วันศุกร์ ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2568
พรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบันการเมืองที่มีบทบาทโดดเด่นในห้วงเวลาที่ประเทศชาติมีปัญหาเกิดวิกฤต ไม่ว่าในฐานะเป็นฝ่ายค้านหรือเป็นรัฐบาล ประชาธิปัตย์ มีบทบาทสำคัญในยามบ้านเมืองวิกฤต จนคนใต้พูดว่าประชาธิปัตย์ “หยัดได้” ในยามวิกฤต คำพูดสั้นๆ คนใต้มีความหมายล้ำลึกกว่าคำว่าไว้วางใจในพรรคประชาธิปัตย์
ประชาธิปัตย์ได้รับความนิยมสูงสุดในภาคใต้ตลอดเวลากว่าครึ่งศตวรรษ และความนิยมในภาคใต้มักเกิดขึ้นพร้อมๆ กับความนิยมในเมืองหลวง และเมืองใหญ่ จึงไม่แปลกใจที่ ปชป.หายไปจากสมการการเมืองไทยหลายปี และเมื่อนายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีกลับมานำ ปชป.พร้อมกับคำขวัญ“การเมืองสุจริต เศรษฐกิจเติบโต” เป็นอุดมการณ์เดิมประชาธิปัตย์ ที่คนใต้“หยัดได้” และคนเมืองหลวงไว้ใจ
อย่างไรก็ตามบทบาทโดดเด่น ที่เป็นเครื่องหมายการค้า ปชป.เงียบหายหลายปีเพราะมีสิ่งแปลกปลอมที่เปรียบเหมือนกาฝากกัดกินทำลายต้นไม้ใหญ่ทำให้ใบร่วงจากต้น จนอาศัยร่มเงาบังแดดบังลมไม่ได้ และเมื่อกาฝากถูกตัดออกไปต้นไม้ใหญ่ผลิดอกออกใบเป็นร่มเงาบังแดดบังลมได้ต่อไปฉันใด ปชป.ผลัดใบใหม่ก็“หยัดได้”ฉันนั้น
จากกระแสชาวบ้านในหลายจังหวัดทางภาคใต้ให้ความสนใจ และตามสภากาแฟประชาชนเริ่มพูดกันถึงการกลับมาของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หนาหูขึ้นทุกวัน โดยส่วนตัวหากินข่าวมานาน จึงมีสายข่าวเพื่อนนักข่าวในอดีตหลายพื้นที่ในเมืองใหญ่ก็ได้อาศัยข้อมูลจากคนเหล่านั้นมาประมวลเข้าด้วยกัน พบว่าความนิยมของ ปชป. และนายอภิสิทธิ์ก้าวกระโดดขึ้นอย่างมีนัย พอพูดได้ว่า ปชป.จะเป็นตัวแปรสำคัญในรัฐบาลหรือฝ่ายค้านหลังเลือกตั้ง8 มีนาคม 2569
กระแสความนิยมพุ่งขึ้นอย่างก้าวกระโดดของ ปชป.และนายอภิสิทธิ์ในภาคใต้ และเมืองใหญ่ ดังที่ ผศ.ดร.สุวิชา เป้าอารี ผู้อำนวยการนิด้าโพล กล่าวว่า ความนิยมสูงขึ้นอย่างมีนัยของ ปชป.จาก 10% พุ่งขึ้นมาเป็น 37% ในสี่สัปดาห์ทำให้อดีต สส. ย้ายพรรคและภูมิใจไทยปวดหัวไปตามกัน
เนื่องจากความนิยมของ ปชป.สวนทางกับพรรคใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นสีแดง สีส้ม และสีน้ำเงินตกต่ำลงทุกพรรคโดยเฉพาะพรรคส้มที่คุยว่าจะเป็นรัฐบาลพรรคเดียวในสมัยหน้าที่ตั้งเป้าได้ สส.เข้าสภา 250 คน ทำให้นักวิชาการสื่อสารมวลชนพูดกันว่า ประมาทพรรคส้มไม่ได้ โดยส่วนตัวคิดว่านักวิชาการสื่อสารมวลชนมองด้วยแว่นสีส้มมากเกินไปเนื่องจากหลายองค์สื่อตกอยู่ภายใต้การครอบงำของนายทุนพรรคส้ม
หากมองจากความเป็นจริงที่ 6 ปีของพรรคส้มหมกมุ่นอยู่แต่กับเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ที่มีเป้าหมายเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันฯ พรรคส้มคงคิดว่ารัฐธรรมนูญ เป็นยาวิเศษแก้ได้ทุกโรค โรคสังคม เศรษฐกิจ การเมือง ความมั่นคง และทุจริตคอร์รัปชั่น ที่สำคัญรัฐธรรมนูญใหม่ อาจสามารถปฏิรูปสถาบันฯได้ตามความมุ่งหมายเจ้าของพรรคตัวจริง ซึ่งสวนทางกับความรู้สึกของคนไทยส่วนใหญ่ จึงทำให้ผู้เขียนมั่นใจและมีความเชื่อโดยส่วนตัวว่า เวลาของพรรคส้มหมดแล้ว การเลือกตั้ง 8 กุมภาพันธ์ 2569 พรรคส้มได้สส.เข้าไม่ถึงหนึ่งในสามที่ตั้งเป้าหมายไว้
ส่วนพรรคสีแดงพูดได้ว่า ความล้มเหลวเพราะขาดประสบการณ์ ไร้สติปัญญาตลอดเวลาสองปีที่ผ่านมาพรรคสีแดงสร้างความเสียหายแก่เกียรติภูมิและอธิปไตยของชาติเกินความสามารถของคนรุ่นใหม่จะกอบกู้เกียรติภูมิของชาติกลับมาได้ ตราบใดที่มีเงาสีดำของทุนสามานย์ปล้นชาติยังคงคลุมพรรคอย่างเหนียวแน่น ยากที่คนไทยจะไว้วางใจพรรคนี้อีกต่อไป จึงฟันธงว่า พรรคสีแดงได้ สส.เข้าสภาน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของ 200 คน ตามที่หัวหน้าพรรคใหม่ตั้งเป้าหมายไว้
พรรคสีน้ำเงิน ซึ่งเดินตามรอยพรรคไทยรักไทย คือ รวมรวบนักการเมืองบ้านใหญ่ไว้ในสังกัดทั่วประเทศไทยตั้งแต่เหนือจดใต้ จึงพูดได้ว่า พรรคสีน้ำเงินยังคงบารมีมากพอที่จะรักษาตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งไว้ได้ พรรคน้ำเงินได้ สส.เข้าสภาประมาณ 150 บวกลบ
การประเมินส่วนตัวแบบชาวบ้าน ทำนายได้ว่า ปชป.โดยการนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะกลายเป็นตัวแปรสำคัญทางการเมืองในปีหน้า คือ ปชป.ได้ สส.เข้าสภามากกว่าที่มีอยู่ในปัจจุบันหลายเท่าตัว หลังจากยุบสภา ปชป.มี สส.ไปต่อกับพรรคเพียงแปดคน นายอภิสิทธิ์คงเข้าใจดีว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ต้องสร้างคนใหม่ให้การเมืองไทย เขาจึงมีแคมเปญใหม่ว่า “สส.ดี คุณก็เป็นได้” และตามมาด้วยสโลแกนว่า “การเมืองสุจริต เศรษฐกิจเติบโต”
“การเมืองสุจริต เศรษฐกิจเติบโต” เป็นสโลแกนที่ผ่านการสังเคราะห์ทางคิดและอุดมการณ์มั่นคงของ ปชป.เพราะตระหนักดีว่า ปัญหาของชาติที่มีธุรกรรมสีดำ สีเทาเข้ามาปนเปื้อนในการเมืองไทยที่เลวร้ายกว่าคอร์รัปชั่นทางตรงหลายเท่า คือ เงินสีดำสีเทา จากแก๊งการหลอกลวงฉ้อโกงทางไซเบอร์กำลังมีอิทธิพลซื้อเสียงเข้าสภา
นายอภิสิทธิ์และคณะจึงได้นำเอกสารหลักฐานนักเมืองไทย และเครือข่ายสแกมเมอร์ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบธุรกรรมที่เข้าข่ายฟอกเงินและปปง.สั่งยึดและอายัดทรัพย์ตัวการใหญ่ สแกมเมอร์ ได้แก่ นายเบน สมิธ, ยิม เลียก และก๊ก อาน รวมกันกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาท
การยึดอายัดทรัพย์สแกมเมอร์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งแก๊ง 14K องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่มีสมาชิกกว่า 25,000 คนทั่วโลก และอาจมีคนไทยอยู่ใน 25,000 คนนั้นด้วยมิฉะนั้นขบวนการเลวร้ายไม่อาจฝังตัวในประเทศได้เป็นสิบๆ ปี และการอายัดทรัพย์ได้กว่าหนึ่งหมื่นล้านบาท เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ทำให้คนไทยหลายคน หลับตานึกภาพได้ว่ามีนักการเมืองคนไหนเกี่ยวข้องพัวพันหรืออาจเป็นขบวนการอาชญากรรมชาติเสียเอง
จากพฤติกรรมในอดีตถึงปัจจุบันเชื่อว่าคนไทยมองออกว่า พรรคไหนนักการเมืองคนใดอาจพัวพันกับอาชญากรรมข้ามชาติแก๊ง 14K และหากย้อนกลับไปถึงกรณีนายตู้ห่าว จะพบว่า นักการเมืองคนไหนพรรคใดให้ความคุ้มครองปกป้อง เบน สมิธ ยิม เลียก และ ก๊ก อาน และหากมองลึกไปกว่านั้น จะพบว่า นักการเมืองคนไหน ใครเคยใช้เรือยอชต์นายเบน สมิธ ล่องอันดามัน และเคยใช้เครื่องบินส่วนตัวของ นายเบน สมิธ ถึงตอนนี้บอกได้เพียงว่าไม่ใช่คนอยู่เฟรมเดียวกับรูปถ่ายร่วมกับ นายเบน สมิธ ที่ถูกปล่อยออกมาดิสเครดิตกัน
คนที่ไม่อยู่เฟรมเดียวกับนายเบน สมิธ มีรายงานว่าเตรียมการใช้เงินสีดำซื้อเสียงเข้าสภาฯโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ มีเครือข่ายขาใหญ่ในหลายพื้นที่เป็นมือเป็นตีนให้ จึงเป็นโจทย์ท้าทายคำขวัญ“การเมืองสุจริต” ของนายอภิสิทธิ์ ข้อมูลจากอดีตนักข่าวท้องถิ่น และจากสภากาแฟในภาคใต้บ่งชี้ว่า เงินสีดำสีเทาเน้นใช้ในภาคใต้ตอนล่าง โดยเฉพาะสามจังหวัดชายแดนใต้เป็นเป้าหลักของเครือข่ายสแกมเมอร์
“เงินดำลงมาก่อนน้ำท่วมหาดใหญ่แล้ว และหลังจากยุบสภาเงินก้อนใหญ่ทุ่มลงมาสามจังหวัดชายแดนใต้” คนในพื้นที่บอกกับแนวหน้า และเสริมว่าเนื่องจากพรรคการเมืองใหญ่บางพรรคไม่เป็นที่นิยมของคนใต้พรรคนั้นจึงให้คนในเครือข่ายหันไปซบทุนสีดำ สีเทาที่นำมาใช้ในพื้นที่
ส่วนภาคใต้ตอนบน ปชป.ต้องเผชิญกับกระสุนดินดำจากทุนพลังงานผสมประสานกับบ้านใหญ่ ถึงแม้จะอยู่ระหว่างเขาควายของสแกมเมอร์ และทุนพลังงานบวกบ้านใหญ่ ยังเชื่อมั่นในความรักและศรัทธาของแฟนประชาธิปัตย์ เชื่อว่า ปชป.สามารถแหวกผ่านม่านสีม่วง สีเทาได้ เฉพาะในใต้ภาค ปชป.ได้ สส. มากกว่าเก่าหลายเท่า
ส่วนพื้นที่ กทม.ซึ่งเคยเป็นฐานที่มั่นที่ปชป.เคยได้ สส.กทม.ทุกเขตแต่เสียพื้นที่ทั้งหมดให้พรรคส้มในการเลือกตั้ง พ.ค.2566 และเมื่อนายอภิสิทธิ์กลับมาพร้อมกับความนิยมครั้งใหม่ มั่นใจว่า ปชป.จะได้รับความไว้วางใจจากคนเมืองหลวงในน้อยกว่า 10 เขต
หากรวม สส.บัญชีรายชื่อที่ ปชป.ได้รับความนิยม 37% หรือประมาณ 3 ล้านเสียงเชื่อว่า ปชป.จะได้ สส.เข้าสภามากกว่า 40ที่นั่ง ซึ่งเป็นตัวแปรทางการเมืองได้ ไม่ว่า ปชป.จะร่วมรัฐบาลหรือเป็นฝ่ายค้าน รับประกันได้ว่าสภาผู้แทนปี 2569 จะร้อนแรง ไม่จืดชืดเย็นชาเหมือนสองปีที่ผ่านมา
สุทิน วรรณบวร

ลัคกี้อินเลิฟแอนด์ลัคกี้อินเกม!‘บัวนลินทิพย์’ส่งท้ายปีด้วยสองข่าวดีติดกัน
‘เอ๊ะ อิศริยา’พาเปิดใจ ‘ไอซ์ สารวัตร’ เผย ‘พุทธ อภิวรรณ’ มีแฟนคือ?
‘แจ็ค แบล็ค’ รับเล่น Anaconda ทันที เพียงเพราะ ฉากหมูป่าสุดบ้าคลั่ง
อ้างสื่อแปลผิด/ปัดขอเจรจาหยุดยิง ‘เขมร’พลิกลิ้น! ชี้แค่เอกสารกรอบเจรจาจีบีซี
ผ่ากลยุทธ์‘ค่ายสีน้ำเงิน’ ไม่เร้าอารมณ์! เน้นทำได้ทำจริง

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี