วันอังคาร ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / กวนน้ำให้ใส
กวนน้ำให้ใส

กวนน้ำให้ใส

สารส้ม
วันอังคาร ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 02.00 น.
ลดเพดานค่าโดยสารเครื่องบินในประเทศ ลดพื้นที่ขูดรีดประชาชน

ดูทั้งหมด

  •  

เมื่อวานนี้ ได้สะท้อนความเห็นเกี่ยวกับปัญหาราคาค่าโดยสารเครื่องบินภายในประเทศแพงเกินไป

โดยชี้ว่า การปล่อยให้มีการขายตั้วราคาเพดานสูงเกินควรทำให้มีพื้นที่ให้ธุรกิจสายการบินโขกสับค่าโดยสารจากประชาชนขึ้นไปปริ่มๆ เพดาน แต่เมื่อยังไม่สูงเกินเพดานก็อ้างว่ายังอยู่ในเกณฑ์


จึงเสนอให้กระทรวงคมนาคม เข้าไปจัดการอย่างเด็ดขาด ปรับลดราคาเพดานอัตราค่าโดยสารให้เป็นธรรม และตรวจสอบการทำการขายบัตรค่าโดยสารของสายการบินแต่ละเที่ยว ว่าขายในราคาเฉลี่ยเท่าใด เพราะปกติจะขายราคาไม่เท่ากันในแต่ละที่นั่ง แล้วมักอ้างว่าขายราคาถูก ทั้งๆ ที่ บัตรขายราคาถูกนั้นมีส่วนน้อย เอาไว้ทำการตลาด บังหน้า แต่ส่วนใหญ่ขายราคาแพง

วันนี้ ยังมีข้อมูลและความเห็นที่น่าสนใจเพิ่มเติมอีก ดังนี้

1. สายการบินโลว์คอสต์ ราคาไม่ต่ำแล้วจริงๆ แพงกว่าการบินไทย (บางเที่ยว)

คุณ Luxanawan Jongthawongit โชว์ภาพราคาค่าโดยสารเครื่องบินเปรียบเทียบการบินไทยกับโลว์คอสต์ พร้อมระบุว่า

“สายการบินอื่นขึ้นราคาแบบ....

(บินไปญี่ปุ่น-เกาหลี lowcost ได้เลยราคานี้)

แล้วนาทีนี้ ไม่มีใครพูดถึงราคาตั๋วป้าม่วงเลย ทำดีไม่มีใครชม บ่นแต่ว่าตั๋วแพง 

ทุกวิกฤตไม่ว่าภัยพิบัติธรรมชาติ ไวรัส การเมือง หรือ สงครามต่างๆ ป้าม่วงบินฝ่า พาทุกคนกลับบ้านอย่างปลอดภัยนะคะ

ไม่เคยทิ้งใครไว้ข้างหลัง ไม่ว่าจะตั๋วถูก ตั๋วแพง หรือแม้แต่ตั๋วฟรี

นักบิน+ลูกเรือ ต้องเสี่ยงชีวิต ไม่รู้จะได้กลับมากอดคนที่เรารัก นำเชื้อกลับมาติดคนในครอบครัวรึเปล่า ก็ยังทำหน้าที่พนักงาน “สายการบินแห่งชาติ”

สายการบินของคนไทย เพื่อคนไทยค่ะ...”

ข้อมูลราคาค่าโดยสารสายการบินโลว์คอสต์ข้างต้น เมื่อเทียบกับการบินไทย เส้นทางหาดใหญ่- กทม. เหมือนกัน ราคาต่างกันอย่างเห็นได้ชัด

ปรากฏว่า โลว์คอสต์แอร์ไลน์ ค่าโดยสารแพงกว่าการบินไทย !!!

แม้จะยังไม่เกินเพดานค่าโดยสาร แต่แพงได้ขนาดนี้ แสดงว่า เพดานอัตราค่าโดยสารจะต้องผิดปกติ คือ สูงเกินสมควร จึงมีพื้นที่ให้ธุรกิจสายการบินคิดค่าโดยสารระดับนี้กับประชาชนทั่วไปได้

2. เพจ Wingtips ให้ข้อมูลที่น่าสนใจ ระบุว่า

“ตั๋วแพง…ฉวยโอกาส หรือกลไกตลาด? ผิดกฎหมายไหม?

รู้จักกับกระบวนการตั้งราคาและการบริหารที่นั่งของสายการบิน

เคยสงสัยกันไหมว่าคนที่นั่งข้างๆ เราบนเครื่องบินเขาซื้อตั๋วมาราคาเท่าเราไหม? สายการบินมีหลักการตั้งราคาบัตรโดยสารอย่างไรบ้าง มีปัจจัยอะไรที่เกี่ยวข้อง ทำไมซื้อช้ากับซื้อเร็วมักได้คนละราคา

หลังจากล่าสุดที่มีข่าวว่า นายกรัฐมนตรีขู่ว่าจะเพิกถอนใบอนุญาตสายการบินที่ “ฉวยโอกาส” ขึ้นราคาบัตรโดยสารเส้นทางหาดใหญ่ช่วงนี้เป็นไปกลับหลักหมื่นบาท รวมถึงเคยมีข่าวอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมท่านหนึ่งมีคำสั่งให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยทบทวนหลักคิดราคาบัตรโดยสารและให้ศึกษาหลักเกณฑ์ในไทยและทั่วโลกว่าใช้หลักการใดในการคำนวณ

โดยยังกล่าวว่า เบื้องต้นเท่าที่ทราบหลักสากลที่ดำเนินการ คือ ใช้ระยะทาง และน้ำหนัก เป็นตัวกำหนดอัตราค่าโดยสาร แต่สิ่งที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้กลับพบว่า สายการบินนำเรื่องเวลาการซื้อตั๋วโดยสารเข้ามาเป็นตัวกำหนดค่าโดยสารด้วย เช่น ใครซื้อตั๋วล่วงหน้าก่อนการเดินทาง 1 เดือน จะได้ราคาถูก ส่วนใครที่ซื้อตั๋วก่อนเดินทาง 1 วันจะมีราคาแพง ซึ่งรัฐมนตรีคนดังกล่าวมองว่าการกำหนดราคาในลักษณะนี้ไม่ใช่หลักสากล ไม่เป็นเหตุเป็นผล (Make Sense) และไม่ตอบโจทย์ผู้รับบริการ

ก่อนจะไปรู้จักกับหลักการคำนวณราคาบัตรโดยสาร ให้ทุกคนลองนึกถึงประสบการณ์การจองตั๋วทั้งสายการบินต้นทุนต่ำและสายการบินที่ให้บริการเต็มรูปแบบ (Full Service Carrier) ที่จะมีราคาหลากหลายให้เลือก ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการด้วยกัน อาทิ เส้นทาง วันที่เดินทาง เวลาที่เดินทาง แม้กระทั่งจำนวนผู้โดยสารที่เดินทาง ทำให้ในเที่ยวบินหนึ่งๆ นั้น จะมีระดับราคาหลากหลายมาก

ยกตัวอย่างเช่น ในเที่ยวบินจากกรุงเทพฯไปเชียงใหม่ของสายการบินต้นทุนต่ำ อาจจะมีคนซื้อบัตรโดยสารราคาตั้งแต่ 800 บาทไปจนถึง 5,000 บาท ซึ่งคนที่ซื้อราคา 800 และ 5,000 อาจจะนั่งอยู่ข้างกันก็ได้ และทั้งสองคนนั้นได้รับบริการจากสายการบินไม่แตกต่างกัน

การตั้งราคาบัตรโดยสาร (Pricing)

การตั้งราคาบัตรโดยสารนั้นมี ปัจจัยต่างๆ เกี่ยวข้องหลายปัจจัยด้วยกัน โดยในอดีตที่ผ่านมาสายการบินพยายามจะตั้งราคาโดยใช้รูปแบบการเดินทางของผู้โดยสารเป็นตัวกำหนด ยกตัวอย่างเช่น การซื้อบัตรโดยสารไปกลับจะถูกกว่าซื้อเที่ยวเดียวสองเที่ยว (Roundtrip Pricing) เนื่องจากสายการบินต้องการที่จะขายที่นั่งทั้งสองขานั่นเอง วิธีนี้สายการบินจะทำราคาที่ต่างกันขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการเดินทางเป็นหลักยิ่งบัตรโดยสารมีความยืดหยุ่นมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีราคาสูงขึ้นเท่านั้น รวมทั้งระยะเวลาระหว่างการซื้อกับการเดินทาง (Advanced Purchase) ก็มีผลต่อราคาเช่นกัน ยิ่งซื้อล่วงหน้านานเท่าไหร่มักจะได้ราคาที่ต่ำกว่าใกล้วันเดินทาง สำหรับสายการบินที่มีชั้นธุรกิจให้บริการนั้น เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยทีเดียวที่บัตรโดยสารชั้นธุรกิจที่ซื้อล่วงหน้านานๆ จะมีราคาต่ำกว่าชั้นประหยัดที่ซื้อใกล้วันเดินทาง

ในยุคปัจจุบัน หลังจากการแพร่หลายของสายการบินต้นทุนต่ำ มีการตั้งราคาแบบใหม่นั่นคือการตั้งราคาแบบขาเดียว (One-way Pricing) กล่าวคือ สายการบินจะตั้งราคาในแต่ละขา(Sector)ถ้าผู้โดยสารจองเที่ยวบินไปกลับ ราคาก็จะเป็นเที่ยวบิน 2 ขารวมกันนั่นเอง ซึ่งวิธีนี้มีประโยชน์กับผู้โดยสารคือเข้าใจได้ง่ายและสามารถซื้อบัตรโดยสารไปกลับด้วยคนละสายการบินได้ แต่สำหรับสายการบินนั้นจะต้องไปเน้นการบริหารรายได้ (Revenue Mangement) อย่างมากเพื่อที่จะทำรายได้ให้สูงที่สุด ซึ่งจะกล่าวถึงการบริหารรายได้ในลำดับถัดไป

ระดับราคาของบัตรโดยสาร (Prices, Fares หรือ Tariff) หมายถึงระดับราคาที่สายการบินตั้งขึ้นสำหรับการขาย จะมีกี่ระดับราคานั้น ขึ้นอยู่กับแต่ละสายการบิน ในปัจจุบันสายการบินต้นทุนต่ำมักจะมีระดับราคามากกว่าสายการบิน Full Service มักจะใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษแทนแต่ละระดับราคาเรียกว่า “Fare Class” โดยแต่ละสายการบินก็จะมีการกำหนดเงื่อนไขต่างๆ และระดับราคาต่างกันออกไป ยกตัวอย่างเช่น

Fare Class – A 800 บาท

Fare Class – B 1,000 บาท

Fare Class – C 1,500 บาท

Fare Class – D 2,000 บาท

Fare Class – E 3,000 บาท

Fare Class – F 5,000 บาท

จากที่ยกตัวอย่างไปข้างต้น ผู้โดยสารสองคนที่นั่งข้างกัน คนหนึ่งซื้อบัตรโดยสารมาในราคา800 บาท อีกคนซื้อมาราคา 5,000 บาท หมายความว่าผู้โดยสารทั้งสองคนซื้อ Fare Class A และ F มาตามลำดับนั่นเอง

การบริหารรายได้ (Revenue Management) กลไกสำคัญในการสร้างรายได้ของสายการบิน

การบริหารรายได้ของสายการบิน เป็นการบริหาร “ราคาขาย” ของแต่ละเที่ยวบินเพื่อสร้างรายได้ที่มากที่สุด โดยกลไกนี้จะเป็นผู้กำหนดจำนวนที่นั่งในแต่ละราคา โดยเครื่องมือที่ใช้นั่นคือ “ระดับราคา” หรือ “Fare Class” ที่กล่าวไว้ข้างต้นนั่นเอง

ยกตัวอย่างเช่น ในหนึ่งเที่ยวบินมีที่นั่งทั้งหมด 100 ที่นั่ง จะมีการจัดสรร Fare Class ทั้งหมดไว้สำหรับ 100 ที่นั่งนั้นในจำนวนไม่เท่ากันและสามารถเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป โดยจะมีการไล่ระดับราคาขึ้นไปเรื่อยๆ เมื่อระดับราคาที่ต่ำกว่าได้ทำการขายหมดไป นี่ยังเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำไมยิ่งซื้อบัตรโดยสารช้ายิ่งได้ราคาแพง เพราะที่นั่งที่ราคาต่ำกว่าได้หมดไปแล้วนั่นเอง

ในยุคก่อนที่ระบบต่างๆ รวมถึงคอมพิวเตอร์ไม่ได้ทันสมัยเหมือนปัจจุบัน ราคาบัตรโดยสารจะไม่ได้หลากหลายและเปลี่ยนแปลงเร็ว (Dynamic) อย่างทุกวันนี้ จึงมักจะเป็นรูปแบบของการบริหารที่นั่งหรือ Space Control เพื่อควบคุมไม่ให้ขายที่นั่งเกินจำนวนที่นั่งบนเครื่องบินจริงๆ แต่ในปัจจุบันจากการเข้ามาของระบบบริหารรายได้ใหม่ๆ สายการบินสามารถเปลี่ยนแปลงราคาบัตรโดยสารได้แทบจะทันที การบริหารรายได้จึงเป็นไปในทาง Dynamic มากขึ้น โดยปัจจัยหลักๆ ที่จะส่งผลต่อราคาบัตรโดยสาร อาทิ

- เส้นทาง : เส้นทางระยะทางไกลกว่าจะมีราคาสูงกว่าจากต้นทุนการปฏิบัติการบิน รวมถึงเส้นทางที่เป็นที่นิยมกว่ามักจะมีราคาสูงกว่าเนื่องจากมีความต้องการเดินทางที่มากกว่า

- วันเดินทาง : วันสุดสัปดาห์และวันหยุด รวมถึงเทศกาล จะมีราคาสูงกว่าวันธรรมดา

- เวลาเดินทาง : เที่ยวบินที่เป็นที่ต้องการมากกว่าจะมีราคาสูงกว่า เช่น เที่ยวบินเดินทางจากกรุงเทพฯไปยุโรป เที่ยวบินที่ไปถึงช่วงเช้าจะมีราคาสูงกว่าเที่ยวบินอื่น

- คู่แข่ง : เส้นทางที่มีคู่แข่งน้อยจะมีราคาสูงกว่าเส้นทางที่มีคู่แข่งเยอะที่มีราคาต่ำจากสภาวะการแข่งขัน ยกตัวอย่างเช่น เส้นทางดอนเมือง – แม่สอด ของนกแอร์ที่ไม่มีคู่แข่งจะสามารถตั้งราคาเริ่มต้นในระดับสูงได้

- ระยะเวลาระหว่างการซื้อกับวันเดินทาง : เป็นอีกปัจจัยหลักเช่นกัน เพราะการซื้อใกล้วันเดินทาง ที่นั่งที่มีราคาต่ำมักถูกขายหมดไปแล้ว ที่นั่งบนเที่ยวบินเหลือน้อยและมักจะเหลือแต่ Fare Class สูงๆ ที่ราคาแพง

- จำนวนผู้โดยสารที่จองพร้อมกัน : อาจจะดูไม่น่าเป็นไปได้แต่ก็เกิดขึ้นจริง สมมุติ Fare Class A ราคา 800 บาทเหลืออยู่ 2 ที่นั่งในเที่ยวบินที่ต้องการซื้อ แต่การจองนั้นมีผู้โดยสาร 3 คน ทั้ง 3 คนนั้นจึงต้องซื้อบัตรโดยสารที่ Fare Class ถัดไปแทนนั่นเอง

สุดท้ายก็คือ Demand และ Supply

จากปัจจัยทั้งหมดที่กล่าวมาจะสังเกตได้ว่า ราคาของบัตรโดยสารที่แท้จริงแล้วนั้นถูกกำหนดโดย “ความต้องการซื้อและความต้องการขาย” หรืออุปสงค์และอุปทานนั่นเอง การบริหารรายได้ที่ทำให้เกิดราคาแบบนี้นอกจากจะเป็นประโยชน์กับสายการบินในการเพิ่มโอกาสของการสร้างรายได้แล้ว ยังส่งผลดีต่อภาพของตลาดโดยรวมในมุมของผู้โดยสารที่ได้ซื้อบัตรโดยสารในราคาที่สะท้อนอุปสงค์และอุปทานที่แท้จริง

ลองนึกภาพว่า สายการบินทำการขายบัตรโดยสารราคาเดียว (Fix Rate) จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง สิ่งที่จะเกิดขึ้นเร็วที่สุดก็คือผู้โดยสารจะรอจนถึงใกล้ ๆ หรือวันสุดท้ายก่อนเดินทางค่อยทำการซื้อบัตรโดยสาร ทำให้สายการบินไม่สามารถคาดการณ์ความต้องการเดินทางและวางแผนตารางบินได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมการบิน หรืออีกตัวอย่างคือ ถ้ามีการขายบัตรโดยสารไปญี่ปุ่นราคาเดียวที่ 10,000 บาท นักท่องเที่ยวหน้าใหม่ที่มีงบประมาณ 8,000 บาท ก็จะไม่สามารถเดินทางได้ ซึ่งในปัจจุบันสายการบินขายให้นักท่องเที่ยวหน้าใหม่ในราคา 8,000 บาท และอาจไปขายให้นักธุรกิจที่มีกำลังซื้อและความจำเป็นมากกว่าในราคา 12,000 บาท ซึ่งค่าเฉลี่ยของราคาเท่ากันที่ 10,000 นั่นเอง

ปัจจุบัน เกือบทุกสายการบินทั่วโลกใช้กลไลการบริหารรายได้และราคาเช่นนี้ ซึ่งแต่ละสายการบินก็จะมีรายละเอียดปลีกย่อยเป็นของตัวเองไป

แต่หัวใจหลักนั้น เหมือนกัน นั่นคือ..ราคาของบัตรโดยสารที่ถูกกำหนดโดยอุปสงค์และอุปทานนั่นเอง

ขายแพงขนาดนี้ผิดกฎหมายไหม

ในประเทศไทย มีสิ่งที่เรียกว่า “เพดานราคา” กำหนดโดยสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย หมายความว่าอัตราค่าบริการบัตรโดยสารภายในประเทศทุกเส้นทางอยู่ภายใต้การควบคุมของกฎหมาย สายการบินไม่สามารถจำหน่ายตั๋วเกินเพดานราคาได้ และต้องปฏิบัติตามประกาศอัตราค่าโดยสารสูงสุดที่ CAAT กำหนดไว้เท่านั้น ถ้าขายสูงกว่านั้นก็จะผิดกฎหมายทันที

สุดท้ายนี้ เราต้องบอกว่าเราเป็นคนนำข้อมูลต่างๆ มาแชร์ให้กันเท่านั้น เราไม่ได้เห็นด้วยที่มีการฉวยโอกาสขึ้นราคาในช่วงที่คนเดือดร้อน แต่ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามกลไกตลาดและอยู่ภายใต้กฎหมายก็ไม่มีอะไรจะต้องไปกล่าวหากัน ธุรกิจสายการบินเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีสัดส่วนกำไรต่อรายได้น้อยที่สุดการลดราคาแม้เพียงไม่กี่เที่ยวบินอาจจะกระทบกับผลประกอบการในภาพรวม

สิ่งที่ภาครัฐต้องทำอาจจะไม่ใช่เพียงคำสัมภาษณ์ แต่อาจจะเป็นมาตรการช่วยสนับสนุนบางประการ เช่น การสนับสนุนค่าบัตรโดยสาร การลดภาษีบางเที่ยวบิน การลดค่าธรรมเนียมต่างๆ ซึ่งอาจจะสะท้อนกลับมาถึงราคาตั๋วที่ถูกลงได้ทันที” - Wingtips 

3. ข้อมูลข้างต้น ยิ่งตอกย้ำแนวคิดและข้อเสนอแนะที่นำเสนอไปเมื่อวานนี้ที่ว่า รัฐต้องเข้าไปจัดการอย่างเด็ดขาด ปรับลดราคาเพดานอัตราค่าโดยสารให้เป็นธรรม และตรวจสอบการทำการขายบัตรค่าโดยสารของสายการบินแต่ละเที่ยว ว่าขายในราคาเฉลี่ยเท่าใด เพราะปกติจะขายราคาไม่เท่ากันในแต่ละที่นั่ง แล้วมักอ้างว่าขายราคาถูก ทั้งๆ ที่ บัตรขายราคาถูกนั้นมีส่วนน้อย เอาไว้ทำการตลาด บังหน้า แต่ส่วนใหญ่ขายราคาแพง

รัฐไม่ห้ามทำการตลาด ส่งเสริมให้แข่งขันกันด้วยซ้ำ แต่เพดานราคาต้องไม่สูงเกินไป และการตลาดต้องมีธรรมาภิบาล โปร่งใส เป็นธรรม

ย้ำว่า “...เพดานราคายังสูงไป จึงมีพื้นที่ให้สายการบินกำหนดราคากอบโกยกำไรพิเศษโขกสับผู้บริโภค หรือไม่?

หรือปล่อยให้มีการถ่ายเทตั๋วไปขายผ่านตัวแทน เลี่ยงเกณฑ์ราคาเพดาน อย่างไม่รับผิดชอบ หรือไม่?

พบว่า ปัจจุบัน CAAT ได้กำหนดเพดานค่าโดยสารสูงสุดไว้ ดังตารางข้างต้น

- สายการบิน Low Cost ราคาไม่เกิน 9.40 บาท/กม.

- สายการบิน Full Service ราคาไม่เกิน 13 บาท/กม.

เท่ากับว่า เส้นทางกรุงเทพฯ-หาดใหญ่ ราคาเพดานสายการบินต้นทุนต่ำกำหนดให้ไม่เกิน 7,266 บาท

เพดานนี้ สูงเกินไป เปิดช่องมากเกินไป หรือไม่? เปิดช่องให้ฟันกำไรเกินควร หรือไม่

เพดานที่กำหนดสูงเกินไป ก็เสมือนไร้เพดานควบคุมนั่นเอง

ถ้าภาครัฐจะอ้างว่า ราคาเพดานควบคุมไม่รวมที่ซื้อผ่านตัวแทนจำหน่าย ก็เท่ากับปล่อยให้มีการกักตุนขายโก่งราคากันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

น่าสมเพชไปอีกแบบ

ถ้าภาครัฐไม่สามารถเข้าไปทำอะไรได้ ก็เท่ากับปล่อยให้กลุ่มธุรกิจสายการบินโลว์คอสต์ในประเทศไทย สามารถกอบโกยผ่านการขูดรีดค่าโดยสาร แสวงหากำไรพิเศษ จากเลือดเนื้อของคนไทยที่ใช้บริการโลว์คอสต์แบบไม่โลว์ไพรซ์ในประเทศ

แน่นอน ราคาค่าโดยสารเครื่องบินย่อมไม่ตายตัว แต่แปรผันตามความต้องการเดินทาง ระยะเวลาที่จอง ฯลฯ

ทางสายการบินมักชี้แจงว่า ในหนึ่งลำ จะมีราคาค่าโดยสารคละกันไป บางที่นั่งได้ถูก บางที่นั่งได้แพงติดเพดาน แต่เฉลี่ยแล้ว ต่ำกว่าราคาเพดาน ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก

ถ้าเพดานราคาค่าโดยสารยังสูงเว่อร์ คำอธิบายแบบนี้ เท่ากับจะให้ยอมรับว่า ในหนึ่งลำ จะต้องมีผู้บริโภคส่วนหนึ่งถูกฟันหัวแบะ ด้วยราคาที่แพงลิบลิ่ว

ทั้งๆ ที่ ต้นทุนของสายการบินไม่ได้เพิ่มขึ้นจากเดิม

เรียกว่า กำไรเน้นๆ จากเลือดเนื้อของผู้โดยสารที่โชคร้าย

ถามว่า มีใครตรวจสอบว่า แต่ละเที่ยวบิน สายการบินได้จัดสรรที่นั่งราคาเท่าไหร่เป็นสัดส่วนเท่าใดอย่างแท้จริง เพราะผู้โดยสารไม่มีทางรู้ค่าโดยสารของคนอื่น

ข้อมูลทั้งหมด มีแต่สายการบินตั้งราคาเอง เก็บเงินเอง และข้อมูลสายการบินก็ระบุว่ามีรายได้รวมสูงขึ้น ค่าโดยสารแพงภาพรวมขึ้นจริงๆ

กระทรวงคมนาคมต้องเข้ามาดูแล ให้ความเป็นธรรมแก่ประชาชนผู้โดยสาร

ไม่ใช่แค่อ้างว่า ยังไม่เกินราคาเพดาน เหมือนคาถากอบโกยอย่างเปิดเผย..”
 

สารส้ม

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
22:05 น. 'รมว.นฤมล'เร่งสำรวจความเสียหายโรงเรียน หลังน้ำท่วมหาดใหญ่
21:30 น. กรมโยธาฯปูพรมฟื้นฟูหาดใหญ่หลังน้ำลด ผนึกกำลัง 17 จังหวัด แบ่ง 4 โซนปฏิบัติการ
20:54 น. ซีเกมส์พร้อม!ไทยเปิดตัว‘ศูนย์ถ่ายทอดสด IBC - ศูนย์สื่อมวลชน'
20:35 น. 'ในหลวง-พระราชินี'ทรงเปิดอาคารเรียนรู้เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา และทรงเปิดงาน'โครงการหลวง 2568'
20:24 น. บช.น.ปล่อยแถวรถยกพร้อมพลขับ 40 คัน ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้
ดูทั้งหมด
มาแล้ว กรมอุตุฯคาดหมายอากาศ 7 วันข้างหน้า ตั้งแต่ 28 พ.ย.-4 ธ.ค.68
ราชทัณฑ์ แจงปมภาพถ่ายครอบครัว'ทักษิณ' ชี้โครงการ เยี่ยมญาติใกล้ชิด จัดมาแล้วหลายปี 
ถึงบางอ้อ นักเขียนซีไรต์ เล่าเรื่องราว เขต 8 หาดใหญ่
มาแล้ว! กรมอุตุฯคาดหมายอากาศ 7 วันข้างหน้า ตั้งแต่ 30 พ.ย.-6 ธ.ค.68
เคลียร์ชัดอีกครั้ง ​ก็อต อิทธิพัทธ์ ชี้แจงสาเหตุเลิก ริชชี่ ปิดฉากรัก6ปี
ดูทั้งหมด
ฆาตกรรมที่นำไปสู่ละครบรอดเวย์
เดี๋ยวก็ผ่านไป
ธรรมชาติเช็คบิล
ลดเพดานค่าโดยสารเครื่องบินในประเทศ ลดพื้นที่ขูดรีดประชาชน
บุคคลแนวหน้า : 2 ธันวาคม 2568
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ซีเกมส์พร้อม!ไทยเปิดตัว‘ศูนย์ถ่ายทอดสด IBC - ศูนย์สื่อมวลชน'

'กกต.'ขยับรับสมัครเลือกตั้งอบต.พื้นที่น้ำท่วมใต้เป็น 8–12 ธ.ค. หลังอุทกภัยกระทบหลายจังหวัด

เราสะดวกแบบนี้! ‘ลูกวัน’โพสต์หลัง‘พ่อเหลิม’ยื่นไขก๊อก‘พท.’

มาแทน'ไอซ์' ปชน.เปิดตัว'ปาล์ม ชลณัฏฐ์'ว่าที่ผู้สมัคร สส.กทม.เขต 28

‘เฉลิม’ลั่นเอง! ไขก๊อก‘เพื่อไทย’ย้ายซบ‘พรรคบิ๊กป้อม’

ปิดตำนาน 55 ปี โรงเรียนไผทอุดมศึกษา ประกาศเลิกกิจการ ไปต่อไม่ไหว

  • Breaking News
  • \'รมว.นฤมล\'เร่งสำรวจความเสียหายโรงเรียน หลังน้ำท่วมหาดใหญ่ 'รมว.นฤมล'เร่งสำรวจความเสียหายโรงเรียน หลังน้ำท่วมหาดใหญ่
  • กรมโยธาฯปูพรมฟื้นฟูหาดใหญ่หลังน้ำลด ผนึกกำลัง 17 จังหวัด แบ่ง 4 โซนปฏิบัติการ กรมโยธาฯปูพรมฟื้นฟูหาดใหญ่หลังน้ำลด ผนึกกำลัง 17 จังหวัด แบ่ง 4 โซนปฏิบัติการ
  • ซีเกมส์พร้อม!ไทยเปิดตัว‘ศูนย์ถ่ายทอดสด IBC - ศูนย์สื่อมวลชน\' ซีเกมส์พร้อม!ไทยเปิดตัว‘ศูนย์ถ่ายทอดสด IBC - ศูนย์สื่อมวลชน'
  • \'ในหลวง-พระราชินี\'ทรงเปิดอาคารเรียนรู้เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา และทรงเปิดงาน\'โครงการหลวง 2568\' 'ในหลวง-พระราชินี'ทรงเปิดอาคารเรียนรู้เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา และทรงเปิดงาน'โครงการหลวง 2568'
  • บช.น.ปล่อยแถวรถยกพร้อมพลขับ 40 คัน ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้ บช.น.ปล่อยแถวรถยกพร้อมพลขับ 40 คัน ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

ลดเพดานค่าโดยสารเครื่องบินในประเทศ  ลดพื้นที่ขูดรีดประชาชน

ลดเพดานค่าโดยสารเครื่องบินในประเทศ ลดพื้นที่ขูดรีดประชาชน

2 ธ.ค. 2568

เพดานค่าโดยสารเครื่องบินสูงเกินไป  ย่อมเปิดช่องให้ขูดรีดประชาชน

เพดานค่าโดยสารเครื่องบินสูงเกินไป ย่อมเปิดช่องให้ขูดรีดประชาชน

1 ธ.ค. 2568

รถไฟฟ้าราคาไม่เกิน 40 บาทต่อวัน

รถไฟฟ้าราคาไม่เกิน 40 บาทต่อวัน

28 พ.ย. 2568

บทเรียนการประเมินสถานการณ์จากข้อมูลน้ำ

บทเรียนการประเมินสถานการณ์จากข้อมูลน้ำ

27 พ.ย. 2568

บทเรียนน้ำท่วม หาดใหญ่ระทม

บทเรียนน้ำท่วม หาดใหญ่ระทม

26 พ.ย. 2568

เลิกเสียงแตก

เลิกเสียงแตก

25 พ.ย. 2568

รีบไปเลือกตั้ง เพื่อไทยลงหลุม

รีบไปเลือกตั้ง เพื่อไทยลงหลุม

24 พ.ย. 2568

บทเรียนภาษีเงินได้ทักษิณ  1.76 หมื่นล้านบาท

บทเรียนภาษีเงินได้ทักษิณ 1.76 หมื่นล้านบาท

21 พ.ย. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved