คำว่า “ไพร่หมื่นล้าน” เป็นนิยาม “ความเป็นตัวตนของคุณธนาธร” โดยคุณธนาธรเอง ถามว่าทำไมต้องนิยามอย่างนี้ คำตอบมั่วๆของผมก็คือ เพราะคุณธนาธรเป็นมาร์กซิสต์พร้อมกันนั้นก็เป็นนายทุนด้วย
นิยามของคำว่า “ไพร่” ในยุคนี้ก็คือ “ลิเบอรัล - มาร์กซิสต์” หรือที่เห็นอย่างเป็นรูปธรรมก็คือ คนเสื้อแดงและสาวก-กองเชียร์ของคุณทักษิณ เพราะคำนี้ถูกปั้นแต่งขึ้นมาในยุคเสื้อแดงเรืองอำนาจ โดยพวกแกนนำของเสื้อแดง
ส่วนคำว่า “หมื่นล้าน” นั้นหมายถึงความมั่งคั่งร่ำรวยเพราะเป็น “นายทุน” ของคุณธนาธร
ถ้าสรุปอย่างรวบรัดก็คือ คุณธนาธรเป็นนายทุนที่เป็นมาร์กซิสต์ (หรือไม่ก็ลิเบอรัล หรือไม่ก็ทั้งสองอย่างรวมกัน)
ชาวมาร์กซิสต์ตามทฤษฎีนั้นคือพวก “ชนชั้นกรรมชีพ” ซึ่งเป็นชนชั้นที่ถูกกขี่ขูดรีด ส่วนชนชั้นนายทุนนั้นกดขี่ขูดรีดชนชั้นกรรมาชีพ ทั้งสองชนชั้นจึงเป็นปฏิปักษ์หรือเป็นศัตรูกัน ตามที่มากร์กซ์ “โอมเพี้ยง” เป่ากระหม่อมไว้เป็นทฤษฎี
ข้อกังขาที่ตามมาก็คือ คนๆเดียวยืนอยู่สองชนชั้นได้หรือ?
มันจะขัดผลประโยชน์กันไหม?
จะถ่างขายืนยังไง?
ยิ่งจะเป็นผู้นำทางการเมืองระดับหัวหน้าพรรคก็ยิ่งมีคนสงสัยว่าจริงใจหรือไม่? จะทำเพื่อใครแน่?
แต่ทุกคำถามมีคำตอบ อย่างน้อยผมก็มั่วๆตอบได้ว่า ในทางทฤษฎีของมาร์กซิสม์นั้นถ้ามองแค่ที่กล่าวมาก็ตั้งข้อกังขาได้ แต่ ๆๆๆ มาร์กซิสม์ยังมีอีกทฤษฎีหนึ่งที่เปิดโอกาสให้ “นายทุนเป็นมาร์กซิสต์” และ “มาร์กซิสต์เป็นนายทุน” ได้ นั่นก็คือทฤษฎี “วัตถุนิยมประวัติศาสตร์” ที่ผ่านกระบานการวิจัยและวิเคราะห์ด้วยเครื่องมือที่เรียกว่า “วิภาษวิธี” มาแล้ว (ในสมัยพุทธกาลเรียกว่า “วิภัชวาท”)
วัตถุนิยมประวัติศาสตร์แบ่งพัฒนาการของสังคมมนุษย์ไว้หลายยุค...ยุคปัจจุบันคือ “ยุคสังคมทุนนิยม” และยุคต่อไปคือ “ยุคสังคมคอมมิวนิสต์” ลัทธิมาร์กม์ยืนยันว่ามันจะต้องเป็นอย่างที่ว่าแน่ๆ ใครเถียงแสดงว่าอยู่ในกะลาแลนด์
แต่ๆๆๆๆ จะเป็นสังคมคอมมิวนิสต์ได้นั้น สังคมทุนนิยมจะต้องพัฒนาจนเต็มขีดขั้นของมันเสียก่อน หรือจนมันเดี้ยงไปเอง ทำนองเดียวกับเป่าลูกโป่งไปเรื่อยๆ แล้วมันก็จะแตกเองแล้วกลายเป็นสังคมคอมมิวนิสต์
อุปมาอุปไมยให้ใกล้เคียงขึ้นอีกก็คือ เพราะทฤษฎีของมาร์กซิสม์บอกว่า..ในสังคมเก่าย่อมมี “เชื้อ” หรือศักยภาพของสังคมใหม่ฝังแฝงอยู่ด้วยเสมอ จึงขอเปรียบเหมือนคนที่จะต้องเติบโตจนกระทั่งมีลูก พอคลอดลูกแล้วแม่ก็ตายไป ลูกนั้นเปรียบเป็นสังคมใหม่(สังคมคอมมิวนิสต์) ส่วนแม่ที่ตายไปเปรียบเป็นสังคมเก่า(สังคมทุนนิยม)
ดังนั้น เมื่อคุณธนาธรเป็นทั้งนายทุนและเป็นมาร์กซิสต์ด้วย จึงนับว่าเขาเข้าใจทั้ง 2 สังคมและ 2 ชนชั้นดี และในฐานะนายทุน เขาก็ต้องเร่งรัดพัฒนาสังคมทุนนิยมให้รุดหน้าไปโดยเร็วที่สุด เพื่อให้มันถึงจุดจบของมัน...หรือเร่งรัดทำให้คนมีลูกเร็วที่สุด เพื่อจะได้คลอดออกมาสังคมคอมมิวนิสต์ หรือ “สังคมพระศรีอาริยะ” ที่ ดร.ปรีดีเคยฝันหวานน้ำลายไหลยืดไว้!
มันเป็นกลไกหรือเป็นตรรกแบบคณิตศาสตร์อย่างนี้แหละท่านผู้ชม!
(แต่ๆๆๆ ในศตวรรษที่แล้ว ประเทศต่างๆเกือบครึ่งโลก ที่พยายามจะสร้างสังคมคอมมิวนิสต์ ก็มีหลายประเทศที่ “ทำท้อง” (ปฏิวัติ)ได้สำเร็จ แต่หลังจากนั้นก็ “แท้ง” เสียก่อน เพราะทำนุบำรุงทารกในท้องด้วยมือตีนหนักและฝืนธรรมชาติมากไป อย่างจีนและรัสเซีย เป็นต้น...แบบว่ามีความสามารถทำท้องได้ แต่ไม่มีความสามารถทำให้ทารกในท้องคลอดออกมาเป็น “เด็กพระศรีอาริยะ” อย่างที่มโนไว้ได้
แม้ผมจะมั่วๆอธิบายอย่างนี้แล้ว ก็ยังจะมีข้อกังขาตามมาอยู่ดี ว่า ในขณะที่กำลังเร่งรัดพัฒนาสังคมทุนนิยม หรือกำลังทำท้องนั้นใครได้ประโยชน์?
ผมก็ขอมั่วๆตอบต่อไปอีกว่า เมื่อนายทุนที่เป็นไพร่หมื่นล้านเอื้อมมือจากชนชั้นของตนมาช่วยชนชั้นกรรมาชีพโดยเฉพาะอย่างนี้แล้ว ชนชั้นกรรมาชีพจะได้ประโยชน์อย่างมหาศาลอย่างแน่นอนในอนาคต ส่วนในปัจจุบันนายทุนไพร่หมื่นล้านได้ประโยชน์ไปก่อน
เข้ากับอีกทฤษฎีหนึ่งเลย คือ Win – Win
ชาวกรรมาชีพต้องรำลึกถึงคำโบราณเอาไว้ ที่ว่า “จงอดเปรี้ยวไว้กินหวาน” แม้นานเพียงใดก็ต้องอด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี