l มี 2 ความหมาย ด้านหนึ่ง คือ ไม่มีทักษิณ ปรองดองเกิด นำสังคมไปสู่ความสงบสุข ฯลฯ อีกด้านหนึ่ง คือ ปรองดองเกิดไม่ได้ เพราะมีทักษิณ หรือ ทักษิณยังคงมีอำนาจฯ (ผ่านนอมินี) เราคงต้องหาข้อเท็จจริงกันต่อไป ข้อเท็จจริงอย่างหนึ่ง คือ การมองกลับไปดูสภาพก่อน “ทัก” มีอำนาจ หรือ ตอนเริ่มต้นมีอำนาจ
l ขอนำเสนอ “บทวิเคราะห์สังคมไทย ยุค ทักษิณนุวัตร” โดย อาจารย์ธีรยุทธ บุญมี จากหนังสือ ชื่อ “วิวาทะ Hero ปี 2546” ธีรยุทธ บุญมี ณ ห้องสมุด “โผล่จาก ห้องสมุด อยากเป็นฮีโร่” (ทักษิณ) ทักษิณ ชินวัตร ณ ทำเนียบฯ“เป็นนายกรัฐมนตรี ประจำอยู่ทำเนียบฯ” (ชัยวัฒน์ สุรวิชัย) หนังสือเล่มนี้ จัดพิมพ์โดย “สถาบันพัฒนาการเมือง” โดย ชัยวัฒน์ สุรวิชัย ผู้อำนวยการ) มีนาคม 2546
l มาดู “คำนำ” ที่เขียนโดย ชัยวัฒน์ สุรวิชัย แบบสรุป
1.บทวิเคราะห์สังคมไทย ยุค “ทักษิณนุวัตร” โดย อ.ธีรยุทธ บุญมี อาจารย์ประจำคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ได้แถลงข่าว “วิเคราะห์ภาพรวมเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม การเมือง หลังวิกฤติเศรษฐกิจ” เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2546 อ.ธีรยุทธ ใช้เวลารวบรวมข้อมูลร่วม 2 ปี ตั้งแต่ทักเป็นนายกรัฐมนตรี และอีก2 เดือน ในการวิเคราะห์ฯ บทวิเคราะห์นี้ ได้ให้ภาพรวมค่อนข้างครอบคลุม ทั้ง เศรษฐกิจ วัฒนธรรมค่านิยม สังคม การเมือง และภาพของสังคมไทยข้างหน้าฯ
2.รัฐบาลทักษิณ ดูเหมือนมีอำนาจทางการเมืองแบบผูกขาดแบบเบ็ดเสร็จ แต่กลับจะจะเป็นความเข้มแข็งที่มีจุดอ่อนเปราะบางไม่น้อย ซึ่งพลิกผันได้ง่าย “ดุจก้อนหินใหญ่ตั้งบนหน้าผาสูง” ตัวหินใหญ่(ทักษิณ) มิใช่หินตันเป็นหินกลวง อ่อนแอภายใน “ฐานหน้าผาที่รองรับ” ไม่แน่นกลวงใน ไม่ว่าคนในพรรคหรือประชาชน และ
ภาพที่ปรากฏแก่สาธารณะ ที่มองว่า เป็นสิ่งมหัศจรรย์แปลกใหม่ ความจริงถูกทุนเงินสื่อสร้างภาพขึ้น
3.สังคมไทยยังมีอนาคตความหวัง เพราะทักษิณเป็นของปลอม มิใช่ของจริงที่ทำเพื่อประชาชนแต่เพื่อตนเองและครอบครัว แม้แต่พลพรรคบริเวณก็อาจจะถูกทิ้งได้ และ “พลังซ่อนเร้นของสังคม” ที่มีความไม่พอใจต่อการบริหารจัดการประเทศแบบซีอีโอของบริษัทที่หวังกำไรสูงสุดลูกเดียว จะปะทุออกมา โดยอาจจะเร็วหรือช้า จากความอ่อนแอของอีกฝ่ายหนึ่งและการขาดคุณภาพของประชาชนไทย แต่ในที่สุดภูเขาไฟที่คุกรุ่น ก็จะทะลักออกมา และดับมอดไปในที่สุด และทิ้งท้าย ด้วย “ศึกของคนเดือนตุลา” ระหว่างของจริง(อุดมการณ์) และ ของปลอม (อำนาจเงินทอง)
ธีรยุทธ บุญมี วิเคราะห์สังคมไทย ยุค “ทักษิณนุวัตร” (ขอนำมาเสนอ เฉพาะ ประเด็นที่สำคัญ)
1.ภาพรวมทางเศรษฐกิจ แนะทิศทางเศรษฐกิจ-ต่างประเทศ ไทยควรมุ่งเน้นจีน เอเชีย รัสเซีย อินเดียมากขึ้น
2.ภาพรวมด้านวัฒนธรรมและค่านิยม : เกิดกระแสให้คุณค่าวัฒนธรรมความเป็นไทยและความเหมาะสมพอควร เนื่องจาก
พระราโชบายเศรษฐกิจพอเพียง,การหวนให้คุณค่ากับอดีต ท้องถิ่นและคนส่วนน้อย
3.ภาพรวมด้านสังคม : ไทยก้าวเข้าสู่สังคมเสี่ยง ภาวะอาชีพ สภาพนิเวศ สุขภาพ โรคภัย การก่อการร้ายฯปัญหาสังคมร้ายแรงที่สุด คือ “คอร์รัปชั่น” พัฒนามาจากคอร์รัปชั่นปกติ มาเป็นแบบบูรณาการ ซึ่งเป็นที่มาของปัญหาสังคมอื่นๆ เช่น ยาเสพติด ธุรกิจนอกระบบ (การพนัน โสเภณี ส่วยต่างๆ) ฯลฯ การคอร์รัปชั่นแบบบูรณาการ มีลักษณะเด่น 3 อย่าง คือ
1) เป็นคอร์รัปชั่นครบวงจร คือ กลุ่มธุรกิจชงเรื่อง นักการเมืองตั้งนโยบาย เทคโนแครตกำหนดปรัชญาและหลักการ ข้าราชการ กำหนดเงื่อนขั้นตอนการปฏิบัติ อนุญาโตตุลาการคอยสนับสนุน
วงจรนี้ จะลงถึงชาวบ้าน เช่น กรณีจับบ่อน กลุ่มเกษตรกร กลุ่มสหกรณ์ในกรณีสต๊อกลมต่างๆ
2) เป็นคอร์รัปชั่นที่เกิดระดับนโยบายและสูงขึ้นจนไปถึงหลักการและปรัชญาของหน่วยงานรัฐ เช่น
อาจอ้างหลักประสิทธิภาพหรือเสรีนิยมเพื่อสัมปทานฯ
3) เป็นคอร์รัปชั่นที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนสูง อาจอยู่ในรูปแบบการกำหนดสเปก ตัวบุคคลในคณะกรรมการ ค่าปรับ เช่น ค่าโง่ทางด่วน หรือในรูปหลักนโยบาย เช่น นโยบายต่างประเทศ เน้นเพื่อนบ้านมากขึ้น แต่เบื้องหลังเพื่อผลประโยชน์ธุรกิจสื่อสาร อุตสาหกรรมรถยนต์ น้ำมัน ฯลฯ @ คอร์รัปชั่นแบบบูรณาการ เกิดเพราะ สังคมไทย ไม่ได้พัฒนาสิทธิความรับผิดชอบของบุคคล
4.ภาพรวมการเมืองไทย การปฏิรูปเพื่อสร้างการเมืองตรวจสอบล้มเหลวมากกว่าสำเร็จ คือ กลไกตรวจสอบ จะถูกแทรกแซงฯ การปฏิรูปการเมือง เปิดฉากการเข้าสู่อำนาจโดยตรงของกลุ่มธุรกิจการเมืองรัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูป 2540 มีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนโครงสร้างสังคมการเมืองไทยมาก เพราะ เป็นการให้สัมปทานอำนาจ สร้างประชาธิปไตยสัมปทาน หรือ กระบวนการทักษิณนุวัตร (Thaksinization) มี 2 ส่วน คือ การเมืองระบบทักษิณ และแนวเศรษฐกิจแบบทักษิณ(เสรีประชานิยม) @ คือ ข้ออ่อน-ความจำกัดทางความคิดของนักประชาธิปไตยชนชั้นนำ ที่ไม่สอดคล้องกับสภาพความจริง
การเมืองระบบทักษิณ มี 3 ลักษณะ
1) แนวโน้มมีการรวบอำนาจเบ็ดเสร็จ : ทักษิณมีพื้นฐานมาจากกลุ่มธุรกิจสัมปทาน (ผูกขาดแบบหนึ่ง) และการขายตรง ไม่ผ่านคนกลาง สู่ชาวบ้านโดยตรง
2) ผลของการผูกขาดขายตรง ทำให้ภาคการเมืองใหญ่ขึ้น ภาคสังคมชุมชนองค์กร ภาคราชการเล็กลง
3) ผลที่ตามมา คือ การตรวจสอบของสังคมลดลง ฯลฯ
เศรษฐกิจแบบทักษิณ เป็นส่วนหนึ่งของปรัชญาพรรค คือ เสรีประชานิยม ( liberal populist - policy)
คือเอา “ประชานิยม” มาสนับสนุนนโยบายเสรีนิยม คือ การเปลี่ยนทรัพยากรทุกอย่างของประเทศ
รวมทั้ง “คนจน” ให้เป็นทุน (ที่ติดลบ คือ เป็นหนี้สิน) และเป็นผู้บริโภค นโยบายเช่นนี้ เป็นความรุนแรงอย่างเงียบ ที่ระบบทุนนิยมเสรีกระทำต่อชาวบ้าน คือ ชาวบ้านจะเป็นนักบริโภคนิยมเป็นทุนติดลบ ต้องขึ้นต่อและฝากความหวังต่อพรรคการเมืองที่หยิบยื่นเครดิตเพิ่มแก่ตน
5.ประเมินและวิจารณ์ผลงานรัฐบาลทักษิณ รัฐบาลทุษิณ (thusinzation) สำเร็จเฉพาะหน้า แต่จะเป็นลบในระยะยาว ทั้งต่อตัวทักษิณและพรรคของเขา ข้อเสียสำคัญที่สุดของพรรค คือ ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ (conflict of interest) จะทำให้ประชาชนระแวงสงสัยในทุกนโยบายและตัวทักษิณเอง และยิ่งจะเสื่อมลงจากการมีวุฒิภาวะเพิ่มของของผู้คน
l ทั้งหมดที่นำมากล่าว คงให้ภาพที่เริ่มชัดเจน เป็นจริงในปัจจุบัน ซึ่งจะมีเรื่องราวต่างๆ ตามมาต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี