วันอาทิตย์ ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ในแต่ละวันที่ท่านผู้อ่านก้าวเท้าออกจากบ้าน ขับรถไปทำงานนั่งรถโดยสารไปซื้อของ ขี่มอเตอร์ไซค์ไปทานข้าว ขี่จักรยานหรือแม้แต่เดินไปทำธุระ ท่านคงได้พบเห็นสิ่งต่างๆ ที่กวนใจท่านอยู่ไม่น้อย ผมมั่นใจว่า หนึ่งในนั้นคงเป็น กระเบื้องปูทางเท้าที่ชำรุดมาหลายปี หลังฝนตกแต่ละครั้ง เหยียบลงไปก็ไม่รู้ว่าแผ่นไหนที่น้ำจะพุ่งขึ้นมา ฝาท่อระบายน้ำที่ยุบตัวลงไปไม่รู้ว่าใครจะกลายเป็นผู้โชคดีร่วงลงไปก่อนกัน ถนนที่เป็นหลุมบ่อเหมือนโลกพระจันทร์ ไฟฟ้าสาธารณะที่ดับสนิทมานานหลายปี เกิดเป็นความสงสัยว่าเหตุการณ์แบบนี้เป็นเพราะความเสื่อมสภาพตามกาลเวลาหรือเพราะการทุจริตคอร์รัปชันกันแน่
พอเงยหน้าจากทางเท้ามาอ่านหนังสือพิมพ์ก็เจอพาดหัวข่าวรายวันเป็นการทุจริตคอร์รัปชันในโครงการใหญ่น้อยของภาครัฐจนชินตา ท่านทราบไหมครับว่า ในปี 2561 ที่ผ่านมา โครงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เกิดขึ้นกว่าหลาย 5 ล้านโครงการ ใช้งบประมาณกว่า 1.3 ล้านล้านบาท (ข้อมูลจากระบบ E-GP ของกรมบัญชีกลาง) เคยมีงานศึกษาให้ข้อสรุปว่า งบประมาณดังกล่าวรั่วไหลไปสู่การทุจริตกว่า 30% (หรือเท่ากับประมาณ 3.9 แสนล้านบาท) ซึ่งมากกว่างบประมาณของกระทรวงอันดับ 1 อย่างกระทรวงศึกษาธิการถึง 3 หมื่นล้านบาท (ข้อมูลตามร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี’63)
ทั้งความสงสัยที่เกิดจากภาพที่ท่านเห็นอยู่ข้างหน้าด้วยตาท่านเอง และความเศร้าใจที่เห็นความสูญเสียของงบประมาณชาติในโครงการขนาดใหญ่ที่ไร้ประสิทธิภาพ กลายเป็นความรู้สึกอึดอัดกวนใจให้กับคนไทยจำนวนมากที่ปลุกเร้าพลังไม่รับและไม่ทนกับการคอร์รัปชันอีกต่อไป ร่วมกันขับเคลื่อนการต่อต้านคอร์รัปชันในหลายๆ โครงการตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา นำไปสู่การจับคนโกงชาติเข้าคุกไปหลายคน และประหยัดงบประมาณแผ่นดินไปได้มหาศาล แต่คำถามคือ พลังของคนไทยที่ไม่รับและไม่ทนกับการคอร์รัปชันนี้เพียงพอแล้วหรือไม่ในการต่อสู้กับปัญหาที่หมักหมมอยู่ในสังคมไทยมาช้านาน
ข่าวดีคือ ในวันนี้ที่เทคโนโลยีมีความก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว เป็นโอกาสที่จะนำปัจจัยนี้มาช่วย “เสริมพลัง” ให้กับประชาชนในการต่อสู้กับปัญหาทุจริตคอร์รัปชันได้อย่างมาก ซึ่งช่องทางที่เป็นโอกาสสำคัญนี้ ก็คือการใช้เทคโนโลยีสนับสนุนการเปิดเผยข้อมูล (Open Data) ทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงองค์กรต่างๆ ทางสังคม เพื่อสร้างความโปร่งใส ให้สังคมสามารถเข้าถึงข้อมูล เพิ่มช่องทางให้ประชาชนในการมีบทบาทร่วมกันตรวจสอบและใช้ข้อมูลเพื่อประโยชน์ที่มากขึ้น
การเปิดเผยข้อมูลเกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก พูดถึงประเทศที่ใกล้บ้านเราหน่อยเช่น ไต้หวัน ก็เป็นประเทศที่มีการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐเป็นอันดับ 1 จากการจัดลำดับของ global data index ในปี ค.ศ. 2016 เพราะมีการเปิดเผยข้อมูลในหลายด้าน เช่น งบประมาณภาครัฐ ข้อมูลสถิติต่างๆ รวมไปถึงผลการเลือกตั้ง ประเทศอย่างสหรัฐอเมริกา นโยบายการเปิดเผยข้อมูลก็ได้เริ่มขึ้นตั้งแต่วันแรกของการเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของ บารัค โอบามา ในปี ค.ศ. 2009 เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างความโปร่งใสและการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ (Memorandum on Transparency and OpenGovernment) เพื่อสร้างรัฐที่เปิดเผยและมีความรับผิดชอบ ลดอิทธิพลของกลุ่มผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากนักล็อบบี้เปิดเผยข้อมูลที่ประชาชนเข้าถึงง่ายสามารถติดตามการใช้จ่ายงบประมาณได้ และถือเป็นการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการการเพิ่มอำนาจให้ประชาชนมีบทบาทต่อผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับตัวเอง และนำไปสู่การมี Open Government Initiative
เช่นเดียวกับสหราชอาณาจักร ภายใต้แนวนโยบาย Government Transformation Strategy : better use of dataที่ได้จัดทำเว็บไซต์ data.gov.uk ขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 2010 เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงและนำข้อมูลของภาครัฐไปใช้ได้อย่างเปิดเผย และการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐยังถูกเขียนไว้ใน UK Anti-Corruption Plan เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ ลดปัญหาการทุจริต
การเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้จำเป็นว่าจะต้องเป็นข้อมูลสำหรับการต้านคอร์รัปชันเท่านั้น แต่สามารถเป็นชุดข้อมูลใดๆ ที่จะสามารถเพิ่มโอกาสให้กับประชาชน ได้ใช้ข้อมูลเปิดเผยเหล่านี้ไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ ที่น่าชื่นชมอย่างหนึ่งของภาครัฐไทยคือ วันนี้เราเห็นหลายหน่วยงานรัฐมีความพยายามในการเปิดเผยข้อมูล (แม้ว่าบางหน่วยงานจะค้นหาข้อมูลยากไปหน่อย แต่ก็ดีกว่าไม่เปิดเลยครับ) แต่หากจะใช้ข้อมูลเพื่อสู้กับปัญหาทุจริตแบบเฉพาะเจาะจงก็คงหนีไม่พ้นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเงินงบประมาณภาษี และรายละเอียดโครงการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งกรมบัญชีกลางก็ใจดีเปิดเผยข้อมูลให้เราสามารถไปค้นหาได้
เมื่อเรามีชุดข้อมูลโครงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่เปิดเผยจำนวนมหาศาลขนาดนี้ สนับสนุนด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่มีในปัจจุบัน และความเชี่ยวชาญของกลุ่มคนที่ต่อสู้กับปัญหาคอร์รัปชันมานานหลายปี ทำให้องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ได้จัดทำเครื่องมือเพื่อ “เพิ่มพลัง” ให้กับประชาชน เรียกว่า ACT Ai ซึ่งได้เปิดตัวและเปิดเข้าใช้งานไปเมื่อวันต่อต้านคอร์รัปชัน (6 ก.ย. 2562 ที่ผ่านมา) ACT Ai เป็นเครื่องมือที่รวบรวมข้อมูลโครงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเอาไว้ นำมาใช้กับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการตรวจจับความผิดปกติที่อาจจะเกิดขึ้นในโครงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐและจะแสดงเครื่องหมายเตือน (!) เมื่อโครงการมีความสุ่มเสี่ยงจะเกิดการทุจริต เครื่องมือนี้ท่านผู้อ่านสามารถเข้าไปลองเล่นลองใช้ โดยเริ่มจากใส่ค้นหาด้วยคำ keyword เพียงสั้นๆ (เหมือนเวลาเสิร์ช Google เลยครับ) ระบบจะทำการแสดงผลทุกโครงการที่มีคำ keyword นั้นขึ้นมาให้ท่านได้เลือกและกดเข้าไปดูในรายละเอียด ซึ่งจะบอกข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับโครงการนั้น ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณที่ใช้ของโครงการ หน่วยงานที่ทำการจัดซื้อจัดจ้าง บริษัทที่ประมูลชนะ เอกสารสัญญา และเอกสารสำคัญทั้งหมด และ ACT Ai ยังแสดงตารางเปรียบเทียบวิธีการและรูปแบบการเสนอราคาของแต่ละบริษัทที่เข้าร่วมประมูลในครั้งนั้น และสามารถค้นหาให้ “ลึก” ลงไปอีกว่า บริษัทที่ชนะการประมูลโครงการนี้ เซ็นสัญญากับหน่วยงานรัฐไปแล้วกี่โครงการ รับงานหน่วยงานไหนบ่อยที่สุด มีเจ้าของหรือกรรมการบริษัทเป็นใครบ้าง ซึ่งหากจะอธิบายรายละเอียดทั้งหมดให้ท่านผู้อ่านได้ทราบ เกรงว่าพื้นที่คอลัมน์นี้คงจะไม่พอ ผมจึงอยากเชิญชวนให้ท่านผู้อ่านได้เข้าไปลองใช้เครื่องมือนี้กันที่ actai.co (พิมพ์เข้าไปใน googleได้เลยครับ) นี่ถือเป็นก้าวแรกของการใช้ Ai และเทคโนโลยีมาต่อสู้กับปัญหาคอร์รัปชันในประเทศไทย แต่มีหลายประเทศที่ทำแล้ว
แต่การจะทำให้เครื่องมือนี้ทรงอานุภาพมากขึ้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเชื่อมต่อชุดข้อมูลอื่นๆ อีกมากมายและกว้างขวางมากขึ้น เช่น คำชี้มูลความผิดของ ป.ป.ช. คำพิพากษาของศาลฎีกาคดีอาญาที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต บัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของนักการเมือง และข้อมูลสำคัญที่องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันเป็นผู้ผลักดันให้เกิดขึ้น อย่างข้อมูลจากโครงการข้อตกลงคุณธรรมและโครงการความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐที่พิสูจน์แล้วว่าสามารถลดปัญหาการทุจริตและประหยัดเงินงบประมาณไปได้กว่า 9 พันล้านบาท ก้าวต่อไปที่สำคัญไม่ใช่เพียงแค่การเพิ่มจำนวนและปริมาณชุดข้อมูลเท่านั้น แต่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณของคนใช้เครื่องมือนี้ เพื่อเป็นการเพิ่มพลังให้กับประชาชนที่จะมาร่วมกันต่อสู้กับปัญหาทุจริต และเพิ่มประสิทธิภาพให้ปัญญาประดิษฐ์ได้เรียนรู้และป้องกันการโกงได้มากขึ้น
เล่ามาถึงตรงนี้แล้วผมเชื่อว่า วันพรุ่งนี้ที่ท่านผู้อ่านก้าวเท้าออกจากบ้านไปเจอเป็น กระเบื้องปูทางเท้าที่ชำรุดมาหลายปี ฝาท่อระบายน้ำที่ยุบตัวลงไป ถนนที่เป็นหลุมบ่อ หรือแม้แต่ไฟฟ้าสาธารณะที่ดับสนิทมานานหลายปี ความรู้สึกคงไม่เหมือนเดิม และมาลองใช้ ACT Ai ค้นหาดูกันครับว่า โครงการที่ท่านเห็นว่าวันนี้มันชำรุด แท้จริงแล้วมีสาเหตุมาจากกาลเวลาหรือเพราะมีใครกำลังตักตวงผลประโยชน์จาก
งบประมาณแผ่นดินไปกันแน่ ....
เข้าใช้งาน ACT Ai ได้ที่ actai.co

'อ.เจษฎ์'มาเอง! เปิด7ข้อเคลียร์ความเชื่อผิดๆปมดื่มนมไทย เปิดวาร์ปนมไทยที่เป็นนมโคแท้
'ปราชญ์ สามสี'ฟาด! 'พรรคส้ม' ใช้ 'สองมาตรฐาน' โจมตีกองทัพ แต่ปัดรับผิดคดีในพรรค
ผีตายยาก!เดอ ลิกต์ โขกทดเจ็บบุกแบ่งแต้มไก่
'กัน จอมพลัง' ควงลูกเมียเปิดใจน้ำตาซึม เผยความผิดพลาด เอาเวลาครอบครัวไปช่วยคนอื่น
'กัมพูชา'ขยับแรง! บุกทลาย2รังใหญ่แก๊งสแกมเมอร์ รวบผู้ต้องหากว่า600คนส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี