เราคิดและทำอย่างไร ในการที่จะสามารถลิขิตชีวิตได้ด้วยตนเอง คำตอบของคำถามนี้สำคัญ ที่สำคัญที่สุด คือ ต้องเป็นคำตอบที่ถูกต้อง และทำได้จริง บางคนตอบว่า
๑.ชีวิตขึ้นกับพระเจ้าประทาน สิ่งที่ดี และทำให้ชีวิตพบความสำเร็จอยู่ที่ เราต้องคิดและทำสิ่งที่ดี ตามที่พระเจ้ากำหนด
๒.ชีวิตขึ้นกับสวรรค์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ทรงบันดาล ให้โชคชะตาเราดีโชคชะตาที่ดี ทำให้เราเกิดมาดี มีชีวิตที่ดีและต้องลงคิดลงแรง เอาจริง เราจึงจะได้รับโชคดี
๓.ชีวิตขึ้นกับศาสนาที่ดีมีคุณธรรม เป็นจริงคือ การเป็นศาสนชนที่ดี ยึดถือและปฏิบัติในคำสอนที่ดีถูกต้อง เป็นธรรม
ซึ่ง “คำตอบ” เช่นนี้ ทำให้เราเป็นคนดี และประสบความสำเร็จ ก้าวหน้าในชีวิตแต่หากเรา เชื่อตามทั้ง ๓ ข้อ ข้างบนและเราไม่คิดดีทำดี โดยปล่อยให้ “ทั้ง ๓ สิ่ง”มากำหนดชีวิตเราก็จะได้ผลลัพธ์ ตรงกันข้ามฉะนั้น“ตัวจริงของจริง” ก็อยู่ที่ “ตัวเรา” มีความคิดที่ถูกต้อง และทุ่มเทเอาจริงกับชีวิตมากน้อยแค่ไหน
l ชีวิตคนคนหนึ่ง จะสำเร็จ บรรลุเป้าหมายในชีวิตได้ มิใช่ลำพัง แต่ “ตัวเรา” คนเดียวสังคม ที่กินความหมายใหญ่ เป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งด้วย เพราะ
๑.มนุษย์ เป็นสัตว์สังคม ต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน จึงจะประสบความสำเร็จได้ลำพังตัวคนเดียว จะเก่งปานใดก็ตาม ไม่มีทางจะประสบความสำเร็จได้เอาแค่ เรื่องกิน เราปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ ทำอุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ ในการปรุงอาหารฯ ไม่ได้การรักษาพยาบาล เราต้องพึ่งยา หมอ การรักษาป้องกันที่ต้องพึ่งพาคนอื่นๆ ฯลฯ
๒.สังคม ซึ่งหมายถึง ระบบโครงสร้างของสังคมที่เป็นอยู่ สถาบัน หน่วยงานต่างๆ ครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อนมิตร ประชาชน ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ภูมิอากาศ ที่ตั้งประเทศศาสนา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ข้อมูลข่าวสาร AI ฯลฯ รวมทั้งโลก และโรคภัยไข้เจ็บ เล็กใหญ่ที่เวียนมาเยือนระบบสุริยะจักรวาล และภพต่างๆ ที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับโลกที่เราอยู่
l เราต้องศึกษาเรียนรู้ ทำความเข้าใจ ให้มากที่สุดที่ทำได้ แต่แน่นอน “สังคม” มันใหญ่โตมาก ไม่มีใครที่จะไปเรียนรู้ได้หมดครบถ้วนหัวใจสำคัญ คือ “การจับหลักการ และวิธีการ” ของมันให้ได้ และนำมาใช้ได้ถูก
เช่น ศาสนาพุทธ มีมากมาย หลายซับหลายซ้อน หลายหลักการ หลายเรื่องราว
เช่น พระไตรปิฎก ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ : พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎกและยิ่งปัจจุบัน มีคนเชื่อและอ้างอิง ถึง “พระแท้” หรือความศักดิ์สิทธิ์ ต่างๆ นานา
แต่ที่สำคัญ คือ “การจับและกลั่นกรอง แก่นแท้”ให้ได้ เรื่องเปลือก หรือ กระพี้ ก็เป็นเรื่องรอง เป็นส่วนประกอบ เช่น
๑.คิดดีทำดี
๒.ไม่ทำชั่ว
๓.ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว ให้สามารถทำดี และไม่ทำชั่วได้
๔.การใช้ชีวิตอย่างสมถะพอเพียง เอาจริงกับการงานมีความเพียร ใช้เหตุผล
เราสามารถนำหลักพุทธมาใช้ได้ตลอดเวลา ในชีวิตไม่จำเป็นต้องไปวัดฟังธรรม หรือไปทำบุญ ด้วยเงินมาก และสร้างวัตถุใหญ่โต
เมื่อเราจับหลักธรรม ที่สอดคล้องกับการใช้ชีวิตได้
ทั้งหมดข้างต้นนี้ ก็จะทำให้เรามีใจเป็นสุข ทำงานด้วยความสุขสนุกร่าเริงและจะเป็นหนทางทำให้เราทำงานได้สำเร็จ
@ ในโลกวิชาการ และธุรกิจ เริ่มยอมรับ และเปลี่ยนหลักคิด จาก
ทำงานให้ประสบความสำเร็จ แล้วจะมีความสุข
มาเป็น
เริ่มทำงานด้วยความสุข แล้วจะมีโอกาสประสบความสำเร็จ (ได้มากกว่า)
เพราะ “เมื่อคนเรามีความสุข ความคิดและการทำงานจะสามารถทำได้เต็มที่และมากกว่า”
l หลักคิดบางประการ ที่สำคัญไม่น้อยในการใช้ชีวิต ได้อย่างถูกต้องและสอดคล้องกับเรา
ลักษณะทั่วไป และลักษณะเฉพาะ
ลักษณะทั่วไป เป็นสิ่งที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า เป็นเรื่องดี ถูกต้อง สำหรับคนทั่วไป
ลักษณะเฉพาะ เป็นสิ่งที่สอดคล้องกับ และใช้ได้กับคน สถานที่ฯ เฉพาะโดยนำ เอาลักษณะทั่วไป ที่ได้พิสูจน์แล้วว่า ดี ถูกต้องมาประยุกต์ให้สอดคล้องกับบางคนฯเช่น เรื่องสุขภาพ และการรักษาโรคบางอย่างมีคนแนะนำให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ ได้ผลดีคนแนะ ได้ทำมาแล้วเรื่องนี้ เป็นลักษณะเฉพาะ “ที่การรักษาซึ่งเขานำมาใช้” สอดคล้องกับสุขภาพของเขาหรือการเป็นมะเร็งตามหลักการแพทย์ ควรรักษาตามหลักการทั่วไป และมีการทำคีโมด้วยบางคนปฏิเสธคีโม เพราะมีความคิดความเชื่อที่ไม่ควรใช้คีโมมีน้องคนหนึ่งภรรยาเขาเป็นมะเร็ง และปฏิเสธการแพทย์ ไม่ใช้คีโม ไปรักษาวิธีอื่นแล้วไม่นานก็เสียชีวิตลง น้องคนนี้มาปรับทุกข์กับผม พูดว่า “หากรักษาตามแพทย์” อาจจะรอดเพื่อนที่เป็นมะเร็งอีกคนหนึ่ง ไปรักษาที่โรงพยาบาลมีชื่อแห่งหนึ่ง โรงพยาบาลนี้ใช้การแพทย์แผนปัจจุบัน ทำคีโม เป็นหลัก และมีการเสริม ด้วยยาแผนจีนฯ เป็นตัวช่วยปรากฏว่า หายดี และอยู่มากว่าสิบปีแล้วที่ยกมาเป็นแค่ตัวอย่าง เพื่อประกอบการพิจารณาประเด็นสำคัญ อยู่ที่อาการของการเป็นมะเร็ง อยู่ในระยะใด สภาพป่วยระดับใด และตัวของคนไข้ มีสภาพแข็งแรง ทั้งกายและใจ มากน้อยเพียงใด
l กลับมา ถึงเรื่อง “การพัฒนา หลักคิดและการใช้ชึวิต” เพื่อลิขิตตัวเองของผม
๑.การมีพื้นฐานชีวิตที่ดี สิ่งแวดล้อมดีพอควร ผมเกิดในเมืองไทย ที่จังหวัดลำปาง ที่ทำให้ผมมีวันนี้ เป็นพื้นฐานปู่ย่าตายายและพ่อแม่ เป็นคนดี มีคุณธรรม และทำตัวเป็นแบบอย่างให้ลูกโรงเรียนอรุโณทัย อัสสัมชัญลำปาง รร.เตรียมอุดมศึกษา และคณะวิศวฯรวมทั้งจุฬาฯ
๒.ผ่านการปฏิบัติด้วยตนเอง อย่างมีจังหวะก้าวชีวิตผม ไม่ได้อะไรมาง่ายๆ เมื่อคิดแล้ว มีโอกาส แล้วทำ ทำอย่างเอาจริง
(๑) เข้าร่วมคิดและทำอย่างเป็นกระบวนการเริ่มตั้งแต่ต้น เข้าร่วมและร่วมส่วนท่ามกลาง และทำจนจบ สิ้นสุดงานทำให้เรารับเข้า และเข้าใจ เหตุการณ์และปัญหาอุปสรรค อย่างแท้จริง
(๒) ทำตั้งแต่ เล็ก กลาง และขยายไปจนถึงเรื่องใหญ่ไม่ว่า เรื่องชีวิต และการงาน รวมทั้งงานแทบทุกอย่างจากงานกิจกรรมในโรงเรียน คณะวิศวฯ ก้าวไปถึงงานของสโมสรจุฬาฯ และเข้าสู่การเมือง (ตามเงื่อนไข ปัจจัยและโอกาส) ระดับจุฬาฯ จนไปถึงระดับประเทศรวมทั้งเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ และแทบทุกเหตุการณ์สำคัญของประเทศ
๓.การจับหลักคิดและการสรุปบทเรียน เป็นหัวใจของการพัฒนาตนและงาน
(๑) หลักคิดที่สำคัญ คือ การแสวงหาสัจจะจากความเป็นจริง การนำหลักคิดที่ดี มาประยุกต์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เราเผชิญความคิดที่เป็นวิทยาศาสตร์ ตรวจสอบ และพิสูจน์ได้
ENGINEERING THOUGHT : INPUT >PROCESS > OUTPUT
ธรรมทางพุทธศาสนา ที่มีส่วนสำคัญในด้านจิตใจโดยเฉพาะ ความมีสุขในการทำงานการมีสติ ปัญญา ความจริง และความสงบ สะอาด สว่างมองอย่างสร้างสรรค์ คิดบวก มองโลกด้วยจิตใจที่ดี มีความสุข
(๒) การสรุปบทเรียน เป็นหลักสำคัญยิ่งในการพัฒนาตน คนส่วนใหญ่ ที่ทำงาน มักจะเน้นการวางแผน การบริหารจัดการฯ ให้งานสำเร็จเมื่อเสร็จงานหนึ่ง ไปงานสอง สาม สี่ ห้า จากงานเล็กไปสู่งานใหญ่ มีบทบาทสูงขึ้น มากขึ้นแต่มักละเลยการสรุปบทเรียน เพราะเข้าใจผิดพลาดสิ่งที่สำคัญ คือ คิดว่า ได้คิด ได้ทำมาด้วยตนเองแล้ว อยู่ในหัวแล้ว จบแล้วแต่ความเป็นจริง การสรุปบทเรียน ทำให้เราเข้าภาพรวม และทุกแง่มุมในสิ่งที่ได้ทำไปจุดแข็ง จุดอ่อน ปัญหาอุปสรรค โอกาส รู้แจ้ง ถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้น และการพัฒนา ก้าวเดินต่อไป อาจจะกล่าวได้ว่า “การสรุปบทเรียน คือ มารดาแห่งความสำเร็จในการทำงาน”
๔.การเข้าใจ และมองแนวโน้มของสถานการณ์ การทำงานที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ที่จะมาถึงนี้ คือ หัวใจของความแตกต่างของ “มืออาชีพ” และ “มือสมัครเล่น หรือ ทำงานไปเรื่อยๆ” ผู้นำและคนทำงานส่วนใหญ่ จะขาดทักษะในเรื่องนี้จะทำงาน มองปัญหา ตามสภาพเดิมๆ หรือ อาจจะดีขึ้น แต่มองไม่ทะลุ มองไม่ขาดและต้องแก้ปัญหาไปเรื่อยๆ
๕.ต้องมีความรัก ความจริงใจ และเป็นฝ่ายให้ จึงจะได้เพื่อนร่วมงานที่ดี รักและจริงใจต่อเราจริงได้กล่าวแล้วว่า “เพื่อนร่วมงาน” เป็นความจำเป็น ที่จักนำไปสู่ความสำเร็จของงานการจะได้ “เพื่อนร่วมรบ” เราต้องเป็นฝ่ายให้ และต้องกล้าหาญและเสียสละงานที่ยากลำบาก เราต้องอยู่แถวหน้า เราต้องไม่เอาเปรียบใคร และต้องกล้าแนะนำ ให้ข้อคิดความเห็นที่ถูกแก่เพื่อนที่ทำผิดทำพลาดโดยต้องมีความจริงใจ และมีรูปแบบที่ดีที่เขารับได้
l ทั้งหมด คือ “ข้อคิด” ที่สำคัญ ที่ได้ใช้มาจริงในชีวิตที่ผ่านมาและพยายามเรียนรู้ และปรับปรุง วิธีคิดวิธีทำงาน มาโดยตลอดทำให้เราทำงาน ด้วยความรักความสุข และสำเร็จ ในชีวิตและจักเดินก้าวต่อไปบนเส้นทางสายแห่งชีวิตที่เรากำหนดอนาคตด้วยตนเอง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี