียง “ความล้มเหลวของรัฐ”แต่เป็นผลลัพธ์โดยตรงจากการสมรู้ร่วมคิดของเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลกัมพูชา
นี่ไม่ใช่เรื่องภายในของประเทศใดประเทศหนึ่งอีกต่อไป แต่เป็นภัยคุกคามระดับโลก (Global Threat) ที่ต้องได้รับการจัดการอย่างจริงจัง เพราะอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในกัมพูชาไม่ได้หยุดอยู่ภายในพรมแดน แต่แผ่ขยายออกไปในทุกทวีป เหยื่อที่ถูกหลอกให้โอนเงินออนไลน์ไม่ได้มีเพียงชาวเอเชีย แต่รวมถึงยุโรป อเมริกาและออสเตรเลีย ขณะที่เหยื่อของการค้ามนุษย์ก็มีทั้งคนจีน เวียดนาม เมียนมา อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และแม้แต่คนไทยเอง
ถึงเวลาแล้วที่ประชาคมโลกต้องตระหนักว่าต้นตอของอาชญากรรมเหล่านี้ไม่ใช่เพียง “แก๊งมิจฉาชีพ” แต่คือโครงสร้างอำนาจของรัฐเผด็จการที่อำนวยความสะดวกและปกป้องขบวนการเหล่านั้นการปล่อยให้ตระกูลฮุนอยู่ในอำนาจต่อไปคือการปล่อยให้ “รัฐอาชญากรรม” มีชีวิตอยู่กลางอาเซียน และปล่อยให้ประเทศเพื่อนบ้านถูกใช้เป็นฐานโจมตีทางเศรษฐกิจและสังคมทั่วโลก
โลกจำเป็นต้องร่วมมือกัน - ทั้งในระดับรัฐบาล องค์การระหว่างประเทศ บริษัทเทคโนโลยี และภาคประชาชน - เพื่อกดดัน คว่ำบาตร และตัดเส้นทางผลประโยชน์ของผู้นำกัมพูชาและเครือข่ายอย่างเป็นรูปธรรม มิใช่เพียงออกแถลงการณ์ประณามแบบเดิมๆ ที่ไม่มีผลใดๆ
กัมพูชาอาจยังเป็นสมาชิกอาเซียน แต่ในวันนี้ มันได้กลายเป็น “ศูนย์กลางของความชั่วร้ายในภูมิภาค” ที่โลกไม่อาจนิ่งเฉยได้อีกต่อไป เพราะตราบใดที่พ่อลูกตระกูลฮุนยังอยู่ในอำนาจตราบนั้น ภัยจากกัมพูชา...ก็ยังเป็นภัยของโลกทั้งใบ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี