วันศุกร์ ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ปัญหา “ไทย-กัมพูชา” เป็นปัญหาเร่งด่วนใน 2 ปัญหาที่ประชาชนคนไทยต้องการให้รัฐบาล “หนูชั่วคราว” ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล แก้ไขเป็นลำดับแรก ซึ่งอีกปัญหาหนึ่งก็คือปัญหาเศรษฐกิจ โดยทั้งสองปัญหานี้เป็นปัญหาเก่าที่เกิดขึ้นต่อเนื่องมาจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย
และทั้งสองปัญหาที่ว่านั้น ก็เป็นปัญหาที่ประชาชนคนไทยต้องการให้รัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล เร่งดำเนินการแก้ไข ซึ่งสวนทางกับปัญหาของ สส.พรรคประชาชน ที่ต้องการให้รัฐบาลดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อนำไปสู่การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ภายใน 4 เดือน จากนั้นก็ให้ประกาศยุบสภาฯเลือกตั้งใหม่ทันที
เกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจนั้น ด้วยระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือน รัฐบาล “หนูชั่วคราว” ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้ามาได้อย่างถูกทาง และสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนคนไทยที่ประสบกับความเดือดร้อน คือการดำเนินโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ในวงเงิน4.4 หมื่นล้านบาท ที่เริ่มมีการใช้จ่ายมาตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม ที่ผ่านมา
โดยในช่วงเวลา 8 วันนับตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคมจนถึงวันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 ปรากฏว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นได้ผลชัดเจน จากตัวเลขของกระทรวงการคลัง ระบุว่า มียอดใช้จ่ายสะสมกว่า 1.8 หมื่นล้านบาทหรือตัวเลขกลมๆ 18,042.35 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่ภาครัฐร่วมจ่ายจำนวน 8,910.46 ล้านบาท และเงินที่ประชาชนจ่ายเอง จำนวน 9,131.89 ล้านบาท
แต่ถึงกระนั้น โครงการนี้ก็ยังมีปัญหาเกิดขึ้น ทั้งนี้ จากจำนวนร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ 858,991 รายทั่วประเทศนั้น จากข้อมูลของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ พบว่า มีการร้องเรียนจากประชาชนทั่วประเทศทั้งหมด 112 เรื่อง
เรื่องที่ร้องเรียนส่วนใหญ่ เป็นเรื่องการเอารัดเอาเปรียบประชาชนของร้านค้า เช่น จำหน่ายสินค้าในราคาสูงเกินสมควร การไม่ติดป้ายราคา การคิดราคาสินค้าเพิ่มเมื่อใช้สิทธิ์คนละครึ่ง และการแสดงราคาจำหน่ายปลีกไม่ตรงกับราคาที่จำหน่าย เป็นต้น ซึ่งร้านค้านเหล่านี้จะต้องถูกดำเนินคดีอย่างเข้มงวดต่อไป
สำหรับอีกปัญหาหนึ่ง คือปัญหา “ไทย-กัมพูชา” ปัญหานี้คาบเกี่ยวกับการละเมิดข้อตกลงของกัมพูชา เรื่องการลักลอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล และเรื่องที่จะต้องทำตามข้อตกลงคือการปราบปราม“สแกมเมอร์”
เรื่องการลอบวางทุ่นระเบิด ล่าสุด เมื่อวันที่ 2 และ3 พฤศจิกายน 2568 บริเวณเนิน 677 ใกล้กับช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ก็มีการตรวจพบ จากการลาดตระเวนของกองกำลังทหารไทยในพื้นที่ทำการ ก็มีการตรวจพบทุ่นระเบิด PMN-2 จำนวน 2 ทุ่น ที่ทหารฝ่ายกัมพูชาลักลอบเข้ามาฝังในฝั่งไทย
ขณะเดียวกัน กัมพูชาก็ยังคงเป็นชาติอสรพิษเหมือนเดิม โดยเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา สำนักงานโฆษกรัฐบาลกัมพูชา ได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า ไทยอาจกระทำการเข้าข่ายละเมิดข้อตกลงสันติภาพ ด้วยการกล่าวหาไทยว่า ข่มขู่จะมีการใช้กำลังทหารยึดปราสาทตาควาย ที่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ทั้งที่กัมพูชาเป็นฝ่ายยึดปราสาทแห่งนี้ของไทย และไทยก็ยังไม่เคยข่มขู่แต่อย่างใด
แถลงการณ์ของสำนักงานโฆษกรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ยังเออเองตอบเองว่า การกระทำของไทยที่กัมพูชาบิดเบือนสร้างข่าวนั้น ส่งผลให้สถานการณ์ตึงเครียดรุนแรงขึ้น และก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการสูญเสียความไว้วางใจซึ่งกันและกันในการแก้ไขปัญหาโดยสันติ ตามที่ระบุไว้ในปฏิญญาร่วมระหว่าง “กัมพูชา-ไทย” ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 ที่มีประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ และนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย “อันวาร์ อิบราฮิม” ในฐานะประธานอาเซียน เป็นสักขีพยาน
ส่วนเรื่อง “สแกมเมอร์” อันเป็นปัญหาที่มีข้อตกลงร่วมตาม “ปฏิญญากัวลาลัมเปอร์” ซึ่งที่บ้านเรากำลังอีนุงตุงนังกลายเป็นเรื่อง “ตีกิน” หาคะแนนนิยมกันอยู่ในเวลานี้นั้น ถ้าทุกฝ่ายต้องการที่จะช่วยกันจัดการปัญหาให้จบสิ้น ก็ควรจะต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง โดยเฉพาะฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาล
อย่างน้อยที่สุด ประเด็นเกี่ยวกับรายชื่อนักการเมือง 7 คน ที่ฝ่ายค้านโดย นายรังสิมันต์ โรม สส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาชน อ้างว่าเกี่ยวข้องกับ“สแกมเมอร์” ซึ่งมีชื่อนักการเมืองอักษรย่อ “ช.” รวมอยู่ด้วยนั้น ควรที่นาย สส.รังสิมันต์ จะต้องนำหลักฐานไปยื่นให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะผู้นำรัฐบาลดำเนินการต่อ เพราะนายอนุทินประกาศเสียงดังฟังชัด
เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายนวานนี้ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า
“ผมมีหน้าที่บันดาลทุกอย่าง เพื่อให้หน่วยงานที่กำกับดูแลไปดำเนินการป้องกันและปราบปรามอย่างเฉียบขาดเด็ดขาด ไม่มีหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนทั้งสิ้น”
ก็อยู่ที่ว่า “รังสิมันต์ โรม” จะไปยื่นชั่วโมงไหน?!
รุ่งเรือง ปรีชากุล

ถึงอ่างทองแล้ว! ชายพิการปั่นจักรยานจาก'แม่สาย-กรุงเทพฯ' กราบพระบรมศพ'พระพันปีหลวง'
เยี่ยม'น้องลูกชิ้น' เด็ก16ปีหนัก180 กก. แม่สุดปลื้มลูกชายจะกลับมาเดินได้
'โฆษกรัฐบาล'แจงนโยบาย'แก้ไขหนี้เสียต่ำแสน' ลดเงื่อนไขชำระ ให้ลูกหนี้กลับเข้าระบบ
'ในหลวง-พระราชินี'พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะบุคคลต่างๆเฝ้าฯถวายเงิน
สวยงามแปลกตา! ยอดเขาแหลม ที่ทองผาภูมิ เปล่งประกายสีทองอร่าม

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี