นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีพลังงาน ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ โจมตีการจัดทำงบประมาณประจำปี 2562 วงเงิน 3 ล้านล้านบาท ว่าเป็นการเพิ่มงบกลาโหมทิ้งทวนก่อนการเลือกตั้ง
อ้างว่า ตั้งแต่มีการปฏิวัติในปี 2549 จนถึงปัจจุบัน งบกลาโหมเพิ่มสูงขึ้น 3 เท่า เพิ่มจาก 85,936 ล้านบาท ในปี 2549 มาเป็น 222,437 ล้านบาท ในปี 2561 ยิ่งช่วงที่มีการปฏิวัติงบกระทรวงกลาโหมยิ่งเพิ่มขึ้น
“...การจัดสรรงบไม่มีประสิทธิภาพ ทั้งรัฐบาลจากรัฐประหารและรัฐบาลจากการเลือกตั้งก็พยายามเอาใจทหาร ไม่กล้าลดงบประมาณหรือหยุดการเพิ่มงบทหาร ในขณะที่ความจำเป็นในการต่อสู้กับศัตรูของประเทศมีน้อยลง ถ้าประเทศไทยต้องการจะพัฒนาประเทศ งบกระทรวงกลาโหมจะต้องถูกตัดเพื่อนำมาใช้จ่ายในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญมากกว่า”
ความเห็นของนายพิชัยถูกถ่ายทอดไปทั่วกัน โดยเฉพาะในสื่อออนไลน์ที่มุ่งโจมตีรัฐบาล คสช.
ทั้งๆ ที่ นายพิชัยในยุคนี้ ได้พยายามโหนกระแสเกือบทุกเรื่อง ในขณะที่ช่วงที่ตนเองมีอำนาจได้เป็นรัฐบาลก็ไม่เคยได้กระทำอย่างที่แสดงความคิดเห็นในวันนี้อย่างเป็นรูปธรรม เช่น
รัฐบาลยิ่งลักษณ์เคยประกาศเลิกกองทุนน้ำมันฯ นายพิชัยเป็นรัฐมนตรี สุดท้ายก็บ้อท่า
นายพิชัยเคยคุยโวเรื่องจำนำข้าวจะไม่ขาดทุน สุดท้าย รัฐบาลปัจจุบันยังต้องตามเช็ดขี้เช็ดเยี่ยว ใช้หนี้ ธ.ก.ส. ยังติดค้างอยู่กว่า 200,000 ล้านบาทแถมรัฐมนตรีขี้โกงยังติดคุกอยู่ ฯลฯ
วันนี้ ยังอุตส่าห์ออกมาให้ความเห็นในประเด็นงบทหาร หรืองบที่จัดสรรให้กระทรวงกลาโหม
1. ข้อเท็จจริง ปรากฏว่าในยุครัฐบาล คสช. ร่าง พ.ร.บ. งบประมาณแผ่นดินประจำปี 2562 จัดสรรให้กระทรวงกลาโหมทั้งสิ้น 227,671 ล้านบาท (จากงบประมาณแผ่นดิน 3 ล้านล้านบาท)คิดเป็นสัดส่วน 7.5% ของงบประมาณทั้งหมดย้อนหลังไป ปีงบประมาณ 2561 กระทรวงกลาโหมได้รับจัดสรรงบประมาณทั้งสิ้น 222,436 ล้านบาทคิดเป็น 7.7% ของงบประมาณแผ่นดินปีนั้นสะท้อนว่า งบปี 2562 เริ่มให้น้ำหนักกับงบกลาโหมน้อยลง
2. ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ จัดสรรงบประมาณแผ่นดินประจำปี 2556 ให้กระทรวงกลาโหม เป็นจำนวนเงิน 180,491 ล้านบาทคิดเป็น 7.5% ของงบประมาณแผ่นดินประจำปีสะท้อนว่า สัดส่วนการให้น้ำหนักกับงบกลาโหม ไม่ต่างกัน
3. นายพิชัยอ้างว่า หลังปฏิวัติปี 2549 มีการเพิ่มน้ำหนักงบกลาโหมมากขึ้นข้อเท็จจริงปรากฏว่า ในยุครัฐบาลทักษิณ ได้จัดสรรงบประมาณแผ่นดิน ปี 2546 ให้กระทรวงกลาโหมเป็นเงิน 7.9 หมื่นล้านบาทคิดเป็น 7.9% ของงบประมาณแผ่นดินประจำปีนั้นสะท้อนว่า ให้น้ำหนักกับงบกลาโหมในสัดส่วนที่สูงกว่าปัจจุบันเสียอีก
4. ข้อเท็จจริง คือ การจัดสรรงบประมาณแผ่นดินประจำปีของประเทศไทย ให้แก่กระทรวงกลาโหม ที่ผ่านมาแทบทุกยุครัฐบาล ก็จะมีสัดส่วนอยู่ที่ราวๆ 7-9% ของงบประมาณแผ่นดินประจำปี มาตั้งนานแล้วทุกสมัยไม่ใช่เพิ่งมาเพิ่มน้ำหนักให้ทหารในยุคปฏิวัตินั่นเพราะว่าส่วนใหญ่ มันเป็นงบรายจ่ายประจำถามว่า สมควรปรับลดมั้ย? ตอบได้เลยว่า สมควรแต่มันไม่เหมือนไอ้ขี้โม้ เมาน้ำลายตัวเอง แล้วสาวกก็เอาน้ำลายที่มันถ่มถุยไปอมต่อ คุยต่อไม่เป็นธรรมที่จะไปประโคมข่าวกล่าวหา ใส่ร้ายป้ายสี มั่วว่ารัฐบาล คสช. จัดสรรงบให้กองทัพมากกว่าทุกยุค ผิดปกติวิสัยแบบนั้น มันเป็นวิสัยพวกแสดงความเห็นแบบตีกินทางการเมือง น่ารังเกียจ
5. อันที่จริง ถ้าส่องดูประเทศในอาเซียนงบกลาโหมของประเทศต่างๆ ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ เวิลด์แบงก์ ระบุว่างบกลาโหมของเมียนมา อยู่ที่ราวๆ 20% ของงบประมาณประจำปีงบกลาโหมของเวียดนามและมาเลเซีย ต่างอยู่ที่ราวๆ 10%ปัจจุบันของไทย อยู่ที่ราวๆ 7.5%
และถ้าดูย้อนหลังกลับไป จะเห็นว่า ประเทศไทยเราค่อยๆ ลดสัดส่วนของงบกลาโหมลงเป็นลำดับ
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี