สัปดาห์ที่แล้ว ได้กล่าวว่า การเมืองและการสร้างชาติ คือ การก้าวเข้าสู่อำนาจรัฐ เข้าไปพัฒนาประเทศ ให้ประชาชนของประเทศ (ในที่นี้คือ คนไทย) มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พ้นจากสภาพความยากจน ประเทศสามารถเข้าแข่งขันในยุคโลกาภิวัตน์ (Globalization) และยุคดิจิทัลอีโคโนมี (Digital Economy) ได้
ดังนั้น จึงหมดสมัยที่เราจะมอบหมายอำนาจรัฐ ให้แก่ “นักการเมือง” แบบเก่าๆ ซึ่งเข้ามาทำธุรกิจการเมือง เพื่อความมั่งคั่งของตนเอง และพรรคพวก
ผู้ที่จะคิดเข้าไป “บริหารบ้านเมือง” หรือสร้างชาติไทยให้เจริญเท่าเทียมอารยประเทศ จึงควรจะเป็น นักบริหารมืออาชีพ แขนงต่างๆ ที่มีความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ เป็นอย่างสูง
คุณสมบัติประการต่อไป ของผู้จะเข้าไป “บริหารบ้านเมือง” (ไม่ใช่เล่นการเมือง) ไม่ว่าจะในฐานะ ข้าราชการการเมือง ข้าราชการประจำ (ข้าราชการพลเรือน, ข้าราชการตุลาการ, ข้าราชการทหาร ตำรวจ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ของรัฐอื่นๆ) ก็ได้แก่การเป็นผู้มีคุณธรรม และจริยธรรมสูง ซึ่งก็จะหมายความถึง มีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ฉ้อราษฎร์บังหลวง ไม่หาประโยชน์โดยมิชอบจากตำแหน่งหน้าที่ที่ตนดำรงอยู่ มีความพอเพียง มีการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายพอสมควรแก่ฐานะ ไม่หลงอยู่ในอบายมุข หรือกามารมณ์ อันเป็นต้นเหตุหนึ่งของการทุจริต สรุปแล้วก็คือคุณสมบัติของการเป็น คนดี นั่นเอง มีจิตสาธารณะ รับผิดชอบต่อส่วนรวม มีความขยันขันแข็ง อดทน อดกลั้นต่อความชั่ว เคารพศักดิ์ศรี และคุณค่าของความดี และของคนดี
ดังนั้น ผู้ที่ต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต ด้วยการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของตน และครอบครัว ก็ย่อมทำได้โดยเลือกอาชีพอื่น เช่น การเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneur) นักธุรกิจ (Businessman) นักการธนาคาร (Banker) นักอุตสาหกรรม (Industrialist) ฯลฯ ซึ่งอาชีพเหล่านี้ก็เป็นอาชีพที่ถูกกฎหมาย มิได้ผิดศีลธรรมแต่ประการใด แต่เป็นอาชีพที่ต้องการผลกำไร เป็นเป้าหมายหลัก อย่างไรก็ดี ในขณะที่ประกอบอาชีพอื่นๆ นี้ ก็สามารถเป็นผู้มีคุณธรรม และจริยธรรมไปด้วยพร้อมกัน หรือเมื่อประสบความสำเร็จในอาชีพอื่นแล้ว ก็อาจวางมือในกิจการหากำไร มาเป็นกิจการการสาธารณะ (Public affairs) โดยการมีจิตสาธารณะ มีจิตอาสา ยอมสละประโยชน์ส่วนตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ก็จะเป็นที่น่าชื่นชมยิ่งขึ้น ก็จะเป็นการช่วยสร้างชาติไทยให้เจริญก้าวหน้าได้เร็วขึ้น
อย่างไรก็ดี คุณสมบัติที่ขาดมิได้อีกประการหนึ่ง ของผู้ที่จะเข้ามาบริหารบ้านเมือง เพื่อการสร้างชาติ ก็ได้แก่การมีอุดมการณ์ (Ideology) อันสูงส่ง ในการจะเข้ามารับใช้บ้านเมือง ด้วยความเสียสละ ด้วยความอุทิศใจ อุทิศเวลา และอุทิศตน ให้กับแผ่นดินเกิด ให้กับประเทศไทยที่เรารัก และหวงแหน ดังเช่นที่พระมหากษัตริย์หลายต่อหลายพระองค์ในอดีต ได้ทรงปฏิบัติตนเป็นตัวอย่าง หรือที่ล่าสุดก็ได้แก่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ได้ยึดถือ และปฏิบัติมาตลอดพระชนม์ชีพ ในการอุทิศพระวรกาย พระราชหฤทัย ทำงานเพื่อประชาชนชาวไทยตลอดพระชนมายุขัย
ทั้งนี้ ทั้งนั้น ไม่ได้หมายความว่า มิให้คนไทยไปทำอาชีพอื่น อาชีพอื่นไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ อุตสาหกรรม การธนาคาร การเปิดโรงเรียน และมหาวิทยาลัยเอกชน ฯลฯ ก็ยังเป็นอาชีพที่จำเป็นต่อการสร้างชาติไทยให้เป็นอารยะอยู่ แต่อุดมการณ์อาจแตกต่างออกไปบ้าง จากการเข้ามารับอาสาบริหารบ้านเมือง (แต่ก่อนเขาเรียกว่ามาเล่นการเมือง แต่เล่นกันจนเป็นศัพท์ที่น่ารังเกียจ เพราะมาหากำไร หาความร่ำรวย บนความทุกข์ยากของประชาชนชาวไทย)
อุดมการณ์ของผู้เข้ารับอาสาบริหารบ้านเมือง ไม่ว่าจะโดยการเป็นข้าราชการการเมือง ข้าราชการประจำ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอื่นๆ ก็จะต้องอยู่ที่ความเสียสละ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม หรือประโยชน์ของประเทศชาติสำคัญกว่าประโยชน์ส่วนตน มีความรับผิดชอบต่อความเจริญของประเทศ ต่อความอยู่ดีกินดีของประชาชนชาวไทย มิได้เอาผลกำไร หรือความร่ำรวย เป็นเป้าหมายในชีวิต
สรุปแล้วก็คือ ผู้ที่จะเข้าอำนาจรัฐ จะต้องมีอุดมการณ์ที่เสียสละเป็นประการแรก ว่าจะเข้ามารับใช้บ้านเมือง เข้ามาสร้างชาติไทยให้เจริญก้าวหน้า ให้คนไทยส่วนใหญ่ได้พ้นความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ซึ่งขณะนี้น่าจะแตกต่างกันเป็น 100 เท่า 1,000 เท่าขึ้นไป ระหว่างรายได้ของคนไทยที่ยากจน กับคนที่ร่ำรวย ทั้งนี้ ก็จะต้องเป็นการแก้ไขแบบ ก้าวกระโดด (frog leap) จึงจะทันประเทศอื่นๆ ได้
ส่วนท่านที่เคยทำธุรกิจการเมืองมาก่อน ผมเชื่อว่าท่านเป็นคนฉลาด สามารถในทางธุรกิจ ท่านก็อาจไปเปิดธุรกิจต่างๆ ของท่านได้ ไม่ว่าจะธุรกิจในประเทศ ในประเทศอาเซียน หรือธุรกิจระดับโลก เพื่อให้ได้ผลกำไรมาสู่ตัวท่าน และครอบครัว จากนั้นก็อาจจะเอามาเกื้อหนุนการลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจของคนไทยที่ด้อยโอกาสกว่า ด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การส่งเสริมอาชีพ การช่วยเปิดโอกาสให้เด็กยากจนได้มีโอกาสศึกษา การสร้างงานใหม่แก้ปัญหาคนตกงานโดย Disruption และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งกำลังมีผลต่อแรงงานไทยอย่างรวดเร็ว ตามความก้าวหน้าทางด้าน Digital ของโลก
ปล่อยงานบริหารบ้านเมือง ให้นักบริหารมืออาชีพจากภาคธุรกิจ ภาครัฐกิจ และภาคประชากิจ ที่มีอุดมการณ์ มีความรู้เท่าทันโลกแห่งยุคดิจิทัล มีความชำนาญ และประสบการณ์ โดยมีผลงานที่ชัดเจน (proven record of success) ในด้านการบริหารงานของตน และมีอุดมการณ์ (Ideology) และความเสียสละ (Sacrifice) ที่จะทำงานเพื่อส่วนรวม มิใช่เพื่อส่วนตัว
การเมืองและการสร้างชาติของเรา ก็จะดำเนินไปโดยราบรื่น และรวดเร็ว แบบก้าวกระโดด ได้ภายในระยะเวลาเพียงอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
ศิริภูมิ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี