การใช้จ่ายภายในประเทศถือเป็นตัวจักรกลสำคัญตัวหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ หากการใช้จ่ายในประเทศดี ซื้อง่าย ขายคล่อง ประชาชนจับจ่ายซื้อหาสินค้าและบริการต่างๆอย่างคึกคัก ก็หมายความว่าเศรษฐกิจในประเทศจะเฟื่องฟูคึกคักตามไปด้วย แต่ก็ต้องไม่ใช่ว่าประชาชนใช้จ่ายจนเกินตัว ถึงขนาดนำเงินในอนาคตออกมาใช้จ่ายจนกลายเป็นหนี้สินบานเบอะ
รัฐบาลที่ดีต้องพยายามกระตุ้นให้คนใช้จ่ายตามความจำเป็นโดยควบคู่ไปกับการส่งเสริมให้ผู้คนรู้จักเก็บออม โดยต้องให้มีสัดส่วนที่พอเหมาะพอสม ไม่หนักไปทางใดทางหนึ่งมากจน
เกินไป เพราะหากเศรษฐกิจในประเทศที่เกิดจากการบริโภคของคนในชาติเติบโตอย่างมีคุณภาพ ก็หมายถึงเศรษฐกิจไทยก็จะดีตามไปด้วย ส่วนการออมก็เป็นเรื่องจำเป็นมากสำหรับประเทศ เพราะหากคนในประเทศไม่มีการออมเลย ก็หมายความว่าคนจะมีแต่หนี้สิน เมื่อคนในประเทศมีหนี้สินมากๆ ก็หมายถึงสุขภาพเศรษฐกิจของประเทศก็ทรุดโทรมด้วย
โครงการคนละครึ่งพลัสที่ถูกกำหนดโดยรัฐบาลชุดปัจจุบันกำลังจะเริ่มต้นขึ้นในช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้ โดยเปิดให้ประชาชนผู้มีสิทธิ์ลงทะเบียนร่วมโครงการวันแรกเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ผลปรากฏว่าได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจากประชาชน เพราะอันดับแรกไม่มีเสียงบ่นเสียงประณามใดๆ จากประชาชนที่ใช้ Apps เป๋าตัง (เน้นว่าออกเสียงเป๋าตัง แต่หากให้ฝรั่งตะวันตกออกเสียงก็อาจจะตกใจเล็กน้อย เพราะจะออกเสียงประมาณ ผาวตาง ซึ่งฟังคล้ายๆ เผาตัง) ก่อนอื่นต้องชมรัฐบาลชุดนี้ว่าทำได้ดี เพราะไม่มีเสียงก่นด่าประณาม เพราะเข้าร่วมโครงการผ่าน Apps เป๋าตัง ไม่ได้ ซึ่งผิดกับรัฐบาลชุดที่เพิ่งพ้นตำแหน่งไป เพราะเวลาทำโครงการใดๆ ผ่าน Apps ก็มักจะถูกประชาชนรุมด่า เนื่องจาก Apps มีปัญหาโดยตลอด
ที่นี้มาลองดูฝ่ายของร้านค้าผู้ร่วมโครงการกันบ้างก็ปรากฏว่าได้รับคำชื่นชมเช่นกัน เพราะไม่มีปัญหาในการร่วมโครงการ จนล่าสุดมีข่าวว่าร้านค้าต่างๆ ต่างพากันงัดกลยุทธ์การตลาดออกมาดึงดูดใจผู้มีสิทธิ์ โดยจะพบว่ากลุ่มร้านค้าที่จำหน่ายอาหาร และขนม รวมถึงของกิน ต่างใช้กลยุทธ์ซื้อร้านนี้ลดราคาให้กี่เปอร์เซ็นต์ แล้วยังเห็นว่าผู้ประกอบการรับ-ส่งของรายหนึ่งที่ชื่อ Grab ก็บอกว่าลด GP หรือค่าคอมมิชชั่น เหลือ 7 เปอร์เซ็นต์กับร้านค้าที่ร่วมโครงการคนละครึ่ง
ถามว่านี่คือความชาญฉลาดของ Grab ใช่ไหม ตอบว่าคงใช่ เพราะเขารู้ดีว่าเดี๋ยวนี้คนไทยจำนวนไม่น้อยต่างนิยมการสั่งซื้อสินค้าโดยผ่านระบบออนไลน์ และสินค้าที่สั่งซื้อกันมากๆ ก็คืออาหาร ขนมเครื่องดื่ม และคาดว่าร้านขายอาหาร และของกินกว่า 8 แสนร้านทั่วประเทศจะได้รับประโยชน์จากโครงการคนละครึ่ง
ในส่วนของประชาชนที่มีสิทธิ์ในโครงการต่างบอกว่าอย่างน้อยโครงการนี้ก็ช่วยให้ตนเองประหยัดเงินค่าใช้จ่ายรายวันได้บ้าง เพราะประชาชนออกเงินครึ่งหนึ่ง แล้วอีกครึ่งหนึ่งรัฐบาลจะช่วยออกสมทบ ซึ่งนับว่าดีต่อประชาชน แต่ก็รู้ว่านี่คือรายจ่ายของรัฐบาล ซึ่งก็คือรายจ่ายของประเทศ แต่ก็ไม่คัดค้านโครงการนี้ เพราะถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ระดับหนึ่ง แต่การที่นักการเมืองบางรายจากพรรคประชาชนวิจารณ์ว่าโครงการนี้ไม่สามารถช่วยให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้นอย่างถาวร แต่จะช่วยในระยะสั้นเท่านั้น เรื่องนี้ผู้มีสิทธิ์ร่วมโครงการบอกว่า ก็เป็นเรื่องปกติของพรรคฝ่ายค้าน เพราะฝ่ายค้านไม่มีวันสนับสนุนรัฐบาล แต่ก็ต้องถามกลับว่าแล้วพรรคประชาชนมีปัญญากระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้นได้หรือไม่ หากมีปัญญาทำก็ต้องทำให้ปรากฏ แต่ก็ไม่ประหลาดใจที่ฝ่ายค้านวิจารณ์รัฐบาล เพราะเป็นเรื่องปกติที่ฝ่ายค้านต้องมองต่างจากรัฐบาล แม้เรื่องนั้นๆ จะให้ผลดีกับเศรษฐกิจของประเทศในระยะเวลาสั้นๆ ก็ตาม แต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย แล้วยังปล่อยให้เศรษฐกิจดิ่งเหวลงไปเรื่อยๆ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี