ในช่วงที่ผ่านมา นักเขียนชื่อดังนามปากกา “นิ้วกลม” ได้จุดประกายการถกเถียงในสังคมอีกครั้ง ด้วยบทความชื่อ “สังคมต้องการระบบจอมพลัง แทนมนุษย์จอมพลัง” ที่เสนอแนวคิดว่า สังคมควรพัฒนา “ระบบ” ให้เข้มแข็งมีประสิทธิภาพ และเพียงพอต่อการดูแลประชาชน โดยไม่ต้องพึ่งพาบุคคลที่ถูกยกย่องว่าเป็น “ฮีโร่” หรือ “ผู้กอบกู้” แบบ “กัน จอมพลัง” ผู้มักปรากฏ
ตัวในพื้นที่ความเดือดร้อนของประชาชนเสมอ
แนวคิดนี้ฟังดูดีในทางทฤษฎี เพราะในอุดมคติ แล้ว สังคมที่ดีไม่ควรต้องพึ่งบุคคลใดคนหนึ่ง ระบบที่ดีควรทำให้ประชาชนทุกคนได้รับสิทธิตามสมควร โดยไม่ต้องรอให้ใครมาช่วย แต่ในทางปฏิบัติ ความคิดเช่นนี้กลับดู “สุดโต่ง” และ“ห่างไกลจากความจริงของมนุษย์” ไปมากนัก
ความจริงคือ - ไม่มีระบบใดในโลกที่สมบูรณ์แบบ แม้แต่ประเทศพัฒนาแล้วอย่างเยอรมนี อังกฤษ หรือสหรัฐอเมริกา ซึ่งต่างก็มีระบบรัฐสวัสดิการเข้มแข็ง มีโครงสร้างทางสังคมที่ดีและโปร่งใส แต่พวกเขาก็ยังคงมีองค์กรการกุศล มูลนิธิ และเครือข่ายอาสาสมัครจำนวนมาก ทำหน้าที่ช่วยเหลือผู้คนที่ยังตกหล่นจากการดูแลของรัฐ เพราะต่อให้ระบบดีเพียงใด ก็ย่อมมีช่องว่าง และช่องว่างนั้นต้องถูกเติมเต็มด้วย “หัวใจของมนุษย์”
การช่วยเหลือกันในสังคม ไม่ได้สะท้อนว่ารัฐล้มเหลวเสมอไป แต่สะท้อนถึง “จิตสำนึกของความเป็นมนุษย์” ที่ยังไม่ตายจากไปจากสังคม การที่ใครสักคนลุกขึ้นมาช่วยผู้อื่น ไม่ว่าจะด้วยกำลังทรัพย์ เวลา หรืออิทธิพลทางสังคม นั่นคือการแสดงออกของคุณค่าทางจิตใจที่งดงาม และเป็นพลังเสริมของระบบ ไม่ใช่สิ่งที่ขัดแย้งกับระบบ
ตรงกันข้าม หากวันหนึ่งสังคมเรามีแต่ “ระบบดี” แต่ไม่มี “คนดี” ที่จะขับเคลื่อนและรักษาระบบนั้นไว้ ระบบก็จะกลายเป็นเพียงเครื่องจักรที่เย็นชาและไร้วิญญาณ เพราะท้ายที่สุดระบบทุกระบบย่อมมีคนอยู่เบื้องหลัง - คนออกแบบ คนบริหาร คนบังคับใช้ และคนรับผล หากคนเหล่านั้นขาดคุณธรรม ระบบที่ดีแค่ไหนก็พังได้ง่ายๆ
ระบบคือเครื่องจักร แต่คนดีคือหัวใจของเครื่องจักรนั้น
เราสามารถสร้างกฎหมายให้ดี เขียนนโยบายให้ครบ ออกระเบียบให้รัดกุม แต่ถ้าคนที่ถือกฎหมายใช้เพื่อผลประโยชน์ตนเอง หากผู้มีอำนาจในระบบขาดจิตสำนึกแห่งความรับผิดชอบต่อสาธารณะ ระบบที่ออกแบบไว้อย่างสวยหรูก็ไม่มีความหมาย ระบบดีจะเกิดขึ้นจริงได้ก็ต่อเมื่อผู้คนในระบบนั้น “ดีจริง” และ “ยึดมั่นในสิ่งที่ถูกต้องจริง”
ดังนั้น การพัฒนาประเทศไม่ใช่เพียงการสร้างระบบ แต่ต้องสร้าง “รากของระบบ” ให้แข็งแรง และรากนั้นคือ “คนดี” ในทุกระดับของสังคมไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ นักการเมือง นักธุรกิจ หรือประชาชนทั่วไป เพราะระบบที่มีแต่คนเห็นแก่ตัวจะกลายเป็นโครงสร้างที่เปราะบาง ทรุดโทรม และพร้อมจะถูกบิดเบือนทุกเมื่อ
ในอีกด้านหนึ่ง การเรียกร้องให้รัฐมีระบบที่ดีเป็นสิ่งที่ถูกต้องและควรทำ แต่ต้องไม่กลายเป็นข้ออ้างที่จะดูแคลนหรือปฏิเสธความดีของบุคคลที่ลุกขึ้นมาทำสิ่งที่รัฐยังไม่สามารถทำได้ เพราะในสังคมจริง ไม่ใช่ทุกเรื่องที่ระบบจะตอบสนองได้ทันที การที่มีใครสักคนยื่นมือเข้าช่วยผู้อื่นในยามยากไม่ควรถูกตราหน้าว่า “ทำลายระบบ” แต่ควรถูกมองว่าเป็น “ส่วนขยายของความเป็นมนุษย์”ที่ระบบควรเรียนรู้และนำมาพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น
ระบบที่ยั่งยืนจึงไม่ใช่ระบบที่ไร้คนดี แต่คือระบบที่คนดีมีส่วนร่วม ตั้งแต่รากถึงยอด ต้นไม้ที่มั่นคงย่อมเริ่มจากรากที่แข็งแรง และรากของระบบที่มั่นคง ก็คือ “คนดี” ที่มีสำนึกแห่งความรับผิดชอบต่อส่วนรวม
ในวันที่ใครต่อใครกำลังพูดถึง “ระบบจอมพลัง” เราอาจต้องไม่ลืมถามตัวเองว่า
เรามีคนดีมากพอหรือยัง ที่จะเป็นรากให้ระบบนั้นหยั่งลึกและยืนยาว?
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี