การแสดงความกร่างโชว์พลังและแสดงความอหังการโชว์ความยิ่งใหญ่ในฐานะเจ้าของพรรคเพื่อไทยทำให้บรรดาเสนาบดีในรัฐบาลพรรคเพื่อไทยต้องแห่กันไปมอบพวงมาลัยกราบกรานในวันสงกรานต์ที่เชียงใหม่ ส่วนนายเศรษฐา ทวีสิน ในฐานะนายกรัฐมนตรีเข้าไปรดน้ำดำหัวในบ้านจันทร์ส่องหล้า ซึ่งเป็นต้นเหตุที่มาข่าวลือหนาหูว่า จะมีการปรับคณะรัฐมนตรีเร็วๆ นี้
คอลัมน์นี้ เชื่อว่าจะปรับเล็กปรับใหญ่อย่างไรนายเศรษฐา ทวีสิน ยังคงนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีต่อไปจนกว่านโยบายที่เจ้าของพรรคคิดให้ นายกฯ นอมินีทำเวรกรรมตกกับประเทศไทยจะถูกนำมาใช้ในทางปฏิบัติ ซึ่งอดีตนายกฯนอมินี ที่นายใหญ่สั่งให้ทำผิดกฎหมายไม่ตรอมใจตาย ก็ถูกศาลตัดสินจำคุกตกทุกข์มาแล้วสามราย
ในห้วงเวลาสองทศวรรษที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน ตลอดถึงพรรคเพื่อไทย ที่ทำผิดกฎหมายตามนโยบายของนายใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อล้างผิดให้นายใหญ่ การออกกฎหมายนิรโทษกรรม ช่วยพี่ชาย หรือนโยบายรับจำนำข้าวที่เป็นช่องทางให้ทุจริตครั้งประวัติศาสตร์ของชาติไทย ที่สร้างความเสียหายแก่ประเทศไทยหลายแสนล้านบาท นายกฯนอมินี ที่ทำตามคำสั่งเจ้าของพรรคสุดท้ายต้องหนีไปลี้ภัยต่างประเทศ และศาลตัดสินจำคุกลับหลัง 5 ปีถึงวันนี้ยังเป็นสัมภเวสีหนีคุก
ดังนั้นเมื่อ นายเศรษฐา นายกฯนอมินีตัดสินใจเดินหน้านโยบาย ดิจิทัล วอลเล็ตที่เสี่ยงต่อการผิดกฎหมายและเป็นนโยบายที่เปิดช่องทางให้โกงได้หลายแสนล้านบาท เจ้าของพรรคตัวจริง จึงยินดีให้นายเศรษฐาเป็นหัวหน้ารัฐบาลต่อไป ตราบใดที่ยังทำตามคำสั่งนายใหญ่เรื่องนโยบายดิจิทัล วอลเล็ต ซึ่งเป็นนโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทยที่ใช้เรียกคะแนนนิยมโดยการคุยโวว่า จะแจกเงินดิจิทัล (เงินทิพย์ หรือ เงินลม) ให้คนไทยตั้งแต่อายุ 16 ขึ้นไปสมมุติเป็นมูลค่าคนละ 10,000 บาท เงินดิจิทัล ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย แต่เจ้าของพรรคเพื่อไทยใช้เล่ห์เพทุบายนำเงินบาทของไทย มาใช้หนี้เงินทิพย์ภายหลัง
การใช้เล่ห์เพทุบายกู้เงินบาทมาใช้หนี้เงินทิพย์ทำให้ ธนาคารแห่งประเทศไทย สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการกฤษฎีกา ตลอดถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ ทักท้วงว่าเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมาย และละเมิดวินัยการเงินการคลังการทักท้วงจากหลายฝ่ายทั้งภาคเอกชนและหน่วยงานอิสระเป็นเหตุให้พรรคเพื่อไทยละล้าละลังไม่กล้านำนโยบายมาใช้ในทางปฏิบัติเป็นเหตุให้การแจกเงินทิพย์ล่าช้ามากว่าหกเดือนแล้ว
มีข่าวหนาหูว่า หลังจากนโยบายดิจิทัลล่าช้า นายใหญ่ขีดเส้นตายว่า หากกำหนดวันแจกเงินทิพย์แน่นอนไม่ได้ก็ไสหัวออกไปนายกฯนอมินี และสมุนบริวารนายใหญ่ต้องตัดสินใจไปตายเอาดาบหน้า วันที่ 10 เมษายนพรรคเพื่อไทย นำโดยนายเศรษฐาประกาศไทม์ไลน์ว่า คนไทย 50 ล้านคน ต้องได้รับเงินดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาทภายในไตรมาส 4 หรือ ปลายปีนี้แน่ ส่วนเงินห้าแสนล้านบาทที่จะแจกให้ได้ข้อสรุปว่า มาจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี’67 จำนวน 175,000 ล้านบาท และงบปี’68 จำนวน 152,700 ล้านบาท และงบจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรหรือ ธ.ก.ส. จำนวน 172,300 ล้านบาท
หลังจากพรรคเพื่อไทยประกาศไทม์ไลน์ และแถลงที่มาของเงินห้าแสนล้านบาท ถูกหลายฝ่ายวิจารณ์ว่าตอแหลแก้ตัวไปวันๆ ตอนหาเสียงบอกว่า เงินทิพย์ที่จะแจก ไม่เอางบประมาณใช้ และคุยโม้ว่าจะไม่กู้มาสร้างหนี้เพิ่มให้กับประเทศไทย แต่พอถูกนายใหญ่สั่งการลงมาก็ตระบัดสัตย์เจียดเงินงบประมาณมาแจกจ่ายที่สำคัญคือจะกู้เงิน ธ.ก.ส. อีกกว่า 1.72 แสนล้านบาท มาแจกทั้งๆ ที่รัฐบาลยังต้องใช้หนี้ ธ.ก.ส.อีก 2.4 แสนล้านบาท เป็นหนี้ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ สร้างความเสียหายในโครงการรับจำข้าว สร้างหนี้ทิ้งไว้กว่า 9.4 แสนล้านบาท
อาจารย์สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งข้อสังเกตว่า 1.พระราชบัญญัติ ธ.ก.ส.2509 มาตรา 9 เขียนวัตถุประสงค์ไว้ชัดเจนว่า “(1)ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่เกษตรกร” ไม่ใช่ “ครอบครัวเกษตรกร”แม้จะมีคำว่าครอบครัวเกษตรกรใน(ค)และ(ง)แต่การให้ต้องให้ต่อเกษตรกรตาม(1)
2.ตัวเลขเกษตรกร 17.23 ล้านคน จึงเป็นตัวเลขยกเมฆ เอาครอบครัวเกษตรกรที่ไม่รู้ชัดเจนว่ามีอีกกี่คน ทำอาชีพอะไร ร่ำรวยแค่ไหนแล้วมารวมให้ถึง 17.23 ล้านคน ทั้งๆ ที่เกษตรกรที่จดทะเบียนกับกระทรวงเกษตรฯ มีแค่ 8.9ล้านคน
3.ยังไม่นับมาตรา 10 ของพระราชบัญญัติ ธ.ก.ส.ที่ให้อำนาจกระทำกิจการต่างๆ ในฐานะธนาคาร รวม 17 อย่าง เช่น ให้กู้ รับฝากขายตั๋วเงินฯลฯ ที่อ่านสิบรอบก็ไม่เจอคำว่า “แจกเงิน” หรือ “ให้รัฐบาลยืมเงินไปแจก”
4.ดังนั้น พิจารณาจากกฎหมาย อย่างไรก็เอาเงิน ธ.ก.ส.ไปสนับสนุนดิจิทัล วอลเล็ตไม่ได้ครับ ยกเว้นคณะกรรมการ ธ.ก.ส.จะลงมติให้โดยเสี่ยงติดคุก
ด้าน ดร.เจตน์ โทณะวณิก อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.)ปี’60 รับอาสาแจ้งความดำเนินคดีนายเศรษฐา ทวีสิน หากแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ก่อนจะลงมือแจกเพื่อป้องกันชาติเสียหายซ้ำรอยรับจำนำข้าว เพราะตอนหาเสียงบอกว่าทำได้โดยไม่ต้องกู้ พรรคเพื่อไทยหาแหล่งเงินได้ เป็นการหลอกลวงประชาชนเพื่อให้ได้คะแนนเสียงอีกทั้งการกู้เงินยังต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดที่กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขป้องกันมิให้ชาติล่มจมแบบต้มยำกุ้งเมื่อปี 2540
การแจกเงินดิจิทัล ถูกผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยปฏิเสธมาตลอดว่า ขัดต่อระเบียบวินัยการเงินการคลัง อีกทั้งคณะกรรมการกฤษฎีกาวินิจฉัยแล้วว่า ผิดกฎหมาย ยังมีผลประโยชน์ทับซ้อนในการเปลี่ยนเงินบาทเป็นเงินดิจิทัล แล้วแปลงกลับมาเป็นเงินบาทอีก ซึ่งมีข้อครหาว่า บริษัทนายกฯกับนายใหญ่ขาดทุน เก็งกำไรเงินดิจิทัลไว้มหาศาลจึงวางแผนใช้เงินบาทมาพยุงเพื่อประโยชน์ส่วนตนไม่สนชาติจะพินาศฉิบหาย และสุดท้ายเงินก็จะไปเข้ากระเป๋าบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่เป็นเจ้าของเซเว่นฯ แม็คโคร โลตัส ไม่ใช่ร้านค้าปลีกชุมชน พี่น้องประชาชน อย่าเพิ่งรอความหวังจากเงินดิจิทัล ทำงานไปตามปกติจะได้มีกินมีใช้ไม่สะดุด
พิเคราะห์จากความเห็นของอดีต ส.ส.ร.และอดีต กกต.แล้ว พออนุมานได้ว่า นายเศรษฐามีทางเลือกอยู่สองอย่าง คือ 1.เป็นนายกฯต่อไป และ เดินหน้าแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ตตามบัญชานายใหญ่โดยเสี่ยงติดคุกคิดตะราง 2.ปัดตูดจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี หนีการทำตามนายใหญ่ไปพร้อมกับไม่เสี่ยงติดคุก
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี