ตอนแรกจะเขียนถึงโดนัลด์ ทรัมป์และไมค์ เพนซ์ที่แวะมาเมืองที่ดิฉันอยู่ โดยมีทั้งกลุ่มต่อต้านและกลุ่มสนับสนุนไปรอ ดิฉันนั่งฟังทั้งไมค์ เพนซ์และโดนัลด์ ทรัมป์พูดจบด้วยความเศร้าใจ แต่เรื่องนี้ขอยกยอดไว้คุยรอบหน้า เพราะลุงทรัมป์ผมเป๋เพิ่งทำเรื่องสะท้านโลกมาหมาดๆ และเรื่องนี้หนักหนาสาหัสต่อชาวโลก โดยเฉพาะภูมิภาคอาหรับที่สุด
ไม่ว่าอะไรที่ประธานาธิบดีโอบาม่าทำไว้ ลุงทรัมป์ต้องตามไปลบเสียทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนคนจิตบกพร่อง กรณีอิหร่านก็เช่นกัน ก่อนหน้าทรัมป์จะขึ้นเป็นประธานาธิบดี อเมริกับอิหร่านมีสัมพันธ์ระหว่างประเทศเข้าขั้นเลวร้ายเลยทีเดียว
ในภูมิภาคอาหรับนั้น ใครๆ ก็รู้ว่าลูกหาบอันดับหนึ่งของลุงแซมคือ ซาอุดิอาระเบีย เจ้าแห่งศาสนาอิสลามนิกายซุนนีและผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลก ซาอุดิอาระเบียนั้นหวาดระแวงและเหม็นขี้หน้าอิหร่านอย่างร้ายแรง เพราะประชากรส่วนใหญ่ของอิหร่านนับถือศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์ จึงพยายามเอาตีนยันอิหร่านทุกทางไม่ให้ผงาดเสนอหน้าในภูมิภาคอาหรับ เมื่อลูกหาบอันดับหนึ่งเกลียดใคร ลูกพี่ย่อมต้องหนุนหลังเป็นธรรมดา และก็หนุนกันมาหลายสิบปีจนชาวโลกรู้กันทั่วแล้ว
อิหร่านนั้นชังน้ำหน้าลุงแซมมานับสิบๆ ปีเช่นกันจากการที่ลุงแซมสะเออะไปวุ่นวายแทรกแซงกิจการภายในของอิหร่าน นอกจากนี้ยังปักใจว่าซาอุดีอาระเบียพยายามทำลายความมั่นคงของเลบานอนโดยกลุ่มเฮซบอลเลาะห์ซึ่งอิหร่านหนุนหลังนั้นร่วมอยู่ในรัฐบาลเลบานอนด้วย นอกจากอิสราเอลและซาอุดิอาระเบีย แล้ว ศัตรูตัวร้ายในใจอิหร่านคือลุงแซมจอมโวนั่นเอง
อเมริกาและอิหร่านนั้นขัดแย้งกันด้วยเหตุผลหลายประการ ตั้งแต่เรื่องซีไอเอเข้าไปจุ้นในการก่อรัฐประหารโค่นล้มอดีตนายกรัฐมนตรีอิหร่านเมื่อปี 1953 ไปจนถึงการปฏิวัติอิสลาม และเหตุการณ์จับเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงเตหะรานเป็นตัวประกันในช่วงทศวรรษ 1980 เพราะความขัดแย้งหลายเด้งกับหลายชาติ ทำให้อิหร่านเริ่มสะสมนิวเคลียร์เอาไว้กระดกไล่บรรดาศัตรูของชาติอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นปัญหาระดับโลก
ตั้งแต่ทรัมป์มานั่งเก้าอี้ประธานาธิบดี ความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่อยู่แล้วก็ทรุดฮวบกว่าเดิม เพราะลุงทรัมป์นั้นเอาอกเอาใจซาอุดิอาระเบีย อันเป็นทั้งลูกหาบและลูกค้าใจป้ำอย่างชัดเจน มิหนำซ้ำยังอี๋อ๋อกับยิวให้เห็นอย่างไม่ปิดบัง เล่นเอาอิหร่านถึงกับกระทืบตีนเร่าอย่างแค้นเคือง
ลุงแซมใช้ไม้ตายเดิมๆ ในการลงแขกอิหร่านด้วยการคว่ำบาตรยันชาติหน้า เอะอะพี่ก็คว่ำบาตรจัดหนักไปเรื่อย จนชาวโลกเมื่อยใจไปตามกัน ใช่ว่าระหว่างอินหร่านกับลุงแซมจะไม่เคยจับมือกัน เคยมีการบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์ในปี 2015 มาแล้ว
ผลคืออิหร่านลดการทดลองนิวเคลียร์แลกกับการยกเลิกคำสั่งคว่ำบาตรในยุคโอบาม่า แต่พอทรัมป์มาเป็นประธานาธิบดีกลับโวยวายว่าข้อตกลงของโอบาม่ากับอิหร่านฉบับนี้ต่ำช้าสามานย์สุดๆ แล้วย้ำปังๆ ต่อโลกว่า ตนเองนั้นจะใช้มาตรการที่แข็งกร้าวต่ออิหร่าน
แล้วฝันร้ายของชาวโลกก็เป็นจริง เมื่อตาทรัมป์ประกาศชัดเจนว่า อเมริกาขอถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน แถมบอกว่าจะใช้มาตรการคว่ำบาตรขั้นสูงสุด เออ..เอากับลุงแกซี้ ไปโดนตัวไหนมาถึงได้บ้าขนาดนี้ ยังไม่สะใจโก๋แก่นะ ลุงแกสำทับอีกด้วยว่า อย่าให้รู้นะเว้ยว่าชาติไหนช่วยอิหร่าน ลุงแซมจะตามไปตบเกรียนแตกถึงบ้าน บ๊ะ..สันดานมาเฟียนี่อย่างไรก็ไม่เคยจางนะลุง
เหตุผลในการคว่ำบาตรก็ไม่พ้นวังวนเดิมคือ ลุงแซมอ้างว่า อิหร่านเป็นประเทศที่ให้การสนับสนุนก่อการร้ายรายใหญ่ของโลก เดี๋ยวนะ..ลุงแซม เคยส่องกระจกมองตัวเองก่อนหรือเปล่า ใครๆ ก็รู้ว่าลุงนั่นแหละตัวแสบ แสบกว่าไอ้พวกที่ลุงกล่าวหาหลายขุมนรกนัก
ลุงทรัมป์คงสะใจโก๋ เพราะลุงแกป่าวร้องมานานแล้วว่าตนนั้นไม่เห็นด้วยกับการที่โอบาม่าและอังกฤษ จีน ฝรั่งเศส เยอรมนี กับรัสเซีย ยอมปลดมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจที่กำหนดเล่นงานอิหร่าน แลกกับการที่เตหะรานจำกัดศักยภาพแปรรูปยูเรเนียม เพราะอย่างนี้แกเลยจำเป็นต้องเอาตีนลบในสิ่งที่โอบาม่าทำให้สิ้นซาก อุปมาราวหมาเยี่ยวทับกันไม่ปาน
ทรัมป์นำอเมริกาถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างประเทศที่ทำกับอิหร่าน โดยไม่สนใจว่าจะเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดความขัดแย้งรุนแรงในตะวันออกกลาง ทำให้ซับพลายน้ำมันโลกไร้ความแน่นอน แถมสร้างความไม่พอใจให้แก่พันธมิตรตะวันตกอย่างหนัก ลุงแกยักไหล่ยิ้มกว้างแบบโนสนโนแคร์
ฮัสซัน รูฮานี ประธานาธิบดีอิหร่านฟังตาทรัมป์ประกาศก็ยักไหล่บ้าง แล้วประกาศว่าอิหร่านจะยังคงยึดถือข้อตกลงนิวเคลียร์นานาชาติต่อไป แม้ลุงแซมประกาศถอนตัวก็ตาม และการที่อเมริกาถอนตัวนั้นเท่ากับ เป็นฝ่ายละเมิดพันธกรณี
สมาชิกรัฐสภาอิหร่านประท้วงด้วยการจุดไฟเผาธงชาติอเมริกา และเอกสารที่จำลองขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนข้อตกลงนิวเคลียร์ หรือแผนปฏิบัติการร่วมฉบับสมบูรณ์ (Joint Comprehensive Plan of Action - JCPOA) รวมถึงตะโกนสรรเสริญอเมริกาให้ไปตายไวๆ อาลี ลาริจานี ประธานรัฐสภาอิหร่านก็สรรเสริญลุงทรัมป์อย่างหวานชื่นด้วยการบอกว่า ทรัมป์นั้นเป็นคนป่วยทางจิตที่รู้จักแต่การใช้กำลัง
ส่วนยุโรปก็ก่นด่าตาทรัมป์ลั่นโลก รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง บรูโน เลอ แมร์ แห่งฝรั่งเศสด่าตรงๆ เต็มๆ ลุงแซมไม่ควรหลงคิดว่าตัวเองเป็นตำรวจโลกฝ่ายเศรษฐกิจแบบนี้ ผู้นำอังกฤษ เยอรมนี และฝรั่งเศส แถลงร่วมกันว่าการตัดสินใจของทรัมป์นั้นน่าทุเรศและสร้างความวิตกกังวลไปทั่วโลก
พญามังกร ยืนยันว่า อั๊วะพร้อมที่จะปกป้อง JCPOA และขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องแสดงทัศนคติอย่างผู้ที่มีความรับผิดชอบ (อย่าทำตัวถ่อยๆ อย่างไอ้ลุงแซมเลยนะ อั๊วะขอร้อง) ส่วนพี่หมีขาวก็ประกาศว่าพร้อมที่จะรักษาพันธกรณีตามข้อตกลงฉบับนี้ต่อไป
จะมีก็แต่ลูกหาบแขกอย่างซาอุดิอาระเบียและยิวลูกรักที่คอยโอ้โล้มประจบเอาใจว่า ป๊ะป๋าทำดีแล้ว จากนั้นทั้งคู่ก็ตีปีกอย่างเริงใจ
มาตรการคว่ำบาตรของลุงแซมคงกะฟันคอเล่นงานอุตสาหกรรมน้ำมันและการขนส่งของอิหร่านอย่างไม่ต้องสงสัย ประชาชนชาวอิหร่านต่างแช่งชักหักกระดูกตาทรัมป์กันระงม เมื่อทรัมป์ลงดาบด้วยการเพิกถอนใบอนุญาตค่ายอากาศยานยักษ์ใหญ่อย่าง “โบอิ้ง” และ “แอร์บัส” เพื่อห้ามขายเครื่องบินให้อิหร่าน ส่วนซาอุดิอาระเบียก็ปั๊มน้ำมันออกมาขายอย่างกระดี๊กระด๊า เพราะทรัมป์คงลงดาบสองด้วยการคว่ำบาตรในการส่งออกน้ำมันของอิหร่านตามมา แน่นอน
หันมาดูบ้างว่าคนชาวอเมริกันคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ จากผลการสำรวจของรอยเตอร์ คนอเมริกันเพียงแค่ 29% เห็นด้วยกับการตัดสินใจของทรัมป์ในการยกเลิกข้อตกลง ขณะที่ 42% เห็นว่า อเมริกาควรเป็นภาคีข้อตกลงต่อ และ 28% ตอบว่า “ไม่รู้”
ที่แสบสุดๆ เห็นจะเป็นวันรุ่งขึ้นหลังจากที่ลุงทรัมป์ด่าทอกล่าวหาอิหร่านลั่นโลกก่อนถอนยวงออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ หน่วยงานตรวจสอบด้านนิวเคลียร์ของยูเอ็นออกมาแถลงว่าอิหร่านกำลังปฏิบัติตาม “ข้อผูกพันต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องนิวเคลียร์” ตามที่ระบุเอาไว้ในข้อตกลง
สาเหตุที่อเมริกากล่าวหาอิหร่านแบบเล่นใหญ่รัชดาลัยไปจนถึงถอนตัวออกมานั้นไม่มีอะไรในกอไผ่ ทั้งนี้เพราะยิวเสี้ยมได้ผลนั่นเอง ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล แถลงข่าวพร้อมพรีเซนเทชั่นที่อ้างว่าเป็นหลักฐานใหม่ว่าอิหร่านนั้นยังคลั่งสะมสมอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งลุงทรัมป์เอาหลักฐานจากเนทันยาฮูนี่แหละไปประกอบการตัดสินใจ สมใจยิวยิ่งนัก
นาทีนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าลุงทรัมป์จะลากอเมริกาไปลงนรกขุมไหน เพราะดูสะบักสะบอมทรุดโทรมจนผิดรูป แต่ก็ยังไม่วายแสดงสันดานนักเลงมาเฟียให้ชาวโลกเห็น คงเป็นเวรกรรมแห่งชาติที่ได้โดนัลด์ ทรัมป์มาคุมบังเหียน เหมือนนั่งรถที่ขับโดยคนบ้า ไม่รู้ว่าจะพาไปไหน คงต้องทนไปจนกว่าลุงแกจะพ้นวาระหรือไม่ก็ถูกอิมพีชเมนต์ไปนั่นแหละ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี