รัฐบาลเฉพาะกาลนำโดย นายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเริ่มต้นด้วยดีที่ชนะใจคนไทยทั้งในเวทีโลกและในบ้านทำให้มีเค้าลางว่าจะครองทำเนียบรัฐบาลได้นานกว่าที่คาดการณ์ไว้
ในเวทีโลก นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ลูกหม้อกระทรวงการต่างประเทศ ผู้ผ่านเวทีการทูตระดับโลกมากว่าสี่ทศวรรษ สร้างประวัติการทูตเชิงรุก ตอกหน้าความปลิ้นปล้อนของกัมพูชาในเวทีสหประชาชาติ นอกจากทำให้คนไทยสุขใจแล้ว นายสีหศักดิ์ยังทำให้ชาวโลกชื่นชมการทูตที่แหลมคมอย่างมีวุฒิภาวะ
นายสีหศักดิ์ ใช้ไหวพริบทางการทูต แก้ถ้อยแถลงที่เตรียมล่วงหน้า จะใช้การทูตแบบออมชอมเพื่อเห็นแก่หน้าสหรัฐฯและมาเลเซียที่พยายามตะล่อมให้ไทย-กัมพูชาหาข้อยุติด้วยสันติวิธี
แต่เมื่อถูก นายปรัก สุคน รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาไม่รักษาคำพูดแสดงบท เป็นเหยื่อตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จสร้างภาพให้ชาวกัมพูชาเป็นเหยื่อความโหดร้ายของกองทัพไทย
นายสีหศักดิ์เลยแก้ถ้อยแถลงจากออมชอมเจรจาเดินไปข้างหน้าด้วยกัน เป็นการเปิดโปงสันดานตอแหลปลิ้นปล้อนของกัมพูชา ในเวลาเดียวกัน ก็สอนสหรัฐฯและมาเลเซียอย่างมีวุฒิภาวะ ด้วยการกล่าวคำขอบคุณประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และมาเลเซียที่กรุณาแทรกแซงช่วยแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน
ในคำขอบคุณ นายสีหศักดิ์มีนัยให้บทเรียนแก่สหรัฐฯและมาเลเซียโดยบอกแบบชาวบ้านว่า“กัมพูชาไม่ทิ้งสันดานปลิ้นปล้อน” จากที่พูดกันเมื่อวาน ซึ่งมีสหรัฐกับมาเลเซียร่วมเจรจาว่า ไทย-กัมพูชาจะมีถ้อยแถลงในแง่บวกระหว่างเพื่อนบ้านด้วยกัน แต่พอขึ้นเวทีนายปรัก สุคน โจมตีประเทศไทยเป็นผู้ร้าย ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จว่า กัมพูชาตกเป็นเหยื่อความโหดร้ายรุกรานจากประเทศไทย
ถ้อยแถลง ที่นายสีหศักดิ์ ใช้ภาษาทางการทูต อย่างมีวุฒิภาวะ จึงพูดได้ว่า นอกจากฉีกหน้านายปรัก สุคน ในเวลาเดียวกันนั้น เขาได้สอนนายอันวาร์กับสหรัฐไปในตัวว่า การไปถือหางเข้าข้างคนเจ้าเล่ห์ผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นอย่างไร
นอกจากนั้นนายสีหศักดิ์ยังบอกให้ชาวโลกรู้ว่า กัมพูชาเนรคุณไทยอย่างไร โดยการเท้าความ เมื่อคราวท่านยังเป็นนักการทูตชั้นผู้น้อยในปลายทศวรรษ 1970 ท่านได้เห็นเขมรหนีตายจากสงครามกลางเมืองในกัมพูชา ที่เขมรนับแสนคนหนีตายข้ามชายแดนเข้ามาในประเทศไทย เวลานั้นประเทศไทยให้ข้าวให้น้ำให้ที่พักพิง ซึ่งประเทศไทยได้ร่วมมือกับอาเซียนและสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ช่วยเขมรหลายแสนคนให้รอดพ้นจากถูกฆ่าตายในกัมพูชา
จนกระทั่งปี 2531 เขมรสี่ฝ่ายทำสัญญาสันติภาพกันในปารีส เมื่อกัมพูชาสงบ ประไทยก็ช่วยสร้างถนน สร้างโรงเรียน สร้างโรงพยาบาลให้ และช่วยจัดการส่งเขมรหนีตายมาพึ่งไทยหลายแสนคนกลับกัมพูชา
แต่มีเขมรจำนวนมาก ยังไม่กลับบ้าน ฉวยโอกาสสร้างเพิงอาศัยในดินแดนประเทศไทย นานเข้าเขมรพวกนี้อ้างว่าพื้นที่บ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว เป็นของกัมพูชา ประเทศไทยประท้วงหลายครั้งแล้ว รัฐบาลพนมเปญละเลยไม่ใส่ใจ
วันนี้กัมพูชาตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ ในที่ประชุมสหประชาชาติว่าไทยรุกล้ำกัมพูชา ท่านสีหศักดิ์คงพูดในใจว่า อันวาร์กับทรัมป์ เข้าใจแล้วหรือยังว่า เขมรชั่วอย่างไร แต่เบื้องหน้าท่านสีหศักดิ์ใช้ถ้อยแถลงว่า“ที่เพื่อนร่วมงานกัมพูชาของข้าพเจ้า แสดงบทเป็นผู้ถูกกระทำนั้น ท่านพูดตรงข้ามกับความจริงโดยสิ้นเชิง ผู้เป็นเหยื่อแท้จริง คือ ทหารไทยที่ขาขาด เด็กนักเรียน และชาวบ้านที่ถูกจรวดกัมพูชายิงถล่มเสียชีวิตในร้านสะดวกซื้อและปั๊มน้ำมัน” นายสีหศักดิ์ไม่ได้พูดถึงทหารเขมรยิงโรงพยาบาลและบ้านเรือนชาวบ้าน นั้นเป็นความเชี่ยวชาญในพิธีการทูตคือ หนักแน่นแต่พอดี ไม่เหมือนกัมพูชาที่บ้าน้ำลายโกหกปลิ้นปล้อนได้ทุกเรื่อง
นายสีหศักดิ์กลับมาถึงประเทศไทย ในขณะรัฐบาลแถลงนโยบายต่อสภา สส.ที่ลุกขึ้นอภิปรายทุกคนชื่นชมนายสีหศักดิ์ และชมนายอนุทิน ที่เลือกเขาเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ ถูกคนถูกเวลาดังที่ฝรั่งพูดว่า Put right man on the right job at the right time
เมื่อนายสีหศักดิ์เปิดฉากด้วยผลงานชิ้นโบแดงให้ รัฐบาลภูมิใจไทยก็แถลงนโยบายง่ายๆ ที่ได้ใจคนไทยด้วยการให้ความสำคัญกับปัญหาความขัดแย้งไทย-กัมพูชา และกระตุ้นเศรษฐกิจเฉพาะหน้า โดยการปัดฝุ่นโครงการ “คนละครึ่งพลัส”ขึ้นมาใช้ ซึ่งถูกใจคนไทยส่วนใหญ่ และปิดท้ายด้วยการตบหน้าพรรคเพื่อไทยด้วยคำว่า “รัฐบาลนี้ไม่มีกาสิโนในเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมแพลกซ์ และไม่ส่งเสริมการพนันเช่นโป๊กเกอร์
หลังจากนายอนุทิน จบแถลงนโยบายนักการเมืองไทย (ส่วนใหญ่) ก็นำนิสัยถาวรขึ้นมาใช้ โดยอภิปรายแบบถุยน้ำลายใส่หน้าตัวเอง เนื่องจากว่า ผู้อภิปรายส่วนใหญ่โจมตีรัฐบาลในเรื่องที่ทำงานร่วมกันมาตลอดเวลาสองปีก่อนหน้า ซ้ำรายแทนที่จะอภิปรายรัฐบาลพรรคฝ่ายค้านดันโจมตีกันเอง
สงครามน้ำลายระหว่างพรรคฝ่ายค้านด้วยกันระเบิดขึ้นในสภา เมื่อ นายณัฐพล โตวิจักษณ์ชัยกุล สส.เชียงใหม่ พรรคประชาชน อภิปรายถึงกรณีการบริหารจัดการงบประมาณ พ.ศ.2569 ที่จะประกาศใช้ในวันที่ 1 ตุลาคม ต่อยุทธศาสตร์และโครงการซอฟต์พาวเวอร์ ที่เกี่ยวข้องกับนโยบายด้านการท่องเที่ยว มูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งมีการเปิดเผยข้อมูลว่ามีความไม่โปร่งใสต่อการดำเนินการที่เกิดขึ้น และยึดโยงกับคนใกล้ชิดอดีตนายกฯ ทั้งนี้ มีข้อกล่าวหาว่าหากเจออดีตนายกฯ ที่ไหนต้องเจอกับบุคคล 2 คนที่ อักษรย่อ ป. และ อ. ทั้งนี้ พบว่ามีการฉายสไลด์ที่เกี่ยวโยงไปยังรัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกฯ การอภิปรายของ สส.ณัฐพล ทำให้สส.พรรคเพื่อไทยประท้วงวุ่นวายจนประธานวันนอร์ต้องปราม สส.ทั้งสองฝ่ายนานหลายนาที
พรรคเพื่อไทย หมายมั่นปั้นมือถล่มภูมิใจไทย เรื่องที่ดินเขากระโดงกับฮั้ว สว.และปิดท้ายด้วยการอภิปรายว่า การทำข้อตกลงกับพรรคประชาชน เรื่อง แก้รัฐธรรมนูญ สส.ชลน่าน ศรีแก้ว เปิดประเด็นอภิปรายถึงความหายนะสี่ประการ ที่อาจเกิดขึ้นในรัฐบาลเฉพาะกาลสี่เดือน หลังจากขี่ม้าเลียบค่าย นายชลน่านวกเข้ามาเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ แต่ดันไปสรุปว่า ด้วยอุปสรรคหลายประการ รัฐธรรมนูญปี’60 ไม่มีทางแก้ได้ และหากบาปเหมาะเคราะห์ร้ายได้ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ก็จะกลายเป็น รัฐธรรมนูญสีน้ำเงิน
นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงแผนการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่ารัฐบาลทำตามคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ คือ ทำประชามติขอความเห็นชอบจากประชาชนถึงแก้รัฐธรรมนูญได้ นายบวรศักดิ์กล่าวว่า เพื่อประหยัดงบประมาณและเวลา ต้องทำประชามติพร้อมกับการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนมีนาคมปีหน้าแต่การเลือกตั้งบวกทำประชามติแบบพิสดารเป็นการยากในทางปฏิบัติ และอาจเกิดความวุ่นวายทำให้ทุกอย่างเป็นโมฆะได้
คือนายบวรศักดิ์มีแผนงาน ให้จัดการเลือกตั้งในวันเดียวกับทำประชามติ ว่าประชาชนให้แก้รัฐธรรมนูญ หรือไม่และประชาชนเห็นสมควรยกเลิก MOU กับกัมพูชาหรือไม่ ในวันเลือกตั้งทั่วไปผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งต้องกาบัตร 4 ใบ 1ใบสำหรับเลือกสส.เขต 1 ใบสำหรับเลือก สส.บัญชีรายชื่อ 1.ใบสำหรับลงมติแก้รธน.หรือไม่ 1 ใบ สำหรับลงมติยกเลิก MOU กับกัมพูชาหรือไม่
หลังจากนายบวรศักดิ์ อธิบายเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ นายชูศักดิ์ ศิรินิล มือกฎหมายพรรคเพื่อไทย ออกมาสำทับว่าด้วยอุปสรรคหลายประการคิดว่า รัฐธรรมนูญไม่สามารถแก้ได้ในรัฐบาลนี้เพราะนอกจากต้องมีเสียงสนับสนุนเกินครึ่งของ สส. 497 คน แล้วจำเป็นต้องได้เสียงสนับสนุนหนึ่งในสามของวุฒิสภาคือ 67 เสียง จาก สว. 200 คน ซึ่งเขาไม่คิดว่าสามารถโน้มน้าวให้ สว.สนับสนุนแก้รัฐธรรมนูญได้
ส่วนการอภิปรายเรื่องฮั้วเลือกตั้ง สว.ถือว่า อภิปรายเปลืองน้ำลายเปล่า เนื่องจากมีการฮั้วกันทุกกลุ่ม อีกอย่างคดีนี้เริ่มจากที่ค่ายสีแดง ได้หลักฐานมาจาก สว.สอบตก และค่ายสีแดง ใช้อำนาจบริหารสั่งการให้ดีเอสไอสอบสวนดำเนินคดี จนศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม หยุดปฏิบัติหน้าที่ในส่วนที่ดูแลกำกับดีเอสไอ
ดังนั้นที่ พ.ต.อ.ทวี อภิปรายเรื่องฮั้วสว. พ.ต.อ.ทวี จึงเหมือนพระไม่ล้างตีนขึ้นธรรมมาสน์ นอกจากถูกศาลฯสั่งห้ามทำคดีฮั้ว สว. แล้ว พ.ต.อ.ทวียังเป็นที่คลางแคลงใจในคดีชั้น 14 ว่า ในฐานะ รมว.ยุติธรรม ปฏิบัติหน้าที่ตรงไปตรงมา หรือตั้งหน้าตั้งตาช่วยนักโทษบิดเบือนความยุติธรรม
สรุปว่า การเริ่มต้นดีมีชัยไปกว่าครึ่ง อย่างน้อยที่สุดรัฐบาลได้ใจคนไทย จากบทบาทนายสีหศักดิ์ในสหประชาชาติ และได้ใจคนส่วนใหญ่จากนโยบาย คนละครึ่งพลัส ในห้วงเวลาสี่เดือนของรัฐบาลเฉพาะกาล หากไม่สามารถร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ มั่นใจว่าประชาชนเทคะแนนให้ภูมิใจไทย เป็นรัฐบาลต่อไปในการเลือกตั้งครั้งหน้า
สุทิน วรรณบวร

'เทพไท'แนะจับตา'ลูกเขยทักษิณ'มีสิทธิ์โผล่แคนดิเดตนายกฯเพื่อไทย
'สุทิน'ลั่นไม่ได้คลั่งรัฐบาลนี้ แต่'อนุทิน'นำไทยกลับสู่เรดาร์ในสายตาโลก หลังหลุดไป 2 ปี
'เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี'เสด็จเป็นองค์ประธานการประกวดผ้าลายพระราชทาน'ผ้าลายสิริราชพัสตราภรณ์'
'เจิมศักดิ์'สะท้อนมุมมอง 'ชีวิต วาระเปลี่ยนผ่าน เพื่อไทย'
‘ดร.จักษ์’จวกพรรคส้ม! รู้ตัวไหมว่า'คุณกำลังรบกับชาติของตัวเอง?'

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี