ข่าวดีสำหรับคอลูกหนังเมืองไทยคงหนีไม่พ้นข่าว การที่คนไทยทั้งประเทศจะได้ชมการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 หรือ FIFA World Club Russia 2018 ที่จัดการแข่งขันที่ประเทศรัสเซีย ระหว่างวันที่ 14 มิถุนายน ถึงวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ.2561 ทุกการแข่งขัน 64 คู่ จาก 12 สนาม 11 เมือง แบบไม่ต้องสมัครสมาชิก หรือเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
เมื่อปลายเดือนเมษายน พ.ศ. 2561 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย ได้แถลงข่าวการลงนามในสัญญาลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2018 กับสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ผ่านทางบริษัท อินฟรอนท์ สปอร์ต แอนด์ มีเดีย ผู้ถือลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกในภูมิภาคเอเชีย
งานนี้พี่น้องชาวไทย คงต้องขอบคุณรัฐบาล คือ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการกีฬาแห่งประเทศไทย และภาคเอกชนที่ได้ให้การสนับสนุนด้วยกำลังทรัพย์อย่างเต็มที่ โดยร่วมกันจ่ายรายละร่วม 200 ล้านบาท
การถ่ายทอดสดในครั้งนี้ ใช้ระบบ 4K มีความคมชัดกว่าระบบเอชดีถึง 4 เท่า สามารถรับชมการถ่ายทอดสดผ่านทรูโฟร์ยู (ช่อง 24), อัมรินทร์ ทีวี (ช่อง 34) และ ททบ. 5 (ช่อง 1)
ค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดบอลโลกนั้น ราคาพันกว่าล้านบาท ในอดีตลิขสิทธิ์การถ่ายทอดฟุตบอลโลกเป็นสิ่งที่หลายช่องต้องการประมูล เพราะสามารถคืนทุนได้จากเม็ดเงินโฆษณาจากผู้สนับสนุนรายการต่างๆ ปัจจุบันการทำธุรกิจกับลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก จะไม่ได้ผลในเชิงผลกำไร
ย้อนไปเรื่องปัญหา “จอดำ” เมื่อคราวที่มีการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ Euro เมื่อ พ.ศ. 2555 หรือปี ค.ศ. 2012 ที่แม้จะมีการถ่ายทอดทางช่องฟรีทีวี แต่ผู้ชมที่รับชมผ่านระบบบอกรับสมาชิก หรือเคเบิลทีวี และจานดาวเทียมกลับไม่สามารถรับชมได้ หากไม่ซื้อกล่องรับสัญญาณของบริษัทที่ได้สิทธิในการถ่ายทอด
เป็นเหตุให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ต้องเข้ามากำกับดูแลด้วยการบังคับใช้ประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สำคัญที่ให้เผยแพร่ได้เฉพาะในบริการโทรทัศน์ที่เป็นรายการทั่วไป พ.ศ. 2555 เพื่อเป็นหลักประกันให้แก่ผู้ชมรายการโทรทัศน์ว่า สามารถเข้าถึง และรับชมรายการทางฟรีทีวีได้อย่างเสมอภาคเท่าเทียม โดยไม่จำกัดว่าจะรับชมจากช่องทางใด ทั้งการออกอากาศทางภาคพื้นดิน
การออกอากาศผ่านดาวเทียม หรือระบบเคเบิลทีวี ไม่ว่าจะมีค่าสมาชิกหรือไม่ กฎนี้รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่ง คือ กฎมัสต์แฮฟ (Must Have) ทำให้ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย เป็น 1 ใน 7 กีฬาที่จะต้องออกอากาศทางฟรีทีวี และไม่สามารถออกอากาศในระบบบอกรับสมาชิกได้
สำหรับ 7 กีฬา ที่อยู่ในกฎมัสต์แฮฟ มี (1) การแข่งขันกีฬาระหว่างประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือซีเกมส์ (South-East Asian Games,SEA Games) (2) การแข่งขันกีฬาสำหรับนักกีฬาคนพิการอาเซียนพาราเกมส์ (ASEAN Para Games) (3) การแข่งขันกีฬาระหว่างประเทศในทวีปเอเชีย หรือเอเชี่ยนเกมส์ (Asian Games) (4) การแข่งขันกีฬาสำหรับนักกีฬาคนพิการเอเชี่ยนพาราเกมส์ (Asian Para Games) (5) การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ (Olympic Games) (6) การแข่งขันกีฬาสำหรับคนพิการหลายประเภทจากทั่วโลก หรือพาราลิมปิกเกมส์(Paralympic Games) และ (7) การแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย (FIFA World Cup Final)
เมื่อกฎมัสต์แฮฟมีผลใช้บังคับ ทำให้ไม่มีช่องใดกล้าที่จะทุ่มเงิน เพื่อให้ได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอด เพราะอาจพบกับการขาดทุนประกอบกับบทเรียนฟุตบอลโลก 2014 หรือปี พ.ศ. 2557 ที่บริษัทอาร์เอส จำกัด (มหาชน) เจ้าของลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก 2014 จากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ที่ถูกกสทช. สั่งให้ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกทุกนัดผ่านทางช่องฟรีทีวี แต่อาร์เอสปฏิเสธ เพราะซื้อลิขสิทธิ์มาก่อนที่จะมีกฎมัสต์แฮฟ อาร์เอสเห็นว่าไม่จำเป็นต้องทำการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกผ่านทางฟรีทีวีทั้ง 64 คู่ โดยยอมให้ทำการถ่ายทอดผ่านฟรีทีวีเพียง 22 คู่
ข้อขัดแย้งนี้ได้นำไปสู่การฟ้องร้องในศาลปกครอง เพื่อเพิกถอนประกาศ กสทช. ฉบับนี้ ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำวินิจฉัยว่า แม้ประกาศ กสทช. จะไม่ขัดต่อกฎหมาย แต่อาร์เอสไม่ต้องปฏิบัติตามประกาศ กสทช. เพราะเป็นกฎที่ออกมาหลังจากอาร์เอสได้ประมูลได้สิทธิในการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก
ผลที่ตามมาจากคำวินิจฉัยของศาลปกครอง ซึ่งออกมาก่อนจะเริ่มการแข่งขันนัดเปิดสนามเพียงไม่กี่วัน กสทช. ได้ทำการเจรจากับอาร์เอส จนนำไปสู่การยอมให้มีการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกทุกคู่ แลกกับการนำเงินจากกองทุนเพื่อการวิจัย และพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) จำนวน 427 ล้านบาท จ่ายให้แก่อาร์เอส เพื่อเป็นการเยียวยาความเสียหาย
ในอดีตสถานีโทรทัศน์มีเพียงไม่กี่ช่อง หลังจากที่ กสทช. ได้เปิดประมูลทีวีดิจิทัล 24 ช่อง มีผลต่อการดำเนินธุรกิจของช่องต่างๆ รายได้ที่ในแต่ละปีขาดหายไปมหาศาล ค่าโฆษณาได้น้อยลง เพราะมีคู่แข่งเพิ่มมากขึ้น
ความเจริญของเทคโนโลยีในยุคนี้ ผู้คนเข้าถึงอินเตอร์เนตได้ง่าย สามารถเข้าถึงความบันเทิงได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะดูหนัง ฟังเพลง ดูละครย้อนหลัง ทั้งยังรับชมรายการจากต่างประเทศได้ แรงจูงใจที่สถานีโทรทัศน์ต่างๆ ต้องการแย่งประมูลคงแทบจะไม่มีแล้ว
ความสำเร็จที่คนไทยจะได้ชมการถ่ายทอดฟุตบอลโลกครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ที่เกิดจากการความร่วมมือระหว่างรัฐบาล และเอกชน เป็นการคืนความสุขกลางปีให้กับประชาชน
สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่มากับการแข่งขันฟุตบอลโลก คือ ปัญหาการพนัน การสำรวจในไทยเมื่อปีพ.ศ.2560 มีนักพนันฟุตบอล 2,500,000 คน ใน 500,000 คนนี้ เป็นนักพนันหน้าใหม่ และที่น่าตกใจ คือ ในจำนวนนี้มีนักพนันอายุแค่ 7 ขวบ
คงเป็นการดีไม่น้อย ถ้ารัฐบาลมีมาตรการอย่างเข้มงวดในเรื่องการควบคุมการพนัน มิฉะนั้นหลังจากการคืนความสุขให้กับประชาชน อาจมีปัญหาอาชญากรรมในรูปแบบต่างๆ ตามมา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี