วันนี้มีเรื่องเล่าจากชาวโลก จากนานาอารยประเทศทั่วไปว่า เขาปฏิบัติจัดการอย่างไรกับผู้สื่อข่าวต่างชาติที่บังอาจสร้างความเสียหาย สร้างกระแสใส่ร้ายทำลายสถาบัน และบุคคลสำคัญของประเทศ ผู้สื่อข่าวต่างชาติเข้ามาทำรุ่มร่ามสร้างความเสียหาย ทำลายความมั่นคง ย่ำยีวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของประเทศเจ้าบ้าน โดยเจ้าภาพหรือเจ้าของบ้านจะจัดการกับสื่อที่มีอคติ มีวาระซ่อนเร้นในการทำข่าวโดยทันที ไม่เกรงกลัวหรือเกรงใจ เห็นจะมีแต่ประเทศไทยแห่งนี้ ที่เจ้าหน้าที่มักเกรงใจผู้สื่อข่าวต่างชาติ ทำให้มันบังอาจเสนอข่าวอัปรีย์ย่ำยีหัวใจคนไทยอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
อีกไม่นานหลังจากนี้ เราจะมีพระราชประเพณีสำคัญอันยิ่งใหญ่แก่ประวัติศาสตร์ชาติไทยอีกครั้ง แน่นอนว่า ในทุกๆ โอกาสสำคัญ สื่อฝรั่งผีโม่แป้งขาประจำ 2-3 คน มักเสนอข่าวหมิ่นเหม่ต่อการละเมิดกฎหมายอาญามาตรา 112 และดูหมิ่นย่ำยีน้ำใจคนไทยและเมื่อเหตุการณ์ผ่านไป คนไทยผู้จงรักภักดีก็ออกมาตอบโต้ ด่าว่าประณามสื่อฝรั่งผีโม่แป้งเหล่านั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไปได้ไม่นาน มีโอกาสใหม่ พวกมันก็ทำจัญไรอีก เพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนใจว่า ต่างประเทศเขาจัดการกับสื่อผีโม่แป้งอย่างไร เรียนรู้ได้จากเรื่องราวต่อไปนี้
เมื่อวันศุกร์ที่ 17 พ.ย. สภามั่นคงทำเนียบขาว บอกกับสำนักข่าว Yahoo News ว่า “ทำเนียบขาวมีความกังวลต่อกฎหมายควบคุมสื่อที่เพิ่งผ่านสภาดูม่า(ของรัสเซีย)อย่างเป็นเอกฉันท์ กฎหมายฉบับนี้กำหนดให้จดทะเบียนผู้สื่อข่าวต่างประเทศ “เป็นผู้แทน ต่างชาติ” รัสเซียจะเข้มงวดการทำงานของสื่อมากขึ้น และเป้าหมายคือสื่ออเมริกัน...นี่คงเป็นการตอบโต้ที่เรากำหนดให้ทีวี.รัสเซีย จดทะเบียนเป็นตัวแทนต่างชาติ...ต่อไปการทำงานของสื่ออเมริกันในรัสเซียจะยากลำบากขึ้น”
เห็นไหมครับ อเมริกา...ต้นตำรับเสรีภาพสื่อ แต่บังคับให้สื่อรัสเซียลงทะเบียนเป็นตัวแทนต่างชาติ แล้วเมื่อรัสเซียเอาคืนบ้าง กลับโวยวายว่า “ต่อไปสื่ออเมริกันจะทำงานลำบากขึ้น” เรื่องสื่ออเมริกันทำงานได้อย่างอิสระเสรีไม่มีที่ไหนเกินเมืองไทย มีเรื่องที่อยากเล่าสู่กันฟังว่า สื่ออเมริกันบางคนมีพฤติกรรมน่าสงสัยว่า เขาเป็นสื่อ เป็นผู้แทนรัฐบาลอเมริกันหรือเป็นเจ้าหน้าที่องค์กรช่วยเหลือสากล
ในห้วงเวลาที่สงครามในกัมพูชาคุกรุ่นรุนแรง กองกำลังเขมรสามฝ่ายเกาะติดอยู่ใกล้ชายแดนไทย ผู้สื่อข่าวส่วนใหญ่ไปปักหลักอยู่อรัญประเทศ หรือไม่ก็ จ.สุรินทร์ จ.บุรีรัมย์ เพื่อเสาะหาข่าวตามตะเข็บแนวชายแดน แต่ฝรั่งที่ทำงานกับองค์กรช่วยเหลือสากล อาทิ UNHCR หรือ ICRC และแพทย์ไร้พรมแดน ฯลฯ เข้าออกพื้นที่สู้รบเข้าไปถึงฐานที่มั่นของกองกำลังต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ฝรั่งพวกนี้บางคนหารายได้พิเศษด้วยการนำภาพนำข่าวมาขายให้กับสำนักข่าวต่างๆ จนจำแนกไม่ออกว่าเป็นผู้สื่อข่าวหรือเจ้าหน้าที่องค์กรช่วยเหลือสากลหรือเป็นสายของรัฐบาลตะวันตก
ที่สงสัยว่าเป็นสายของตะวันตก เพราะสังเกตเห็นว่านายทหารไทยให้ความเกรงใจ อำนวยความสะดวกคนเหล่านี้มาก ฝรั่งที่ทำงานกับองค์กรช่วยเหลือสักพักก็ออกมาเป็นผู้สื่อข่าวอิสระ แปลกที่เป็นผู้สื่อข่าวอิสระ แต่เจ้าหน้าที่ให้ความสำคัญกว่าผู้สื่อข่าวที่สังกัดสำนักข่าวมาตรฐานอย่างรอยเตอร์ เอพี และเอเอฟพี นักข่าวทุกคนที่ไปทำข่าวสงครามกัมพูชามีเป้าหมายสำคัญคือ ได้สัมภาษณ์นายพอล พต ผู้นำเขมรแดง วันหนึ่งเรามีนัดหมายกับแหล่งข่าว จะนำเราเข้าไปพบนายพอล พต ในอัลลองเวง เราไปนอนรอในโรงแรมเพชรเกษม จ.สุรินทร์ เตรียมตัวออกเดินทางตอนย่ำรุ่ง (ตีห้า) ออกไปถึงด่านปิดห้ามเข้าเด็ดขาด แต่ทหารที่ด่านชายแดนบอกเราว่า มีทีมข่าวฝรั่งชุดหนึ่งได้ผ่านแดนเข้าไปแล้วตั้งแต่ตีหนึ่ง ฝรั่งชุดนั้นได้สัมภาษณ์นายพอล พต แล้ว ก็ขายข่าว Exclusive จนมั่งคั่งมีเงินเปิดสำนักงานรับจ้างทำข่าวจนวันนี้
นายลอง โนริน เลขาฯของเจ้ารณฤทธิ์ ที่นัดหมายกับเราไว้ก่อน มาขอโทษ บอกว่าที่ทีมงานฝรั่งผ่านเข้าไปได้เพราะได้รับคำสั่งจากผู้บัญชาการทหารให้อำนวยความสะดวกให้ฝรั่งชุดนี้โดยเฉพาะ ลอง โนริน จะพูดจริงหรือเท็จ ไม่อาจพิสูจน์ได้ แต่ที่แน่ๆ คือเจ้าหน้าที่ไทยเกรงใจฝรั่งมากกว่ากฎเกณฑ์ใดๆ
เรื่องเก่าผ่านไป เรามาพูดกันเรื่องใหม่ๆ เมื่อวันที่13 พ.ย. ที่ผ่านมา ผู้อำนวยการสถานีทีวี RTS สวิตเซอร์แลนด์ออกแถลงการณ์ประณามรัฐบาลอาหรับเอมิเรตส์ ที่จับกุมกักขังผู้สื่อข่าวของสถานี พร้อมด้วยยึดอุปกรณ์ทำข่าวทุกอย่าง เรื่องมีอยู่ว่าผู้สื่อข่าวจากสถานี RTS สองคนได้รับอนุญาตจาก ยูเออี ให้ไปทำข่าวพิธีเปิดพิพิธภัณฑ์แห่งใหม่ที่ออกแบบโดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส ทำข่าวพิพิธภัณฑ์เสร็จ นักข่าวสองคนออกไปเก็บภาพประกอบข่าวในตลาดสด สัมภาษณ์คนงานชาวปากีสถาน ขณะที่ถ่ายทำอยู่นั้น ถูกเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานมั่นคงจับกุมผู้สื่อข่าวสองคนถูกแยกสอบสวนนานกว่าสิบชั่วโมง กล้องถ่ายภาพ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ถูกตรวจค้น พวกเขาถูกบังคับข่มขู่ ให้บอกพาสเวิร์ดโทรศัพท์เครื่องคอมพิวเตอร์ และสอบสวนข่มขู่ด้วยถ้อยคำรุนแรง ก่อนแยกตัวขังเดี่ยวอยู่สองวันและปล่อยตัวให้บินกลับเมืองซูริคโดยที่ทิ้งอุปกรณ์ทำข่าวไว้ในยูเออี
ข่าวนี้บอกให้รู้ว่าประเทศที่บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด เขาอนุญาตให้สื่อไปทำข่าวเรื่องไหน ต้องทำเรื่องนั้นอยู่แต่จุดนั้น จะไปรุ่มร่ามซอกแซกทำข่าวที่ไหนๆ ตามอำเภอใจเหมือนทำในเมืองไทยไม่ได้ ผู้เขียนเคยได้รับอนุญาตให้ไปทำข่าวเทศกาลบอลลูนในกรุงย่างกุ้ง เมื่อปี 2538 ทำข่าวเทศกาลบอลลูนเสร็จ เราแฉลบไปพบนายติน อู เลขาธิการพรรคเอ็นแอลดี ของนางอองซาน ซู จี กลับมาถึงโรงแรมที่พัก ยังไม่ทันได้อาบน้ำ ทหารสามนายอาวุธครบมือมาเคาะประตูเรียก สั่งให้เก็บของแล้วพาไปส่งสนามบินมิงกะลาดอน ปล่อยให้เรานั่งตากยุงทั้งคืน ก่อนเดินทางกลับด้วยเครื่องบินเที่ยวแรกที่มากรุงเทพฯ
ปี 2537 ไปทำข่าวอาเซียนซัมมิตใน สปป.ลาว กับสำนักข่าวเอพี เราไม่รู้ว่าเขาจำกัดให้อยู่แต่ในเวียงจันทน์ วันหนึ่งออกไปทำข่าวเจ้าหน้าที่กักพระสงฆ์ไว้ที่สถานีรถขนส่ง ขณะที่ เดวิด ลองสตรีต กำลังถ่ายภาพ ตำรวจเข้ามาเชิญพวกเราเข้าไปในสำนักงาน พวกเราถูกสอบสวนอยู่สามชั่วโมง ก่อนสั่งให้รอกรมการเมืองประจำจังหวัดมาตัดสินใจว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป รอจนค่ำยังไม่ดำเนินการอะไร จนในที่สุดก็กลับมาที่ศูนย์ประชุมโดยไม่ถูกดำเนินคดี
ปี 2554 ผู้เขียนกับผู้สื่อข่าว TV one จากอินโดนีเซียอีกสองคน ได้วีซ่าท่องเที่ยวเข้าไปเสียมราฐพวกเราว่าจ้างแท็กซี่เดินทางต่อไปเขาพระวิหาร ระหว่างทางไม่มีด่าน ไม่มีค่ายทหาร แต่พอถึงตีนเขา เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองมาเชิญไปที่สำนักงาน เมื่อเข้าไปถึงพบว่าเป็นค่ายทหาร หย่อนก้นลงไม่ทันถึงพื้นทหารติดอาวุธครบมือหกนายมาควบคุมเราแยกออกจากชาวอินโดนีเซีย เราถูกสอบสวนอย่างเข้มข้น ถูกกล่าวหาว่าเป็นสายลับของรัฐบาลไทย ถูกกักตัวอยู่หนึ่งคืน ก่อนที่สถานทูตอินโดนีเซีย ให้ความช่วยเหลือไม่ต้องติดคุกเขมร
เดือนที่แล้ว มีนักข่าวชาวสิงคโปร์และชาวมาเลเซียที่ทำงานให้กับสถานีทีวี.ตุรกี ถูกจับในพม่า ข้อหาใช้โดรนบินใกล้รัฐสภาพม่า และล่าสุดวันที่ 17 พ.ย. ตำรวจกัมพูชาจับกุม ออน ชิน กับ เยียงโสเตียริน อดีตลูกจ้างวิทยุเอเชียเสรี (RFA) ที่ถูกปิดไปแล้วในข้อหา “จัดหาข้อมูลทำลายความมั่นคงให้รัฐบาลต่างชาติ” พวกเขาถูกกล่าวหาว่าส่งข่าวให้ RFA ทั้งสองปฏิเสธข้อกล่าวหาและถูกฝากขังระหว่างการสอบสวน
เรื่องที่เล่ามาทั้งหมดนี้เพื่อเป็นอุทาหรณ์ว่านานาอารยประเทศ เขาเข้มงวดกับผู้สื่อข่าวต่างชาติที่สงสัยว่า จะไปละเมิดความมั่นคงของเขาอย่างไรทุกประเทศเมื่อเขาเชิญให้ไปทำข่าวอะไร ในสถานที่ไหนต้องจำกัดขอบเขตอยู่จุดนั้น ไม่สามารถพล่านทั่วไปได้เหมือนในประเทศไทย เพราะเหตุว่าเราเกรงใจต่างชาติเกินไปทำให้สถาบันสูงสุดที่รักเทิดทูนของคนไทยถูกย่ำยีตามอำเภอใจได้ทุกโอกาสสำคัญ
ถ้ายังยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการต่างประเทศ ตำรวจสันติบาล และทหารต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดกับสื่อฝรั่งผีโม่งแป้ง 2-3 รายที่มุ่งร้ายต่อสถาบันอันเป็นที่รักของชาวไทย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี