แนวปะการังในประเทศไทยจะอยู่ในบริเวณหมู่เกาะต่างๆ โดยแบ่งออกเป็นหมู่เกาะทางฝั่งอ่าวไทยและด้านฝั่งอันดามัน หมู่เกาะทางฝั่งอ่าวไทย ได้แก่ หมู่เกาะอ่างทอง เกาะเต่า เกาะนางยวน เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะกูด หมู่เกาะช้าง หมู่เกาะทางฝั่งอันดามันได้แก่ หมู่เกาะสุรินทร์ หมู่เกาะพีพี เกาะตะรุเตา อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา หมู่เกาะสิมิลัน

แนวปะการังมีความสำคัญอย่างมากต่อระบบนิเวศทางทะเล เช่น เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยหากิน แหล่งเพาะพันธุ์วางไข่และเลี้ยงตัวอ่อนของสัตว์ทะเลหลากหลายชนิด ทั้งเป็นแหล่งอาหารของมนุษย์ การประมงบริเวณแนวปะการังให้ผลผลิตสูงมาก เพราะมีสัตว์น้ำหลายชนิดทั้งปลา กุ้ง หอย ปู ปลาหมึก

แต่นับวันแนวปะการังธรรมชาติได้ลดน้อยลงไปมาก เพราะได้รับความเสียหายจากการประมงแบบพาณิชย์ เช่น การใช้เรืออวนลาก อวนรุน

ทำให้ต้องสร้างปะการังเทียม โดยมีวัตถุประสงค์ที่สำคัญ คือ (1) เพื่อให้ระบบนิเวศท้องทะเลได้ฟื้นฟู สัตว์น้ำได้เข้ามาอยู่อาศัย เพราะปะการังเทียมเปรียบเสมือนบ้านหลังใหม่ที่เป็นที่กำบัง ที่อาศัย แหล่งอาหารและแหล่งสืบพันธุ์ของสัตว์น้ำ (2) เพื่อพัฒนาแหล่งทำการประมงบริเวณชายฝั่งให้อุดมสมบูรณ์ (3) เพื่อส่งเสริมและพัฒนาอาชีพในด้านการประมง (4) เพื่อช่วยสนับสนุนมาตรการอนุรักษ์ และการจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำชายฝั่ง (5) เพื่อลดปัญหาการขัดแย้งระหว่างชาวประมงทะเลพื้นบ้าน และชาวประมงพาณิชย์ (6) เพื่อลดปัญหาการว่างงานของชาวประมงทะเลพื้นบ้าน

นับจากปีพ.ศ. 2521 ที่กรมประมงได้บุกเบิกริเริ่มวางแนวปะการังเทียม เพื่อแก้ปัญหาระบบนิเวศทางทะเล ต่อมาได้รับความร่วมมือสนับสนุนจากหน่วยราชการอื่นๆ ที่มอบวัสดุอุปกรณ์ที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว เพื่อนำมาใช้เป็นปะการังเทียม

กรมทางหลวงมอบท่อคอนกรีตที่ชำรุดหลายขนาด เพื่อใช้ในโครงการฟื้นฟูทรัพยากรชายฝั่งทะเล จ.ปัตตานี และ จ.นราธิวาส โดยดำเนินการจัดวางบริเวณทะเลหน้าบ้านทอน อ.เมือง จ.นราธิวาส ห่างจากฝั่ง 10 กิโลเมตร ความลึกของน้ำประมาณ 21 เมตร ทิ้งปะการังเทียม จำนวน 707 ท่อ

การรถไฟแห่งประเทศไทยมอบตู้รถไฟชนิดขนส่งสินค้าที่ไม่ใช้งานแล้ว ให้กรมประมงจัดสร้างปะการังเทียม โดยถอดล้อทำความสะอาดตู้ให้ปราศจากคราบน้ำมัน ไม่ให้เป็นมลพิษใต้ทะเล

กรุงเทพมหานครมอบซากรถเก็บขนมูลฝอยเก่า ซึ่งหมดสภาพการใช้งานจำนวนมาก ที่ทำความสะอาด ตัดล้อ รวมทั้งตัดวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับน้ำมันออก ให้กับกรมประมง

กองทัพบกได้มอบซากรถถังรุ่น T-69 จำนวน 25 คัน กองทัพไทยได้มอบรถยนต์ราดน้ำจำนวน 3 คัน ที่เสื่อมสภาจนไม่สามารถซ่อมแซมได้ นำไปทิ้งในทะเลอ่าวไทย ที่จ.ปัตตานี และทะเลหน้าพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส กองทัพเรือได้นำเรือหลวงที่ปลดประจำการแล้ว นำมาสร้างเป็นปะการังเทียมวางที่พื้นทะเลต่างๆ

การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยวางแนวปะการังเทียมด้วยลูกถ้วยส่งไฟฟ้าแรงสูงที่หมดอายุการใช้งาน ที่อ่าวนาวิกโยธิน ค่ายกรมหลวงชุมพร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี และสร้างปะการังเทียมทรงโดมด้วยคอนกรีตที่มีความทนทานสูง ต้านทานกระแสน้ำได้ดีในพื้นที่ อ.เทพา จ.สงขลา

หน่วยงานต่างๆ ล้วนตระหนักถึงระบบนิเวศใต้ท้องทะเล เห็นความสำคัญและคุณประโยชน์ของปะการังเทียม ที่ทำให้สัตว์น้ำต่างๆ ทวีจำนวนขึ้น การจัดสร้างปะการังเทียมจึงมีมาอย่างต่อเนื่อง

แต่หากมีหน่วยงานเอกชนมาให้ความช่วยเหลือด้วย ถือว่าเป็นเรื่องดี การที่หลายภาคส่วนมาช่วยกัน ธรรมชาติใต้ท้องทะเลย่อมฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ทั้งท้องทะเลเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มนุษย์ทุกคนเป็นเจ้าของ ดังนั้น ทุกคนควรให้ความสำคัญและมีหน้าที่ต้องดูแล

เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2560 กรมประมง เครือเจริญโภคภัณฑ์ มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์ และบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมกันจัด “โครงการความร่วมมือการอนุรักษ์ทรัพยากทางทะเล เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล และฟื้นฟูการประมงชายฝั่งทะเลอย่างยั่งยืน” เพื่อฟื้นทะเล-ชุมชนในพื้นที่ อ.สทิงพระ จ.สงขลา และ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี โดยวางแนวปะการังเทียมด้วยคอนกรีตทรงสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ขนาด 1.5x1.5x1.5 เมตร จำนวนที่ละ 500 แท่ง

นอกจากสัตว์ทะเลจะได้อาศัยปะการังเทียม การวางปะการังเทียมของโครงการนี้ จะมีการศึกษาถึงความเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศ และในปีพ.ศ.2561 จะวางปะการังเทียมเพิ่ม 1,000 แท่ง ที่อ.ระโนด จ.สงขลา และ อ.เมือง จ.นราธิวาส

โครงการนี้สอดคล้องกับแนวทางกรมประมงที่มุ่งมั่นสร้างความร่วมมือกับองค์กรต่างๆ สร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเลให้ถูกต้องตามขั้นตอนเพื่อเพิ่มผลผลิตประมงและสร้างความมั่นคงด้านอาหาร

นับได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ภาคเอกชนให้ความสนใจในการพิทักษ์รักษาคืนความสมดุลให้ท้องทะเล

เชื่อว่าในอนาคตอันใกล้ จะมีหน่วยงานภาคเอกชนอีกหลายแห่งที่ให้ความสนใจส่งเสริมในเรื่องปะการังเทียม และจะทำให้ท้องทะเลไทยเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเล และคืนความอุดมสมบูรณ์ให้กับท้องทะเลไทย ที่สำคัญจะเป็นการสร้างอาชีพ และรายได้ให้กับคนไทย