การลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยของแพทองธาร ชินวัตร จะเป็นการยกเครื่องพรรคเพื่อไทยจริงๆ หรือจะเป็นแค่การพยายามศัลยกรรมการเมือง ?เปลี่ยนหัว... ยกเครื่อง หรือแค่ศัลยกรรมการเมือง?
1. เมื่อวานนี้ (22 ต.ค.) พรรคเพื่อไทย มีการประชุม สส.และกรรมการบริหารพรรค
วาระสำคัญ คือ การแจ้งลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ส่วนเฟซบุ๊กของพรรคเพื่อไทยได้เผยแพร่จดหมายของ น.ส.แพทองธาร แจ้งเหตุผลการลาออก ระบุว่า
“วันนี้ ดิฉันตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ด้วยความตั้งใจว่าเป็นการเริ่มต้นยกเครื่องพรรคเพื่อไทย ตามที่ดิฉันประกาศไว้เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2568ที่ผ่านมา ด้วยวิสัยทัศน์ใหม่ กล้าหาญในการเปลี่ยนแปลง เพื่อประชาชนอย่างแท้จริง
ปัจจุบัน เราอยู่ในยุคที่สังคมโลกเปราะบาง ซับซ้อน อ่อนไหว คาดเดาได้ยาก ประเทศไทยอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญที่สุดในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง ดังนั้น พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคการเมืองหลักของประเทศจึงจำเป็นต้องยกเครื่อง พลิกโฉม เปลี่ยนโครงสร้าง กระบวนการ และวิธีคิดใหม่ทั้งหมด เพื่อให้พรรคสามารถชนะเลือกตั้งแล้วไปยกเครื่อง พลิกฟื้นประเทศไทยต่อไป
ดิฉันเชื่อมั่นว่า การเปลี่ยนแปลงพรรคเพื่อไทยต้องเริ่มต้นโดยเร็วที่สุด ดิฉันจึงเลือกการลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อเปิดโอกาสให้พรรคยกเครื่องได้อย่างอิสระ และสร้างพรรคใหม่ที่สมบูรณ์แบบ
แม้ดิฉันลาออกในวันนี้ แต่ดิฉันยังเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย เป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และจะร่วมกับพวกเราทุกคน สร้างพรรคเพื่อไทยยุคใหม่ ที่พร้อมจะยืนเคียงข้างประชาชน และทำงานอย่างเข้มแข็งเพื่อประเทศชาติที่รักของเราทุกคน..” - แพทองธาร ชินวัตร
2. หัวใหม่ไม่ใช่ตระกูลชินวัตร
หลังจากนี้ พรรคเพื่อไทยจะดำเนินการเพื่อให้มีหัวหน้าพรรคคนใหม่ และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้อำนวยการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยยังมีเป้าหมายเลือกตั้งครั้งหน้า 200 ที่นั่ง
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า ตระกูลจึง บีบแพทองธารลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย หากไม่ลาออก จะพา 70 สส. ออกไปอยู่พรรคใหม่ นายสุริยะปฏิเสธ ระบุว่า เป็นข่าวเท็จ สร้างความเสียหาย จะตั้งทนายและฟ้องร้อง ในข้อหาหมิ่นประมาท ซึ่งจะเป็นคดีอาญาและจะไม่มีการยอมความเป็นอันขาด
ยืนยันว่า ตนคงไม่ได้พาสส. ออกไปไหน แต่จะเข้ามาเพิ่มเติมเพื่อให้ครบ 200 คนตามที่ตนเคยประกาศไว้
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า มีชื่อของนายสุริยะเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ นายสุริยะกล่าวว่าคงไม่รับ เพราะขณะนี้คงต้องหาคนรุ่นใหม่ เนื่องจากตนอายุมากแล้ว
เมื่อนักข่าวถามว่า การเปลี่ยนหัวหน้าพรรคเพื่อไทยครั้งนี้ จะลบภาพตระกูลชินวัตร ออกจากพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่?
นายสุริยะ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าพรรคเพื่อไทย มีความผูกพันกับตระกูลชินวัตร ซึ่งเราต้องยอมรับข้อเท็จจริงตรงนี้ โดยในอดีตที่ผ่านมานายทักษิณ เป็นผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทยขึ้นมาและประชาชนก็ให้การสนับสนุนมาตลอด เพราะนายทักษิณได้ทำเรื่องที่เป็นคุณูปการ หลังจากนั้นเป็นน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชิณวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ได้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ แต่ทั้งหมดก็ลงเอยด้วยการปฏิวัติ ดังนั้น เราคงปฏิเสธตระกูลชินวัตรไม่ได้ เพราะสร้างคุณูปการให้กับพรรคเพื่อไทย แต่อย่างไรก็ตามทุกอย่างต้องมีการเปลี่ยนแปลง จากนี้ไปทางพรรคจะหาบุคคลที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับครอบครัวชินวัตรซึ่งเป็นคนภายในพรรค แต่ไม่ได้อยู่ในตระกูลชินวัตร เข้ามาทำหน้าที่หัวหน้าพรรค
3. น่าสนใจว่า “หัวใหม่” ของพรรคเพื่อไทย จะเป็นผู้มีบทบาทอำนาจตัดสินใจ นำพาพรรคได้จริงๆ หรือเข้าอีหรอบเดิมที่จะต้องอยู่ใต้ร่มเงาของตระกูลชินวัตรต่อไป
แล้วจะประสบความสำเร็จทางการเมือง หรือไม่?
จะได้ สส.ถึง 200 เสียงตามเป้าหมาย?
หรือจะกลายเป็นพรรคต่ำร้อย ?
หรือจะ 50-100 เสียง?
จะแพ้พรรคส้ม แพ้พรรคภูมิใจไทย แล้วยังต้องแพ้พรรคกล้าธรรม หรือไม่?
4. น่าสังเกตว่า เมื่อเร็วๆ นี้เอง อดีตนายกฯแพทองธาร ชินวัตร ยังร่วมงาน “ยกเครื่องเพื่อไทย ยกเครื่องประเทศไทย”
แสดงบทบาทนำพรรค ขึงขังพูดวาทกรรม รัฐบาลเพื่อไทย ถูกกระทำให้เป็นฝ่ายค้านโอดครวญว่าทักษิณต้องอยู่ในเรือนจำ โดยคดีที่ตั้งต้นด้วยอำนาจรัฐประหาร
เปิดตัวผู้สมัคร สส.เพื่อไทย
แต่ปรากฏว่า นัดประชุมกะทันหัน
แจ้งลาออกกะทันหัน
ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่วางแผนไว้แต่ต้นอย่างที่อ้างหรือไม่?
5. พรรคเพื่อไทยจำเป็นต้อง “เปลี่ยนหัว”
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ต้องยอมรับความจริงว่า พรรคเพื่อไทย จำเป็นต้องเปลี่ยนหัว
สินค้าเดิมขายไม่ได้ เน่าสนิท
ผลโพล ไอเอฟดีโพลและเซอร์เวย์ ระบุชัด (1) พรรคภูมิใจไทย ได้คะแนน “อยากให้เป็นแกนนำ” สูงสุด ร้อยละ 20.57
ส่วนพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 5.28
ยิ่งกว่านั้น ประเด็นว่า “พรรคที่ไม่อยากให้เป็นแกนนำ” พบว่า พรรคเพื่อไทยถูกปฏิเสธมากที่สุด ร้อยละ 41.86
เลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมา เพื่อไทยแพ้ราบคาบ
ตอกย้ำชัดเจน ขืนดึงดันต่อไปเหมือนเดิม ด้วยหัวเดิม คงมีแต่ลงเหว
6. สิ่งที่เป็นชนักติดหลัง เป็นตราประทับติดตัวอดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทยก็คือ “ผลกรรม”
ผลจากการกระทำของตนเอง
แม้เจ้าตัวจะลาออก โดยอ้างเป็นการเปิดทางการยกเครื่อง
แต่ถ้าเป็นพรรคการเมืองที่ไม่ใช่สมบัติของตระกูลหนึ่งตระกูลใด หากหัวหน้าพรรคไปกระทำผิด หรือแค่บกพร่องร้ายแรง ก็จะต้องแถลงรับผิดชอบ ลาออกไปแล้ว
ที่ผ่านมา ปรากฏชัดว่า หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้โอกาสเป็นนายกฯ แล้ว
แต่ล้มเหลวในการขับเคลื่อนนโยบายหาเสียงอย่างไร
กระทั่งไปมีพฤติกรรมปรากฏตามคลิปเสียงสนทนากับฮุนเซน จนถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง ต้องพ้นจากตำแหน่ง
คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ระบุพฤติการณ์ร้ายแรงของนายกฯ ที่เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เช่น
“... เปิดเผยลักษณะอ่อนแอทางการเมืองในประเทศให้กัมพูชาทราบ...
แสดงยอมตน หรือยอมจำนนล่วงหน้าให้ฮุนเซน...
เปิดช่องให้กัมพูชาหยิบยื่นข้อเรียกร้องต่อฝ่ายไทยได้ตามความต้องการ...
ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ชาติ เพราะรู้จักกับฮุนเซนส่วนตัว และดำเนินการเอื้อประโยชน์แก่กัมพูชา...
ไม่ใช่เทคนิคการเจรจาตามที่กล่าวอ้าง แต่ปฏิบัติหน้าที่ขาดความรอบคอบ ระมัดระวัง
ตามวิสัยและพฤติการณ์ดำรงตำแหน่งนายกฯ...
ประโยชน์ส่วนตัว คือ คะแนนนิยม เพื่อเสถียรภาพรัฐบาล ผู้ถูกร้องกลับไม่คำนึงถึง
หรือยึดผลประโยชน์ชาติเป็นที่ตั้ง...
ลดทอนหรือทำให้เสียหายซึ่งเกียรติภูมิ หรือเกียรติของนายกฯ และประเทศไทย..
มีลักษณะเป็นการไม่พิทักษ์ไว้ซึ่งเกียรติภูมิ แต่ถือเอาประโยชน์ส่วนตัวเหนือกว่าผลประโยชน์ชาติ
อันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมฯ มีลักษณะร้ายแรง…
..ทำให้สาธารณชนเกิดความเคลือบแคลงสงสัยว่า ผู้ถูกร้องจะทำการใดๆ อันเป็นประโยชน์ต่อกัมพูชา
มากกว่าประโยชน์ของชาติ เป็นเหตุให้สาธารณชนขาดความเชื่อถือศรัทธานายกฯของไทย
... เสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ของนายกฯ ไม่ยึดมั่นกฎหมาย และไม่คำนึงผลประโยชน์ชาติ …”
ยังไม่นับกรณีทักษิณ ชินวัตร ความจริงเรื่องชั้น 14 ปรากฏชัดในคำสั่งศาลฎีกาแล้ว
รอดูว่า ป.ป.ช. แจ้งข้อกล่าวหาใครเพิ่มเติมบ้าง ในคดีไต่สวนเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหน้าที่มิชอบ กรณีป่วยทิพย์ชั้น 14?
อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร จะถูกแจ้งข้อกล่าวหาในฐานะผู้สนับสนุน ด้วยหรือไม่?
อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทยก็ให้ทักษิณเข้ามาข้องเกี่ยวกับพรรคเพื่อไทยและการบริหารอย่างไรช่วงที่ผ่านมา
ทั้งหมดนี้ หากเป็นพรรคที่มีมาตรฐานเป็นสถาบันทางการเมือง หัวหน้าพรรคที่กระทำเยี่ยงนี้ จะฝืนอยู่ในตำแหน่งไม่ได้นานขนาดนี้แน่นอน
และน่าจะต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก กล่าวขอโทษสมาชิกพรรค ขอโทษประชาชน
ไม่ใช่แบบที่ไม่แสดงถึงความสำนึกเลย ใช่หรือไม่?
7. การเปลี่ยนหัวของพรรคเพื่อไทย จะเป็นการยกเครื่องจริงแท้ จะเปลี่ยนแปลงแค่ไหน อยู่ที่การดำเนินการหลังจากนี้ จะเป็นเครื่องพิสูจน์
เพื่อไทย
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี