ในการไปสอนวิชากฎหมายการคลังชั้นสูงในชั้นปริญญาโทที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) ตรงกับช่วงเวลาที่กรรมการกำลังยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มีผลใช้บังคับ จึงได้นำบทบัญญัติในส่วนที่เป็นกฎหมายว่าด้วยการเงินและการคลังของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ มาเป็นแก่นในการสอนวิชากฎหมายการคลังชั้นสูง และได้นำกรณีที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติแปรญัตติตัดลดรายจ่ายตามข้อผูกพันโดยครม. รู้เห็น มาเป็นกรณีศึกษา
ตาม มาตรา ๑๔๔ ของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้เพิ่มความรับผิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่จัดทำโครงการ หรืออนุมัติหรือจัดสรรงบประมาณ หรือรู้ว่ามีการดำเนินการอันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติ ทั้งในวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง เว้นแต่จะได้บันทึกโต้แย้งไว้เป็นหนังสือหรือแจ้งให้ป.ป.ช.เป็นทางลับจึงจะไม่ต้องรับผิด และ หากป.ช.ช.เห็นว่ากรณีมีมูลให้เสนอความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อดำเนินการและจะเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผู้แจ้งมิได้
เพื่อเป็นหลักป้องกันที่จะไม่ต้องรับผิดตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติเป็นข้อยกเว้นไว้ จึงได้ให้นักศึกษาที่หลายท่านเป็น “เจ้าหน้าที่ของรัฐ” โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นผู้ที่อาจอยู่ในข่ายที่จะต้องรับผิดตามมาตรา ๑๔๔ เพราะรับราชการในหน่วยงานที่ได้รับงบประมาณเพิ่มขึ้นจากผลการกระทำแปรญัตติที่ขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญ และไม่เห็นด้วยกับการแปรญัตติดังกล่าวแต่ไม่อาจทัดทานผู้บังคับบัญชาและกรรมาธิการวิสามัญได้ จึงได้ระดมความคิดร่วมกันยกร่าง แนวทางบันทึกโต้แย้ง เพื่อจะส่งให้ ป.ป.ช. เพื่อเสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญ
จึงขอนำ “แนวทาง” บันทึกโต้แย้งที่นักศึกษาที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐยกร่างขึ้นจากข้อเท็จจริงๆ ที่เกิดขึ้นแล้ว และอาจเกิดขึ้นอีก เพื่อเป็นตัวอย่างสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐในหน่วยงานต่างๆที่อาจอยู่ในข่ายต้องรับผิดได้เช่นเดียวกันไม่ว่าในการใช้งบประมาณปี ๒๕๖๐ ขณะนี้ หรือปีงบประมาณหน้า ๒๕๖๑ ที่สนช.ได้รับหลักการแล้วเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๖๐ และตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างงบฉบับนี้แล้ว ที่อาจจะมีการกระทำที่ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญได้อีก จะได้นำตัวอย่างบันทึกนี้เป็นแนวทางไปปรับแก้ไขเพิ่มเติมให้สอดคล้องสมบูรณ์กับลักษณะงานของแต่ละท่าน เพื่อใช้ป้องกันความรับผิดจากคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของผู้บังคับบัญชา
แนวทางบันทึกโต้ ฉบับที่ ๑
“....ข้าพเจ้านาย....ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐในหน่วยงาน.....ที่เกี่ยวข้องโดยตรงในการจัดทำโครงการ อนุมัติ จัดสรรงบประมาณ ที่จะต้องดำเนินการตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาที่ข้าพเจ้าไม่อาจขัดขืนคำสั่งได้ เพราะต้องรักษาวินัยของข้าราชการ แต่เนื่องด้วยข้าพเจ้าเห็นว่างบประมาณที่จะต้องใช้ในการจัดทำโครงการหรืออนุมัติจัดสรรตามรายละเอียดที่แนบมานี้ เป็นงบประมาณที่ได้มาจากการแปรญัตติลดตัดทอนรายจ่ายตามข้อผูกพันที่ไม่อาจกระทำได้ตามรัฐธรรมนูญ
เพราะมีการแปรญัตติลดตัดทอนรายจ่ายตามข้อผูกพัน อันเป็นการกระทำที่ขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๕ ได้บัญญัติไว้ว่า “....การกระทำใดขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญย่อมใช้บังคับมิได้” และย่อมตกสิ้นไป จึงไม่มีฐานรองรับทางกฎหมายในการจัดทำโครงการ หรืออนุมัติงบประมาณดังกล่าว
เพื่อไม่ให้ข้าพเจ้าต้องรับผิดในทางใดๆ เพราะได้ให้ความเห็นไว้อย่างชัดแจ้งและรอบด้านแล้ว
ข้าพเจ้าจึงขอโต้แย้งการจัดทำโครงการ และอนุมัติงบประมาณและแจ้งมายังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเพื่อจะได้พิจารณายื่นคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยให้กระจ่างชัดว่า การกระทำดังกล่าวขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ และส่งผลทางกฎหมายอย่างไร?
............................
แนวทางบันทึกโต้แย้ง ฉบับที่ ๒
เรียน ท่านประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
เอกสาร ที่ส่งมาด้วยเพื่อแสดงว่า สนช. ครม และนายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้กระทำ อนุมัติให้กระทำหรือรู้ว่ามีการกระทำที่ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๔๔ แต่มิได้สั่งยับยั้ง
(๑) คำแถลงประกอบงบประมาณรายจ่ายปี๒๕๖๐ที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแถงต่อสภาสนช.วันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๙
(๒) สำเนารายงานการประชุมสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติเล่มที่มีการแปรญัตติลดตัดทอนรายจ่ายตามข้อผูกพัน
(๓) สำเนาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๐ (เฉพาะในส่วนที่มีการแปรญัตติตัดลดรายจ่ายตามข้อผูกพัน)
(๔) สำเนาคำแถลงปิดท้ายการพิจารณาร่างพ.ร.บ. งบปี ๒๕๖๐ในวาระที่ ๒และ ๓ ของรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) วันที่ ๘ ก.ย. ๒๕๕๙ ต่อสภาสนช.
(๕) สำเนาหนังสือมอบหมายงานให้ข้าพเจ้าจัดทำโครงการ อนุมัติ จัดสรรงบประมาณ (๖) สำเนาทะเบียนบ้าน บัตรประจำตัวประชาชน เจ้าหน้าที่ของรัฐ
“....ข้าพเจ้า นาง....ในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้มีหน้าที่จัดทำโครงการ หรืออนุมัติ หรือจัดสรรงบประมาณจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาที่ต้องปฏิบัติตามที่กรรมาธิการวิสามัญและคณะรัฐมนตรีมีความประสงค์ ทั้งๆ ที่ข้าพเจ้าทราบดีว่าเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติตามวรรคหนึ่งและวรรคสองของรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๔๔ ดังมีข้อเท็จจริง ดังนี้
ภายหลังที่คณะกรรมาธิการวิสามัญได้ตัดลดรายจ่ายตามข้อผูกพันที่ต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญแล้ว คณะกรรมาธิการได้นำจำนวนเงินที่ตัดลดนี้รวมกับที่มีการปรับลดจากของส่วนราชการต่างๆ ที่ปรับลดได้ เพราะไม่ใช่รายจ่ายตามข้อผูกพัน ไปเพิ่มงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินจำเป็นและของส่วนราชการต่างๆ โดยได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี
ข้าพเจ้าในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐในที่รับราชการอยู่ที่....ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาคือ นาย.......ที่เป็นสมาชิกสนช.อีกตำแหน่งหนึ่ง ให้จัดทำโครงการที่จะใช้งบประมาณจากที่ได้รับเพิ่มขึ้นจากการแปรญัตติ ซึ่งข้าพเจ้าเห็นว่า อาจจะขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๔๔ ที่ห้ามสมาชิกรัฐสภาเข้าไปมีส่วนได้เสียในการใช้งบประมาณรายจ่ายไม่ว่าทางตรงหรืออ้อม เพราะนาย...ที่เป็นผู้บังคับบัญชาเป็นสมาชิกสนช.ที่พิจารณางบปี ๒๕๖๐ และร่วมลงมติให้ตัดลดงบประมาณรายจ่ายตามข้อผูกพัน อันขัดต่อรัฐธรรมนูญที่ไม่มีผลใช้บังคับตามมาตรา ๕ ของรัฐธรรมนูญ
ข้าพเจ้าจึงขอทำหนังสือโต้แย้งมาถึงคณะกรรมการป.ป.ช.เพื่อจะไม่ต้องรับผิดร่วมกับผู้บังคับบัญชาของข้าพเจ้า และขอให้ท่านปิดเป็นความลับด้วย
...................
หมายเหตุ การให้พ้นความรับผิดโดยให้สิทธิโต้แย้งการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายตามมาตรามาตรา ๑๔๔ ของรัฐธรรมนูญปี ๒๕๖๐ นี้ ได้มีบัญญัติไว้ในมาตรา ๒๖ วรรคท้ายของกฎหมายวิธีการงบประมาณ พ.ศ.๒๕๐๒ ที่ให้ทำเป็นหนังสือและมีอยู่ในกฎหมายระเบียบข้าราชการพลเรือนหรือในกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง แม้จะเป็นบทบัญญัติที่เป็นประชาธิปไตย แต่ในทางปฏิบัติจริงๆอาจทำได้ยากโดยเฉพาะการปิดเป็นความลับ
ในกฎหมายเก่า “ตราสามดวง” ตามกฎมณเฑียรบาลกฎหมายกรุงศรีอยุธยา อันเป็นกฎหมายที่พระเจ้าแผ่นดินผู้ทรงสมบูรณาญาสิทธิราชย์ทรงประกาศใช้ด้วยพระองค์เอง และเพื่อยับยั้งการใช้พระราชอำนาจของพระองค์เอง มีบทที่ ๑๐๖จารไว้ว่า
“อนึ่งพระเจ้าอยู่หัว ดำรัสตรัสด้วยกิจราชการคดีถ้อยความประการใดๆ ต้องกฎหมายประเวนีเปนยุติธรรมแล้วให้กระทำตาม ถ้าหมีชอบจงอาจพิดทูล ทัดทาน ครั้ง ๑ ๒ ๓ ครั้ง
ถ้าหมีฟัง ให้งดไว้ อย่าเพ่อสั่งไป ให้ทูลในที่ระโหถาน
ถ้าหมีฟัง จึ่งให้กระทำตาม
ถ้าผู้ใดมิได้กระทำตามพระอายการดั่งนี้ ท่านว่าผู้นั้นเลมีดพระราชอาชา”
นี่คือ “เพชรน้ำเอก” ของกฎหมายไทยและของโลก ครับ
ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ปรีชา สุวรรณทัต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี