รักไม่มีพรมแดน รักไม่มีศาสนา รักไม่แบ่งชั้นวรรณะ ขึ้นชื่อว่าความรักนั้นยิ่งใหญ่มาก ใหญ่จนเรียกได้ว่า ปัจจุบันความรักไม่ได้จำกัดเพียงหญิงและชาย แต่ความรักไม่มีอะไรกีดกันที่เพศเดียวจะรักกัน
หลายประเทศยอมรับความรักในเพศเดียวกัน ถึงขนาดยินยอมให้จดทะเบียนสมรสกันได้ เหตุผลการยอมรับความรักในเพศเดียวกัน เพราะมองว่า การขัดขวางการสมรสของคน
เพศเดียวกันขัดต่อรัฐธรรมนูญ และละเมิดต่อสิทธิของพลเมืองในเรื่องความเท่าเทียมกัน
สหรัฐอเมริกายอมรับเรื่องความรักในเพศเดียวกันเช่นกันเห็นได้จากคำตัดสินศาลสูงสุดเมื่อกลางเดือนมิถุนายน พ.ศ.2558ในคดี Obergefell v. Hodges ซึ่งเป็นคดีที่คู่รักเพศเดียวกันในรัฐโอไฮโอ ฟ้องร้องกรณีที่รัฐโอไฮโอไม่ยอมรับการสมรสของคู่แต่งงานเพศเดียวกันที่จดทะเบียนสมรสจากรัฐอื่นคือ รัฐแมรีแลนด์ซึ่งเป็นรัฐที่อนุญาตให้คนรักเพศเดียวกันสมรสกันได้ตั้งแต่ปีพ.ศ.2556 โดยศาลตัดสินให้การสมรสของคนรักเพศเดียวกันในทุกรัฐของสหรัฐอเมริกาเป็นเรื่องถูกกฎหมาย การสั่งห้ามการสมรสของคนรักเพศเดียวกัน ถือเป็นการขัดต่อหลักรัฐธรรมนูญ
การอนุญาตให้เพศเดียวกันสมรสกันอย่างถูกต้องตามกฎหมายเป็นสิ่งที่มีมานานแล้วในประเทศแถบยุโรป เนเธอร์แลนด์เป็นประเทศแรกของโลกที่มีกฎหมายให้เพศเดียวกันแต่งงาน
กันได้ โดยกฎหมายเริ่มใช้ได้ตั้งแต่ปีพ.ศ.2544 และยังมีอีกหลายประเทศ เช่น นอร์เวย์ สวีเดน เดนมาร์ก สเปน โปรตุเกสลักเซมเบิร์ก ฝรั่งเศส สาธารณรัฐไอร์แลนด์
เมื่อปีพ.ศ.2510 อังกฤษและเวลส์ ได้ประกาศใช้กฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดทางเพศ (The Sexual Offences Act)มีเนื้อหาสำคัญ คือ การมีเพศสัมพันธ์ระหว่างชายและชายด้วยกันไม่ใช่สิ่งผิดกฎหมาย เท่ากับเป็นการยอมรับความรักของเพศเดียวกัน และในปีพ.ศ.2557 มีการบังคับใช้กฎหมายให้คู่รักเพศเดียวกันสามารถจดทะเบียนสมรสได้อย่างสมบูรณ์
แคนนาดา บราซิล อุรุกวัย เปอร์โตริโก โคลัมเบีย แอฟริกาใต้กรีนแลนด์ เกาะกวม หมู่เกาะพิตแคร์น ต่างยอมรับการจดทะเบียนสมรสของคู่รักเพศเดียวกัน
ประเทศแถบเอเชียอย่างไต้หวัน เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2560 ศาลฎีกาไต้หวันได้มีคำวินิจฉัยว่า กฎหมายที่ห้ามการสมรสระหว่างคนเพศเดียวกันขัดต่อรัฐธรรมนูญ
แต่ที่ฮือฮาเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลก เมื่อต้นธันวาคม พ.ศ.2560 น่าจะเป็นข่าวที่นายทิม วิลสัน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเทศออสเตรเลีย ได้ขอแต่งงานกับนายไรอัน โบลเจอร์ กลางที่
ประชุมรัฐสภาด้วยถ้อยคำแสนหวาน ขณะที่กำลังเปิดอภิปรายร่างกฎหมายการสมรสของคนเพศเดียวกัน ซึ่งได้มีการจดบันทึกการขอแต่งงานนี้ลงในรายงานประชุมรัฐสภาด้วย เรียกได้ว่าสร้างความประทับใจและเรียกเสียงปรบมือดังไปทั่วสภา และหนึ่งสัปดาห์ต่อมา รัฐสภาออสเตรเลียลงมติผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้
ในขณะที่ประเทศอินโดนีเซีย แม้กฎหมายจะไม่บัญญัติห้ามพฤติกรรมรักเพศเดียวกัน แต่บางพื้นที่เช่น จังหวัดอาเจะห์ มีกลุ่มมุสลิมสายอนุรักษ์นิยมที่บังคับใช้กฎหมายอิสลามอย่างเคร่งครัด ถือว่าพฤติกรรมรักเพศเดียวกันเป็นสิ่งต้องห้ามเด็ดขาดและเคยลงโทษคู่รักชาย โดยการโบยด้วยหวายถึง 85 ที ต่อหน้าสาธารณชน เพื่อไม่ให้เอาเยี่ยงอย่าง
หลายประเทศไม่ยอมรับการสมรสเพศเดียวกัน เพราะมองว่าทำให้สังคมไม่มีความเป็นระเบียบ คนรักเพศเดียวกันที่อยู่ด้วยกันและเอาเด็กมาเลี้ยง อาจเป็นอันตรายต่อคุณภาพชีวิตของเด็กและทำให้สถาบันครอบครัวสั่นคลอน
แต่หลายประเทศยอมรับความรักเพศเดียวกัน ขนาดตรากฎหมายรับรองการสมรสกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศหรือ “LGBT”(L-lesbian G-gay B-bisexual และT-transgender/transsexual) คนข้ามเพศ หรือบางทีเรียกว่าชาวสีรุ้งทั่วโลกต่างเรียกร้องความรักของตนเป็นสิ่งถูกต้องตามกฎหมาย
การอนุญาตให้เพศเดียวกันสมรสกันได้ มีรูปแบบที่ต่างกันไป บางประเทศให้ศักดิ์และสิทธิแก่การสมรสคนเพศเดียวกัน เท่ากับการสมรสของคนต่างเพศ ขณะที่บางประเทศให้คู่รักเพศเดียวกันไปทำสัญญาแบ่งทรัพย์สินและกำหนดสิทธิหน้าที่ระหว่างกัน และนำสัญญานั้นมาจดทะเบียนกับพนักงานเจ้าหน้าที่ และสิทธิหน้าที่ต่างๆ ระหว่างกันเป็นไปตามสัญญาที่จดทะเบียนบางประเทศจะไม่มีระบบการจดทะเบียนใดๆ ทั้งสิ้น ที่ยอมรับการอยู่ร่วมกินฉันสามีภรรยาของคู่รักเพศเดียวกัน
ประเทศไทยในขณะนี้ยังไม่มีกฎหมายออกมารองรับการจดทะเบียนสมรสของคู่รักเพศเดียวกัน แต่ยอมรับการอยู่กินฉันสามีภรรยา
กรณีคู่สมรสชายหญิงในไทยจดทะเบียนสมรสจะมีเรื่องสินส่วนตัวและสินสมรสมาเกี่ยวข้อง
สินส่วนตัว หมายถึง ทรัพย์สินที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีอยู่ก่อนสมรส ส่วนสินสมรส หมายถึง ทรัพย์สินที่คู่สมรสได้มาระหว่างสมรส
การสมรสที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อสามีและภรรยาหย่ากันให้แบ่งสินสมรสให้ชายและหญิงได้ส่วนเท่าๆ กัน
กรณีคู่รักเพศเดียวกันในประเทศไทยอยู่กินฉันสามีภรรยา จะมีเรื่องทรัพย์สินเข้ามาเกี่ยวข้อง เมื่อกฎหมายไม่ยอมรับการจดทะเบียน การจัดการทรัพย์สินจึงต้องบังคับใช้เช่นเดียวกับสามีและภริยา ที่อยู่กินด้วยกันโดยไม่จดทะเบียนสมรส ทรัพย์สินที่หามาได้ร่วมกัน ถือเป็นกิจการห้างหุ้นส่วน แม้จะไม่ได้ร่วมกันเปิดห้างขายของ แต่ถือเป็นห้างหุ้นส่วนที่ไม่ได้จดทะเบียน เมื่อไม่ได้ทำสัญญาตกลงว่าจะมีหุ้นส่วนคนละเท่าไร ย่อมต้องถือว่า มีหุ้นส่วนเท่าๆ กันคนละครึ่ง ทรัพย์สินที่หามาได้ระหว่างอยู่กินกันฉันสามีภริยา จึงต้องแบ่งกันคนละครึ่ง
แม้จะรักกันมากเพียงใด แต่เมื่อความรักถึงจุดจบต่างคนต่างไป การที่มีแนวทางจัดการทรัพย์สิน ย่อมทำให้จากกันด้วยดี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี