คดี 112 ของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ยังไม่ถึงที่สุด
ศาลชั้นต้นยกฟ้อง
ขณะนี้ อยู่ระหว่างช่วงเวลาที่อัยการสูงสุด (คนที่แล้ว) ขอขยายอุทธรณ์ออกไปถึงวันที่ 22 ต.ค. 2568
จะครบกำหนดวันมะรืนนี้แล้ว
1. อัยการสูงสุดคนใหม่ นายอิทธิพร แก้วทิพย์ เริ่มปฏิบัติหน้าที่เมื่อ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา
อัยการสูงสุด ได้ออกสารถึงข้าราชการฝ่ายอัยการทั่วประเทศ ให้ตระหนักถึงการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต รวดเร็ว และเที่ยงธรรม
สารจากอัยการสูงสุด ระบุว่า
“...ขอปฏิญาณว่าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน สนองพระราชปณิธานตามพระปฐมบรมราชโองการ
การดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุดถือเป็นภารกิจที่ทรงเกียรติ ใหญ่หลวง และมีความสำคัญ กระผมมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติหน้าที่โดยมุ่งหมายให้สำนักงานอัยการสูงสุดเป็นองค์กรที่บังคับใช้กฎหมายด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม เพื่ออำนวยความยุติธรรม คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน พิทักษ์รักษาผลประโยชน์ของรัฐ อันเป็นภารกิจหลักของสำนักงานอัยการสูงสุดโดยจะธำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมในสังคม ความสงบเรียบร้อยแก่ประเทศชาติและเสริมสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรม...”
หลังจากนั้น เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ท่านอัยการสูงสุด อิทธิพร แก้วทิพย์ ได้แถลงนโยบาย ชูแนวคิด “ยุติธรรมโปร่งใส ใส่ใจประชาชน เพิ่มประสิทธิผลของงาน บริหารจัดการอย่างยั่งยืน : Justice for People”
2. ขอชื่นชมในการแสดงออกถึงความมุ่งมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของท่านอัยการสูงสุด อิทธิพร แก้วทิพย์
หากทำได้จริง สถาบันอัยการ ในฐานะ “ทนายของแผ่นดิน” จะได้รับความเชื่อมั่นศรัทธาจากสังคมไทย เกิดคุณูปการต่อประชาชนคนไทยอย่างแน่นอน
แต่บทพิสูจน์อยู่ที่การกระทำจริง ตามคำพูดหรือไม่ แค่ไหน อย่างไร
คดี 112 ของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร จะเป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์สำคัญ ว่าอัยการสูงสุด จะยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลยุติธรรมให้สิ้นกระแสความ หรือไม่?
3. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ต้องคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 กรณีให้สัมภาษณ์กับสื่อเกาหลีใต้พาดพิงสถาบันฯ เมื่อปี 2558
คดีนี้ ศาลอาญา (ศาลชั้นต้น) พิพากษาเมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2568 ยกฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร
หากอัยการสูงสุดไม่อุทธรณ์ นายทักษิณก็รอด เพราะคดีถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ปัจจุบัน เรื่องอยู่ที่ อสส. (เดิม ขอขยายเวลาอุทธรณ์ถึง 22 ต.ค.นี้)
ประเด็นมีข้อควรพิจารณา ดังต่อไปนี้
3.1 ที่ผ่านมา คดี 112 หลายคดี ศาลชั้นต้นยกฟ้องจำเลย ส่วนใหญ่ (เกือบทั้งหมด) อัยการจะยื่นอุทธรณ์
ผลคำพิพากษาในชั้นศาลอุทธรณ์ หลายคดี ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ เป็นเอาผิดจำเลยได้
แม้แต่คดีมาตรา 110 คุกคามเสรีภาพพระราชินี ศาลชั้นต้นยกฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ จำคุกนายเอกชัยหงส์กังวาน 21 ปี และพวกอีกคนละ 16 ปี ซึ่งถ้าหากอัยการไม่อุทธรณ์ ก็จะทำให้พวกจำเลยลอยนวล รอดพ้นความผิดไปโดยปริยาย
3.2 คดี 112 ของนายทักษิณ ชินวัตร มีเหตุอะไรที่อัยการสูงสุดจะไม่อุทธรณ์?
การไม่อุทธรณ์ ย่อมเป็นประโยชน์แก่จำเลย คือ นายทักษิณโดยตรง
3.3 คำพิพากษาศาลชั้นต้นในคดีนี้ยังมีช่องทางอุทธรณ์ เพื่อให้ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจพิจารณาน้ำหนักของพยานหลักฐานและข้อกฎหมายเพิ่มเติมได้
พิจารณาคำพิพากษาของศาลชั้นต้น คดีหมายเลขดํา อ.1860/2567 ตามข้อมูลข่าวสารที่สำนักงานศาลยุติธรรมได้เผยแพร่เอกสารข่าวไว้ จะเห็นว่า แม้ศาลชั้นต้นยกฟ้อง เนื่องจากยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย
แต่หลักฐานเท่าที่มีในศาลอาญาชั้นต้น ก็ระบุไว้ชัดเจนว่า คลิปสัมภาษณ์นายทักษิณไม่ได้มีการตัดต่อ เสริมแต่ง หรือบิดเบือน เพียงแต่การพิจารณาใช้ดุลยพินิจตีความคำพูด ทำให้นายทักษิณรอด
ดังนั้น ตามหลักฐานเท่าที่มีอยู่เดิม เมื่อไปถึงศาลอุทธรณ์ การตีความอาจเปลี่ยนไปได้ ขึ้นกับดุลยพินิจของผู้พิพากษา
การอุทธรณ์คดีให้สิ้นกระแสความ เพื่อธำรงความยุติธรรม ปกป้องพระเกียรติยศ และรักษาความน่าเชื่อถือของสถาบันอัยการ จึงเป็นเรื่องที่สังคมจับตามอง
3.4 ข้อสังเกตในคำพิพากษาศาลชั้นต้น
(1) คลิปสัมภาษณ์ไม่ได้เป็นการตัดต่อหรือเสริมแต่งเพื่อใส่ความให้ร้ายจําเลย
โจทก์มีพยานซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตํารวจ และพยานปากนายอนันต์ เหล่าเลิศวรกุล มาเบิกความยืนยันว่าดูคลิปวิดีโอหมาย วจ.1 และ วจ.2 แล้ว เห็นว่าเป็นการกล่าวถ้อยคําให้สัมภาษณ์จําเลยจริง
“แม้โจทก์ไม่มีคลิปให้สัมภาษณ์ของจําเลยฉบับเต็มมา เป็นหลักฐาน แต่เมื่อพยานโจทก์ต่างยืนยันว่าคลิปวิดีโอหมาย วจ.1 และ วจ.2 เป็นคลิปให้สัมภาษณ์ของ จําเลยบางช่วงบางตอน และพยานโจทก์เห็นว่าสามารถนํามาใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีได้
ส่วนที่จําเลย อ้างว่าเป็นการตัดต่อคลิปวิดีโอไม่ปรากฏว่าเป็นการติดต่อในส่วนใดและส่วนไหนไม่ถูกต้องหรือไม่ตรงกับความจริง จึงเป็นการกล่าวอ้างโดยไม่มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือได้มาสนับสนุนหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ประกอบกับจําเลยยังเบิกความตอบโจทก์ถามค้าน รับว่าบุคคลและเสียงในคลิปวิดีโอหมาย วจ.1 และ วจ.2 เป็นจําเลย พยานหลักฐานโจทก์จึงมีน้ำหนักรับฟังได้ว่า จําเลยให้สัมภาษณ์นักข่าวที่สาธารณรัฐเกาหลี ตามคลิปวิดีโอหมาย วจ.1 และ วจ.2 โดยมีเนื้อหาของข้อความตามคําฟ้องไม่ได้เป็นการตัดต่อหรือเสริมแต่งเพื่อใส่ความให้ร้ายจําเลย” – คำพิพากษาศาลชั้นต้น
(2) ศาลชั้นต้นใช้ดุลยพินิจในการรับฟังพยาน การตีความคำพูดของทักษิณ
“…เมื่อพิจารณาข้อความหรือถ้อยคําให้สัมภาษณ์ของจําเลย มิได้ใช้คําว่า “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯรัชกาลที่ 9” โดยตรง และไม่ได้ใช้ถ้อยคําสรรพนามที่อ้างถึงบุคคลที่สามโดยมีคําราชาศัพท์หรือถ้อยคําที่สามารถระบุเฉพาะเจาะจงให้เข้าใจได้ว่าหมายถึงพระมหากษัตริย์แต่อย่างใด
หากแต่ใช้คําสรรพนามบุรุษที่ 3 ว่า “เขา” เรียกแทน บุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือบุคคลอื่นหลายคนรวมกัน และยังมีคําว่า “องคมนตรี” “ทหาร” “Palace Circle” และ “คนในวัง” ล้วนแต่อยู่ในประโยคคําให้สัมภาษณ์ของจําเลย …พยานหลักฐานทั้งหมดที่โจทก์นําสืบมา จึงยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอให้รับฟังว่า จําเลยกล่าวข้อความตามคําฟ้องโดย เจตนาหมายถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 หรือเมื่อวิญญูชนทั่วไปได้พบเห็นหรืออ่านข้อความที่จําเลยกล่าวแล้วจะเข้าใจได้ว่าหมายถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯรัชกาลที่ 9…”
คดีนี้ จึงสมควรที่อัยการสูงสุดจะต้องอุทธรณ์ เพื่อให้สิ้นกระแสความ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
ศาลอุทธรณ์สามารถปฏิบัติหน้าที่ใช้ดุลพินิจพิเคราะห์ ชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานประกอบข้อกฎหมายได้ว่า จำเลย คือ นายทักษิณ พูดหมายความถึงใคร?เข้าข่ายความผิดหรือไม่? จะเห็นพ้องกับศาลชั้นต้นหรือเห็นต่างอย่างไร?
3.5 ความคลุมเครือในการทำหน้าที่อัยการ ในฐานะทนายของแผ่นดิน
ในคำพิพากษาของชั้นต้น ยังระบุด้วยว่า “ในขณะที่การสืบพยานหลักฐานของโจทก์ (อัยการ) ไม่สมกับภาระการพิสูจน์ในคดีอาญาว่าจําเลยกระทําความผิดตามฟ้อง…”
น่าคิดว่า หากอัยการสูงสุดไม่อุทธรณ์ โดยปล่อยให้คดีจบลงตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น สถาบันอัยการอาจจะต้องมลทิน มัวหมอง เพราะถูกสังคมครหาว่าช่วยเหลือจำเลยคดี 112 เสียเอง หรือไม่?
4. ที่ผ่านมาในอดีต อัยการอาจถูกมองว่า มีการทำหน้าที่หลายคดี เป็นไปในทางเกิดประโยชน์แก่จำเลยที่เป็นคนใกล้ชิดนักการเมือง อาทิ
กรณีศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำพิพากษายกฟ้องนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ในคดีฟอกเงินจากกรณีธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้เครือกฤษดามหานคร ปรากฏว่า อัยการไม่ยื่นอุทธรณ์เป็นต้น
แต่ในกรณีคดี 112 ของนายทักษิณ ชินวัตรถือว่าเป็นคดีสำคัญ คดีนอกราชอาณาจักร กระทบต่อพระเกียรติ ตลอดจนความน่าเชื่อถือและศรัทธาต่อกระบวนการยุติธรรมของราชอาณาจักรไทย
อัยการสูงสุดคนใหม่ ประกาศเจตนารมณ์แน่วแน่ในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน สนองพระราชปณิธานตามพระปฐมบรมราชโองการ... จะธำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมในสังคมความสงบเรียบร้อยแก่ประเทศชาติ และเสริมสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรม...
การกระทำ จะเป็นเครื่องพิสูจน์
หากทำดี ทำถูกต้อง ผลแห่งการกระทำนั้น จะเป็นเกียรติยศติดตัวไปจนตาย
ถ้าทำตรงกันข้าม ก็ย่อมจะเกิดผลตรงกันข้าม
สันติสุข มะโรงศรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี