ในการเสวนาเศรษฐกิจฟื้น....แต่....พลังงานฟุบ? จัดโดยสถาบันการพลังงานเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กระทรวงการคลังกล่าวในการเสวนาพยายามชี้ให้เห็นถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมหภาพสะท้อนจากอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจหรือจีดีพีในไตรมาสที่สองของปีนี้ขยายตัว 3.7% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกที่ขยายตัว 3.2% การส่งออกเพิ่มขึ้นจาก 2.7% มาอยู่ที่ 6% อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจที่ขยายตัวยังไม่กระจายตัวไปสู่กลุ่มชนบทและภาคการเกษตร
สอดคล้องกับนายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) ที่ชี้ว่าเศรษฐกิจไทยยังโตแบบกระจุกตัวโดยเฉพาะในกลุ่มภาคเกษตรที่ดัชนีความเชื่อมั่นยังอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ ดังนั้นการจะผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตแบบกระจายตัวได้จะต้องเร่งแก้ปัญหาการผลิตในภาคเกษตรเนื่องจากเป็นกลุ่มที่เป็นสัดส่วนถึง 40% ของแรงงานทั้งระบบ
ด้านนายอมรเทพ จาวะลา ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักวิจัยธนาคารซีไอเอ็มบีไทย เคยแสดงความเห็นไว้ก่อนหน้านี้ว่า ประเด็นที่ได้ยินบ่อยช่วงนี้คือตัวเลขเศรษฐกิจดี แต่ทำไมคนกลับบ่นว่ายอดขายไม่ดี กำไรหดตัว เงินเฟ้อต่ำแต่ทำไมต้นทุนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคค้าปลีกโตต่ำกว่าภาคอื่น และความเชื่อมั่นของทั้งผู้บริโภคและนักลงทุนลดลง การที่คนรู้สึกสวนทางกับรายงานเศรษฐกิจที่โตเพราะการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจกระจุกตัวในคนบางกลุ่ม การเชื่อมโยงของคนมีรายได้ดีไปสู่คนรายได้ไม่ขยับขึ้นมีน้อยลง
นายอมรเทพ ยังชี้ว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวที่ภาคท่องเที่ยวและส่งออก แต่ไม่ใช่ส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่ราคาขึ้นตามราคาน้ำมัน ผู้ได้ประโยชน์คือคนมีรายได้จากภาคเกษตร ทั้งราคาพืชผลดีและผลผลิตมากขึ้นกว่าปีก่อนที่มีภัยแล้ง ยกเว้นกลุ่มชาวนาเพราะราคายังต่ำ ส่วนคนที่มีรายได้นอกภาคเกษตรรายได้กลับไม่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะคนทำงานภาคการผลิต ก่อสร้าง สอดรับกับการลงทุนที่กลับมาขยายตัวแต่ยังขยายตัวต่ำจำกัดเพียงบางอุตสาหกรรม และหลายอุตสาหกรรมมีอุปทานส่วนเกิน ด้านภาคบริการเองก็ขยายตัวต่ำเช่นกัน ยกเว้นร้านอาหาร โรงแรมและขนส่งที่ได้ประโยชน์จากท่องเที่ยว
ขณะเดียวกันการเชื่อมโยงของคนมีรายได้ดีไปสู่คนที่รายได้ไม่ดีมีน้อยลง แตกต่างจากอดีตคนได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวเศรษฐกิจจะใช้จ่ายก่อให้เกิดเงินหมุนเวียน เช่น คนที่มีรายได้จากภาคเกษตรที่ดีจะจับจ่ายใช้สอยทำให้ภาคบริการและภาคอุตสาหกรรมซึ่งคือคนรายได้ระดับกลางในเมืองได้ประโยชน์ แต่ขณะนี้คนไม่ใช้จ่ายซึ่งสันนิษฐานว่า คนมีรายได้น้อยในภาคเกษตรนำเงินไปใช้หนี้ก่อน และเก็บเงินไว้ใช้ช่วงฉุกเฉินยามเกิดภัยแล้ง น้ำท่วม หรือราคาพืชผลตกต่ำ เมื่อคนกลุ่มนี้ชะลอการใช้จ่ายส่งผลให้คนรายได้ระดับกลางในเมืองมีรายได้ทรงตัวหรือลดลง ในกลุ่มคนที่รายได้ไม่เปลี่ยนแปลงแต่ก็เกิดความไม่มั่นใจที่จะใช้จ่ายเกิดการระวังตัวและรัดเข็มขัดส่งผลให้เศรษฐกิจไม่หมุนเช่นในอดีต
พฤติกรรมของคนสำคัญกับเศรษฐกิจเมื่อเกิดความไม่เชื่อมั่นคนจะตัดรายจ่ายไม่จำเป็นออมเงินมากขึ้นเพราะไม่แน่ใจรายได้ในอนาคตหรือนำไปใช้หนี้ทั้งในและนอกระบบเพื่อลดภาระดอกเบี้ยซึ่งเป็นที่มาว่าทำไมการบริโภคและการลงทุนในประเทศอ่อนแอ แม้เศรษฐกิจขยายตัว ทั้งนี้จากการออกเดินสำรวจตลาดถามพ่อค้าแม่ค้าว่าขายดีไหมกลับได้รับคำตอบว่าขายไม่ดีเพราะคนประหยัด แม้คนที่เดินส่วนมากจะเป็นมนุษย์เงินเดือนรายได้มั่นคง แต่พวกเขาก็ยังลดการซื้อสินค้าที่มีราคาถูกจึงไม่น่าสงสัยว่าคนที่น่าจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจขณะนี้น่าจะเป็นคนทำงานนอกระบบที่มีจำนวนมากในประเทศ
ผลสำรวจของโพลล์ทุกสำนักตลอดช่วง 3 ปี ที่ผ่านมาสะท้อนว่าแม้ประชาชนยังคงให้ความเชื่อมั่นศรัทธาในพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) แต่ก็สะท้อนจุดอ่อนสำคัญที่สุดของรัฐบาลนั่นคือความล้มเหลวในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจระดับรากหญ้า
ดังนั้นผู้นำรัฐน่าจะส่งเจ้าหน้าที่ที่ไว้ใจได้ลงไปสำรวจความเห็นประชาชนระดับรากหญ้าเพื่อให้ได้ข้อมูลเศรษฐกิจของคนส่วนใหญ่ของประเทศอย่างแท้จริงแล้วแทนที่จะนั่งรอแต่เฉพาะข้อมูลจากฝ่ายข้าราชการซึ่งบางครั้งไม่ตรงตามความเป็นจริง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี