วันพฤหัสบดี ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ปัญหา“สแกมเมอร์”ที่หลายฝ่ายตั้งความหวังและไม่ทันใจกับการทำงานของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี“รัฐบาลหนูชั่วคราว” ที่เพิ่งจะเข้ามาบริหารประเทศได้เพียงแค่เดือนเดียวนั้นนายอนุทินได้ยืนยันเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนเมื่อวานนี้ ว่าไม่มีผู้กระทำผิดคนไหนจะใหญ่กว่ารัฐบาลได้ และเวลานี้กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งในทางลับไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
นายอนุทิน ชาญวีรกูล พูดถึงปัญหาสแกมเมอร์ ระหว่างแสดงวิสัยทัศน์ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน ในงาน“THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2025” ในหัวข้อ “Thailand’s Next Frontier : A National Economic Vision วิสัยทัศน์ประเทศไทยในโลกใหม่”เมื่อวานนี้ ในรูปแบบการสัมภาษณ์ จากคำถามของพิธีกร ที่ได้ถามนายอนุทินถึงการปราบปรามสแกมเมอร์ซึ่งเป็นประเด็นร้อนอยู่ในเวลานี้
ทั้งนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้ตอบว่า “เราต้องทำความเข้าใจก่อน ที่จะบอกว่าประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการฟอกเงิน ไม่ค่อยแฟร์ สแกมเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ เราอยู่ตรงกลางเป็นประเทศตรงกลาง ในรอบรอบประเทศที่ทำสแกม สิ่งที่ทำให้คนที่ทำธุรกิจเหล่านี้ ไม่ใช่สแกมอย่างเดียว แต่มีเรื่องยาเสพติด เรื่องการค้ามนุษย์ เป็นสิ่งที่ไม่ใช่สีเทาแต่เป็นสีดำ ที่ต้องใช้ประเทศไทยเป็นฐานในเรื่องการฟอกเงิน”
นายกรัฐมนตรี“รัฐบาลหนูชั่วคราว”ที่ชื่อ“อนุทิน ชาญวีรกูล”กล่าวต่อไปว่า “สิ่งที่เราต้องทำให้ได้ในประเทศไทย คือมีกฎหมายที่เคร่งครัด และเข้มงวดมีเจ้าหน้าที่ที่ต้องตั้งใจที่จะปราบปรามสิ่งนี้ ซึ่งเรามีกลไกลหมดเลย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)ได้เตรียมไว้หมด และทำไปเยอะแล้ว แต่ของแบบนี้เป็นเรื่องของการปฎิบัติในทางลับ จะไปบอกว่าทำอะไร ไม่ได้ เพราะเรื่องนี้เทคโนโลยีเปลี่ยนทุกวัน”
นายอนุทิน ชาญวีรกูล กล่าวต่อว่า “ฉะนั้น ผมบอกเสมอว่า เราต้องอยู่เหนือคนกระทำผิด ไม่ใช่ไล่ตามเป็นโปลิศจับขโมย และหากต้องการเครื่องไม้เครื่องมือรัฐบาลก็พร้อมสนับสนุน ในเรื่องการเกรงกลัวผลประโยชน์ใดๆ นายกฯยืนยันกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)ว่าเราเป็นรัฐบาลไม่มีนักเลงคนไหน ไม่มีมาเฟียคนไหน มีขาใหญ่คนไหนที่จะใหญ่กว่ารัฐบาลได้ ในเมื่อรัฐบาลไม่เกรงกลัว ผู้ปฏิบัติก็ต้องไม่กลัวด้วย”
นอกจากนั้น นายอนุทิน ชาญวีรกูล ซึ่งนั่งควบเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังกล่าวด้วยว่า “เราทำงานเชิงรุก สัปดาห์ที่แล้วมีการถอนสัญชาติขาใหญ่รายหนึ่งที่มีสัญชาติไทย 30 ปี รัฐบาลของผมเข้ามา 3 อาทิตย์ ถอนสัญชาติเรียบร้อย”
สำหรับ“ขาใหญ่”คนที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล อ้างถึงนั้น คือนายพัด สุภาภา หรือ“ลียง พัด” วัย 67 ปี ที่นายอนุทินได้ลงนามในประกาศกระทรวงมหาดไทยเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2568 หลังจากเข้ามาเป็นรัฐบาลได้ 24 วัน ก็ปฏิบัติการอย่างสายฟ้าแลบ ถอนสัญชาติไทยบุคคลผู้นี้ ด้วยเหตุที่มีพฤติการณ์เชื่อมโยงกับขบวนการอาชญากรรมไซเบอร์
ในรายละเอียดของประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการถอนสัญชาติไทยนายพัด สุภาภา ระบุว่า
“ด้วยปรากฏว่า นายพัด สุภาภา หรือ ลียง พัด บุคคลสัญชาติไทย ได้รับสัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ มีพฤติการณ์ยังคงใช้สัญชาติกัมพูชา ประกอบกับได้รับรายงานข้อมูลจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ที่แสดงว่ามีพฤติการณ์เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับกลุ่มบุคคลฉ้อโกงประชาชน จนถูกสำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างชาติแห่งสหรัฐอเมริกาคว่ำบาตร เนื่องจากมีลักษณะพิเศษในการถูกอายัดทรัพย์สิน เพราะเกี่ยวข้องการค้ามนุษย์ และหลอกลวงไซเบอร์”
และ“เห็นว่าพฤติกรรมของบุคคลดังกล่าวนั้น เป็นการกระทบกระเทือนต่อความมั่นคง หรือขัดประโยชน์ต่อรัฐ และขัดต่อ ความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน อยู่ในข่ายถูกถอนสัญชาติไทยได้ มาตรา 19 (2) (3) (4) แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 และหากปล่อยไว้เนิ่นช้าออกไป จะก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อประชาชน และสาธารณะได้”
และก็ด้วยเหตุตามรายละเอียดของประกาศกระทรวงมหาดไทยที่ยกมาสองย่อหน้านั้น นายอนุทิน ชาญวีรกุล ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จึง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 19 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 แห่ง พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ.2508 ให้ถอนสัญชาติไทยของนายพัด สุภาภา หรือลียง พัด โดยลงนามเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2568
แปลกแต่จริงเรื่องนี้ ทั้งนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน รวมทั้ง สส.ของพรรคส้มเน่าในฐานะฝ่ายค้าน และ สส.พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคฝ่ายแค้น มองไม่เห็น หรืออาจจจะมีเจตนาบิดเบือนเพื่อโกหกหลอกลวงประชาชนทั่วไป และมวลชนที่สนับสนุนพรรคการเมืองของตนให้หลงเชื่อว่า รัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ไม่ใส่ใจต่อปัญหานี้ หรืออาจมีผลประโยชน์ทับซ้อน จึงชักช้าอือดอาด ไม่ลงมือปฏิบัติการปราบปรามด้วยความรวดเร็ว
กรณีของนายพัด สุภาภา ผู้นี้เป็นตัวอย่างชัดเจนว่า รัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ไม่ได้นิ่งนอนใจหรือวางเฉย ซึ่งนอกจากจะถูกถอนสัญญชาติแล้ว ปปง.ก็ยังได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา สั่งยึดและอายัดทรัพย์สินของเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติที่เกี่ยวโยงกับนายพัด สุภาภา จำนวน 350 ล้านบาท เพิ่มเติมจากที่เคยยึดและอายัดมาแล้ว 300 ล้านบาท รวมแล้วเป็นเงินถึง 650 ล้านบาท
ตามไปดูต่อว่าโยงใยของนายพัด สุภาภา ที่ประเทศกัมพูชานั้นเป็นอย่างไร บุคคลผู้นี้ถือทั้งสัญญชาติไทยและกัมพูชา เป็นสมาชิกวุฒิสภาและนักธุรกิจชาวกัมพูชาเชื้อสายจีนและไทยเกาะกง ขึ้นตรงต่อ“ฮุน เซน” โดยเป็นเจ้าของบริษัท“LYP Group” ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทยักษใหญ่ของกัมพูชา ดำเนินธุรกิจหลากหลายประเภท ทั้งด้านอสังหาริมทรัพย์ นิคมอุตสาหกรรม บ่อนกาสิโน ยาสูบ พลังงานไฟฟ้า และการท่องเที่ยว โดยมีธุรกิจหลักอยู่ในจังหวัดเกาะกงบ้านเกิด
กล่าวกันว่า ธุรกิจของนายพัด สุภาภา มักเชื่อมโยงกับเรื่อง“เทาเทา” ทั้งการใช้แรงงานเด็ก การบังคับขับไล่ที่ดิน การหลอกลวงทางไซเบอร์ และการค้ามนุษย์ เช่นเดียวกับ“ก๊ก อาน” เจ้าพ่อบ่อนการพนันในกัมพูชา ซึ่งเป็นนักธุรกิจระดับมหาเศรษฐีในกัมพูชาเชื้อสายจีน และมีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับ“ฮุน เซน”อีกคนหนึ่ง โดยที่ทั้งนายพัด สุภาภา และ“ก๊ก อาน” ก็ยังสนิทและมีสัมพันธ์เชื่อมโยงกับนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร เจ้าของพรรคเพื่อไทยที่ติดคุกอยู่ในเรือนจำกลางคลองเปรมเวลานี้ด้วย
สำคัญที่สุดจากการเปิดปากของนายอนุทิน ชาญวีรกูล เกี่ยวกับการจัดการเรื่อง“สแกมเมอร์”นี้ ระหว่างแสดงวิสัยทัศน์ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอนเมื่อวานนี้ นายอนุทินก็ยังได้คายความลับออกมาด้วยว่า การลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังของนายวรภัค ธันยาวงษ์ ก่อนหน้านี้ หลังจากตกเป็นข่าว“อื้อฉาว”ว่ามีส่วนพัวพันกับขบวนการสแกมเมอร์ นั้น นายอนุทินกล่าวว่า
“ท่านถูกครหา แต่ยังไม่ถูกกล่าวหา ยังไม่ได้มีหลักฐานใดๆ และไม่มีหน่วยงานไหนทั้งไทยและต่างประเทศที่ดำเนินคดีกับท่าน แต่เมื่อมีข่าวออกมาเรื่อยๆ ผมก็เป็นคนไปบอกให้ท่านลาออก ท่านก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และถ้าท่านไม่ผิดก็คือไม่ผิดจะไปบอกผิดไม่ได้”
สรุปแล้ว เรื่องการปราบปรามขบวนการ“สแกมเมอร์” จากที่เขียนมาทั้งหมดก็แค่ตัวอย่างที่นำเบิกเนตรให้คนไทยที่ยังไม่รู้ได้รู้ ว่ารัฐบาล“หนูชั่วคราว”ทำอะไรไปบ้าง และก็เพื่อตอกย้ำพวกรู้แล้วอย่าง สส.พรรคฝ่ายค้านและสส.พรรคฝ่ายแค้น
ว่าอย่าทำแกล้งโง่ เพื่อมีเจตนาปลิ้นปล้อนหลอกลวงให้คนไทยเชื่อตามกับคำโกหกมดเท็จ !
รุ่งเรือง ปรีชากุล

‘อบต.เหล่าหมี มุกดาหาร’จัดงานลอยกระทง งดพลุ แสง สี เสียง
‘นายกฯอนุทิน’ตอบเอง หลังชาวเน็ตโฟกัส‘ซิป’ งานนี้ฮาไม่เบา
วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุดรธานี แปลอักษรถวายความอาลัย'สมเด็จพระพันปีหลวง'
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก‘อบต.นาฝาย ชัยภูมิ’นำเด็กฝึกทำกระทงใบตอง ลดค่าใช้จ่ายวันลอยกระทง
ส่งผ่าพิสูจน์! 'โลมาลายแถบ'เกยตื้นตาย'ชายหาดบาสัก' พบมีบาดแผลถลอก

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี