กริ่งเกรงกันว่า คดีโกงจำนำข้าว ที่จะต้องติดตามเรียกค่าเสียหายทางแพ่งกลับคืนแผ่นดินนั้น หากทอดเวลานานกว่านี้ อาจจะขาดอายุความไปเสียก่อน เพราะบางเหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2554-2557
มูลค่าความเสียหายรวมทั้งสิ้นกว่าแสนล้านบาท
แถมข้อสังเกตว่า บางคดีที่เจ้าหน้าที่รัฐดำเนินการฟ้องไปแล้ว อัยการไม่สั่งฟ้อง เพราะหลักฐานอ่อน สงสัยว่าเพราะเหตุใด? จงใจอ่อน หรือไร้ปัญญารวบรวมหลักฐานที่แน่นหนาเพียงพอ?
ทั้งหมดนี้ จะทำให้ประเทศชาติเสียหาย และเสื่อมเสียมาถึงรัฐบาล คสช. อย่างแน่นอน
วันนี้ ลองมาไล่เลียงดูว่า คดีเกี่ยวกับการทุจริตในโครงการจำนำข้าว ยังมีส่วนไหน อย่างไรบ้าง?
1. คดีทุจริตที่มุ่งเอาผิดในทางอาญากับนักการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐ
1.1 คดีที่ศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุกยิ่งลักษณ์ 5 ปี
จุดตายของยิ่งลักษณ์ อยู่ที่การปล่อยให้มีการโกงข้าวจีทูจี 4 สัญญา โดยรัฐมนตรีได้รายงานยุทธศาสตร์การระบายข้าวให้ยิ่งลักษณ์โดยตรง จากนั้นก็เดินหน้าทำจีทูเจี๊ยะ ซึ่งรายละเอียดในคำพิพากษาชัดเจนว่าโกงกันอุกอาจขนาดไหน ปรากฏในคำพิพากษาคดีระบายข้าวที่มีนายบุญทรงและพวกเป็นจำเลย โดยไม่ได้นำข้าวขายออกนอกประเทศจริง เป็นเพียงการสมอ้างเพื่อนำข้าวมาเวียนขายภายในประเทศ และเอื้อประโยชน์ให้กับบุคคลอื่น
แต่งตั้ง พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ ที่เป็นจำเลยที่ 3 ในคดีระบายข้าวจีทูจีโดยทุจริต เข้าดำรงตำแหน่งอนุกรรมการระบายข้าวและอนุกรรมการอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการระบายข้าวอีกเป็นจำนวนมาก
ยิ่งลักษณ์ให้สัมภาษณ์ เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2555 ยืนยันว่าตนได้เห็นสัญญาซื้อขายข้าว โดยขายไปแล้ว 8 ล้านตัน และส่งออกจริงในหลายประเทศ รวมทั้งกลุ่มอาเซียน บางช่วงของการสัมภาษณ์ระบุว่าเป็น MOU ซึ่งขณะนั้นนายบุญทรงที่ยืนอยู่ด้วยขณะให้สัมภาษณ์ ก็กล่าวเสริมว่าเป็นสัญญาซื้อขาย ไม่ใช่ MOU โดยทำสัญญาซื้อขาย 6 ฉบับ แบบรัฐต่อรัฐ
เดือนพฤศจิกายน 2555 นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาผู้แทนราษฎร ประเด็นระบายข้าวแบบจีทูจีโดยทุจริต ชี้ชัดถึงพฤติการณ์จีทูจีเก๊ ซื้อขายหน้าคลังสินค้า จ่ายเงินด้วยแคชเชียร์เช็ค ขายต่ำกว่าราคาตลาดโดยไม่ต้องประมูล ผู้ช่วย สส.พรรคเพื่อไทยเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ระบุว่าบริษัทเอกชนในกลุ่มของเสี่ยเปี๋ยง ที่มีความสนิทกับนายทักษิณ พี่ชายของยิ่งลักษณ์เองก็ได้รับประโยชน์จากพฤติการณ์ที่สมอ้างว่าสัญญาระบายข้าวเป็นแบบรัฐต่อรัฐหลังจากนั้น ยิ่งลักษณ์ไม่ยอมระงับยับยั้งการซื้อขายข้าวจีทูจีดังกล่าว ไม่ระงับการส่งมอบข้าว ไม่ได้ใช้ความระมัดระวัง และอำนาจที่มีในฐานะนายกฯ ซึ่งสามารถสั่งการได้ทุกกระทรวง ทบวง กรม และประธาน กขช.ระงับยับยั้งแก้ไขปัญหาทุจริต แต่กลับละเว้นปล่อยให้ดำเนินการต่อไป กระทั่งเอื้อให้นายบุญทรงรมว.พาณิชย์ กับพวกสมอ้างนำบริษัทกว่างตงฯ และไห่หนานฯ ให้มาซื้อข้าวในท้องตลาดอันเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิชอบด้วยกฎหมาย ส่งผลกระทบต่องบประมาณแผ่นดินโดยตรง ถือเป็นการทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่
ศาลฎีกาชี้ว่า การกระทำของยิ่งลักษณ์ เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต จำคุก 5 ปี
1.2 คดีที่ศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุกนายบุญทรงและพวก กรณีทุจริตระบายข้าวจีทูจีเก๊
รายละเอียดได้เคยกล่าวไปแล้ว
ชัดเจนว่า โกงกันโจ๋งครึ่มขนาดไหน
ไม่ได้สนใจไยดีผลประโยชน์ของพี่น้องชาวนากันเลย มุ่งจะวางแผนทุจริตขายข้าวจีทูจีเก๊กันลูกเดียว กระทั่งข้าวล้นโกดัง ไม่มีเงินไปจ่ายค่าข้าวชาวนา
นอกจากนี้ ยังมีข้าวจีทูจีภาค 2 ที่ไต่สวนกันมาข้ามปี พฤติการณ์คล้ายๆ กับภาคแรก
1.3 กรณีทุจริตข้าวถุง
ขณะนี้ ยังอยู่ในชั้นไต่สวนของ ป.ป.ช.
ในคำพิพากษาคดีของยิ่งลักษณ์ ศาลฎีกาฯ ได้ระบุถึงกรณี อคส.ทำข้าวถุง เอาไว้ด้วย โดยอ้างว่าจะขายให้กับประชาชนในราคาถูก จำหน่ายในโครงการธงฟ้า ร้านถูกใจ ร้านสวัสดิการอคส. และเอกชนผู้แทนจำหน่ายอีก 3 แห่ง แต่จากการตรวจสอบ พบว่าข้าวถุงที่นำออกมาจำหน่ายมีไม่เพียงพอ และเมื่อตรวจสอบกับบริษัทขนส่งข้าวก็พบว่าปริมาณที่ขนส่งน้อยกว่าปริมาณที่มีการนำข้าวมาเพื่อจัดจำหน่าย นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้แทนจำหน่ายดังกล่าวยังกล่าวอ้างว่ารู้จักกับร้านค้าที่จัดจำหน่ายได้อีกกว่า 20 แห่ง แต่เมื่อตรวจสอบกลุ่มร้านค้า กลับปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นตัวแทนจำหน่ายข้าว และไม่มีข้าววางจำหน่ายต่อสาธารณะ
ในคำพิพากษาชี้ว่า มีการคบคิดกันเป็นขบวนการในการทุจริตระบายข้าวถุง
1.4 กรณีทุจริตข้าวบูล็อค (BULOG) 3 แสนตัน อยู่ในชั้น ป.ป.ช.
นักการเมืองที่ถูกไต่สวน คือ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี เคยเข้าให้ถ้อยคำในฐานะผู้ร้องและในฐานะพยานที่สำนักงาน ป.ป.ช.
2. คดีทุจริตในระดับปฏิบัติ หรือระดับดำเนินการ
ส่วนใหญ่เป็นการโกงในระดับโกดังเก็บข้าว-โรงสี พฤติการณ์จำพวกข้าวหายข้าวไม่ครบตามที่ลงบัญชี ข้าวผิดประเภท ข้ามเสื่อมสภาพ (เพราะเอาข้าวดีไปขาย) ฯลฯ
ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.2557 ให้ อคส.และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) แจ้งความดำเนินคดีสำหรับข้าวในสต๊อกรัฐบาลจากโครงการรับจำนำข้าวปี 2551/52, 2554/55, 2555/56 และ 2556/57 ซึ่งมีคุณภาพไม่ตรงตามมาตรฐานหรือเป็นข้าวเสื่อม ส่งเรื่องให้อคส.ทราบเมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2558
จากนั้น อคส.ได้มีหนังสือ 3 ฉบับ ลงวันที่ 12 ม.ค.2558 ร้องทุกข์ดำเนินคดีกับคู่สัญญาที่กระทำผิด และดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดดังกล่าวทั้งคดีอาญาและแพ่ง รวม 106 ราย 777 คลังสินค้า
กองบังคับการปราบปรามได้ส่งเรื่องไปยังพนักงานสอบสวน กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดต่างๆ ซึ่งเป็นที่ตั้งคลังสินค้าที่เป็นสถานที่เกิดเหตุสอบสวน
ปัจจุบัน พบว่า มีคดีที่เจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนร่วมกระทำผิดด้วย 783 คดี
อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) รวม 782 คดี มูลค่าความเสียหายประมาณ 100,000 ล้านบาท และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) 1 คดี มูลค่า 62 ล้านบาท
ที่เหลือ เป็นคดีที่ไม่ปรากฏมีเจ้าหน้าที่ของรัฐร่วมกระทำความผิดด้วยอีก 101 คดี สอบสวนเสร็จและสรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการจังหวัดต่างๆ แล้ว 98 คดีมูลค่าความเสียหายประมาณ 10,000 ล้านบาท
อีก 3 คดี ยังสอบสวนไม่เสร็จ มูลค่าความเสียหาย 95 ล้านบาท
รวมทั้งหมด 884 คดี มูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 115,000 ล้านบาท
คดีพวกนี้ รัฐบาล คสช.จะต้องติดตามอย่างเอาจริง โดยเฉพาะคดีที่มีเจ้าหน้าที่รัฐเอี่ยวด้วย สุ่มเสี่ยงที่จะมีการเกี๊ยะเซียะ หรือช่วยเหลือกันเอง จึงควรต้องมีการขันนอต สอดส่องในรายละเอียด เพื่อให้คดีตรงไปตรงมาพยานหลักฐานสำคัญเข้ามาอยู่ในสำนวนครบถ้วน
ถ้าพบว่า ใครปล่อยคดี ดึงคดี ถ่วงคดี โดยเจตนาช่วยเหลือคนทุจริต จะต้องลงโทษเด็กขาด
มิให้เป็นเยี่ยงอย่าง
เพราะมันไม่ต่างกับไส้ศึกที่เปิดประตูให้โจรขึ้นบ้าน แล้วเปิดทางสะดวกให้โจรหลบหนีลอยนวล
3. คดีเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง กลับคืนแผ่นดิน
บางส่วนรวมไปในการดำเนินคดีอาญาแล้ว
บางส่วนแยกออกมาต่างหาก
ทุกส่วนล่าช้า ได้เงินกลับคืนแผ่นดินน้อยมาก ทั้งๆ ที่ เคยมีการใช้มาตรา 44ให้จัดการเด็ดขาด ทั้งข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพดไปแล้ว พลเอกประยุทธ์ควรพิจารณาขันนอต มิฉะนั้น มาตรา 44 เองก็จะเสื่อม
บางส่วนเป็นการดำเนินการของ ปปง. ที่ดำเนินการตามกฎหมาย ปปง. กับเครือข่ายทุจริตข้าวจีทูจีของเสี่ยเปี๋ยง ทราบว่า อายัดทรัพย์ไว้หลายหมื่นล้านบาท กำลังทยอยขึ้นศาลแพ่ง เพื่อให้พิจารณาทรัพย์นั้นตกเป็นของแผ่นดินต่อไป
สิ่งที่รัฐบาล คสช. ควรทำอย่างเร่งด่วน จริงจัง ต่อเนื่อง คือ เปิดโปงความจริงให้ประชาชนได้ทราบว่า พวกโกงจำนำข้าวนั้น มีพฤติกรรมเลวร้ายที่สุดในโลกอย่างไร?เอาชาวนาบังหน้า หาผลประโยชน์ส่วนตัว แล้วเมื่อดำเนินคดีจริงจัง ทวงคืนผลประโยชน์กลับมาได้ ก็สามารถจะนำมาช่วยเหลือประชาชน พัฒนาประเทศชาติอย่างไร
เพื่อมิให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อของขบวนการโกงที่สุดในโลกซ้ำซากในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี