พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและผู้นำ คสช.ได้เข้ามาบริหารประเทศภายหลังการรัฐประหารล้มรัฐบาลระบอบทักษิณเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ย่างเข้าสู่ปีที่ 5 แล้วในวันนี้ วันที่ 23 พฤษภาคม 2561 ถึงแม้จะมีกระแสข่าวจากกลุ่มพลังมวลชนฝ่ายต่อต้านรัฐบาลที่ออกมาเรียกร้องว่าเป็นกลุ่มประชาชนที่ต้องการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย
และต้องการขับไล่รัฐบาล คสช.ที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีให้ออกไปจากตำแหน่งก็ตามแต่ดูเหมือนว่าประชาชนคนไทยในเมืองใหญ่โดยเฉพาะชาวกรุงเทพมหานครดูจะไม่ยินดียินร้ายกับเสียงเรียกร้องครั้งนี้มากเท่าใดนักส่วนใหญ่กลับมองเห็นว่ากลุ่มพลังมวลชนมีวัตถุประสงค์ที่จะสร้างความวุ่นวายทางด้านการเมืองมากกว่าเพราะจากข้อเท็จจริงตามโรดแมปของคณะคสช.นั้นก็จะมีการเลือกตั้งอยู่แล้วในเดือนกุมภาพันธ์ 2562
ผลจากโพลล์ของ 2 มหาวิทยาลัยที่มีการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีผลสรุปออกมาดังนี้คือนิด้าโพลของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่องประชาชนอยากได้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปตามกฎหมายการเลือกตั้งปัจจุบันได้ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 8-9 พฤษภาคมจากประชาชนที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไปกระจายทุกภูมิภาคตามระดับการศึกษาและอาชีพทั่วประเทศรวมจำนวน 1,250 หน่วยตัวอย่าง
เกี่ยวกับประชาชนอยากได้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปตามกฎหมายการเลือกตั้งปัจจุบันการสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างด้วยความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลักของนิด้าโพลด้วยวิธีแบบแบ่งชั้นภูมิโดยแบ่งชั้นภูมิตามภูมิภาค จากนั้นในแต่ละภูมิภาคสุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบอย่างง่าย เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่นที่ร้อยละ 95.0 นั้น
บุคคลที่ประชาชนอยากให้เป็นนายกรัฐมนตรีตามกฎหมายการเลือกตั้งปัจจุบันพบว่าส่วนใหญ่อันดับ 1 ร้อยละ 32.24 ระบุว่าเป็นพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันรองลงมา อันดับ 2 ร้อยละ 17.44 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ จากพรรคเพื่อไทยอันดับ 3 ร้อยละ 14.24 ระบุว่าเป็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อันดับ 4 ร้อยละ 10.08 ระบุว่าเป็น นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หลานชายของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ในนามหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่
เมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่ประชาชนอยากให้ได้คะแนนเสียงมากที่สุดและเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลพบว่า ส่วนใหญ่อันดับ 1 ร้อยละ 32.16 ประชาชนระบุว่าเป็นพรรคเพื่อไทยอันดับ 2 ร้อยละ 25.12 ระบุว่าเป็นพรรคพลังประชารัฐที่หนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป
เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นว่าจะมีการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 โดยไม่มีการเลื่อนออกไปอีกพบว่า ประชาชน ส่วนใหญ่ร้อยละ 57.76 ระบุว่าไม่เชื่อมั่นเพราะ ยังไม่มีความพร้อม สถานการณ์บ้านเมืองยังไม่ปกติ มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และเลื่อนการเลือกตั้งมาแล้วหลายครั้งเลยทำให้ขาดความเชื่อมั่นรองลงมา ร้อยละ 31.68 ระบุว่า เชื่อมั่น เพราะบ้านเมืองเริ่มเข้าสู่สภาวะปกติแล้วเชื่อมั่นในความสามารถและความพร้อมของรัฐบาล
อีกโพลล์หนึ่งคือกรุงเทพโพลล์โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพเปิดผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชนเรื่อง นายกรัฐมนตรีแบบไหนที่โดนใจคนไทยซึ่งสำรวจเมื่อวันที่ 18-19 พฤษภาคม โดยเก็บข้อมูลกับประชาชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศจำนวน 1,205 คน พบว่า นโยบายประชานิยมที่โดนใจประชาชนทำให้อยากเลือกเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีมากที่สุด คือนโยบายรักษาฟรีประกันสุขภาพถ้วนหน้า รองลงมาคือนโยบายช่วยเกษตรกรนโยบายสวัสดิการและค่าครองชีพ รายได้นโยบายช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสและนโยบายเกี่ยวกับการปราบการทุจริต
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีแบบไหนที่อยากได้มาดำรงตำแหน่งคนต่อไป ส่วนใหญ่ร้อยละ 66.4 อยากให้เป็นผู้นำที่มีความซื่อสัตย์ สุจริต ไม่มีประวัติทุจริตรองลงมาร้อยละ 46.6 เป็นผู้นำที่มีความเด็ดขาด กล้าตัดสินใจในการบริหารประเทศ ร้อยละ 45.9 เป็นผู้นำที่มีความสามารถสร้างสรรค์ผลงานเป็นที่ประจักษ์หรือโครงการใหม่ๆ
เมื่อถามว่าการที่ นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลงพื้นที่ไปตามจังหวัดต่างๆ ท่านคาดว่าจะทำให้ได้คะแนนนิยมเพิ่มขึ้นมากน้อยเพียงใด ส่วนใหญ่ร้อยละ 56.5 เห็นว่าจะเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากถึงมากที่สุด ขณะที่ร้อยละ 43.5 เห็นว่าจะได้เพิ่มขึ้นน้อยถึงน้อยที่สุด และเมื่อถามว่าหากวันนี้ท่านมีสิทธิออกเสียงเลือกนายกรัฐมนตรี ท่านจะออกเสียงสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่
ประชาชนร้อยละ 40.0 จะสนับสนุนเพิ่มขึ้นจากผลสำรวจเดือนมกราคมปีนี้อีกร้อยละ 3.2 ในขณะที่ ร้อยละ 25.5 จะไม่สนับสนุนส่วนอีกร้อยละ 34.5 งดออกเสียงจากผลสำรวจครั้งนี้จะเห็นว่าคะแนนนิยมของพลเอกประยุทธ์เพิ่มในกรุงเทพมหานคร แต่ก็ยังไม่ถึงร้อยละ 50 หรือเกินกว่าครึ่งดังนั้นหากจะครองใจประชาชนให้ได้พลเอกประยุทธ์ต้องสร้างฐานคะแนนนิยมให้มากขึ้นกว่านี้โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจึงจะทำให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี