nn ปีนี้และลากยาวไปจนถึงปีหน้า...การส่งออกไทย...จะไม่ใช่เครื่องยนต์หลักในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยอีกแล้ว...หลังต้องพบกับปัจจัยลบจากผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน และสหรัฐกับประเทศอื่น จนทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ดังนั้นก็ต้องยอมรับว่าภาคการท่องเที่ยวก็ยังเป็นหนึ่งในความหวังของเศรษฐกิจไทย แม้ว่าตัวเลขการเติบโตของการท่องเที่ยวในช่วงครึ่งปีแรก (ม.ค.–มิ.ย.2562) จะยังไม่เป็นไปตามเป้า...คือสามารถทำรายได้รวม 1.55 ล้านล้านบาทขยายตัว 2%....แต่ก็ยังคงให้ความหวังว่าหลังพ้นช่วงโลว์ซีซั่นไปแล้ว การท่องเที่ยวจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง และทำให้ภาพรวมทั้งปี 2562 ไทยจะมีรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 3.2 ล้านล้านบาท ขยายตัว 4.3% จากปี 2561 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 3.08 ล้านล้านบาท
ทว่าการเติบโตทางด้านรายได้และจำนวนนั้นคงไม่สำคัญเท่ากับการเติบโตอย่างมั่งคงและยั่งยืน “ทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ” ผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หรือ อพท. กล่าวว่า หากต้องการให้การท่องเที่ยวของประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืน ต้องปรับกระบวนการการท่องเที่ยวให้มีวิธีบริหารจัดการที่ดี โดยเฉพาะการบริหารจัดการในทุนทางทรัพยากร วิถีชีวิต วัฒนธรรมประเพณี ให้มีคุณค่า ไม่ใช่เพียงแค่อนุรักษ์ แต่คือการสืบสาน เพราะทั้งหมดคือเสน่ห์การท่องเที่ยวของไทยที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างไม่เสื่อมคลาย
อีกประเด็นหนึ่งคือการสร้างการรับรู้ความเข้าใจกับผู้ประกอบการ หน่วยงานภาครัฐ ให้เข้าใจและปรับเข้าสู่บริบทของการจัดการการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน การบริหารธุรกิจท่องเที่ยวอย่างมีคุณภาพให้ได้ผลกำไรอย่างเป็นธรรม ชุมชนมีส่วนร่วมดำเนินการและรับรู้รายได้ไปพร้อมๆ กัน โดยไม่มีผลกระทบทางลบต่อสิ่งแวดล้อม
ภายใต้ยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.0 ที่รัฐบาลมีเป้าหมายการกระจายรายได้ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ “องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท.” จึงเป็นหน่วยงานที่น่าจับตามองและตอบโจทย์ เพราะแนวทางการทำงานของหน่วยงานนี้เท่าที่ทราบมา คือใช้การจัดการการท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือในการกระจายรายได้และลดความเหลื่อมล้ำให้กับคนในชุมชนที่ อพท. ได้เข้าไปพัฒนา จึงเป็นต้นแบบให้อีกหลายๆ ชุมชนได้นำไปปรับใช้
ทั้งนี้อพท. จัดตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 2546 โดยทำหน้าที่เป็นองค์กรกลางในการประสาน ส่งเสริมและสนับสนุนทุกภาคีการพัฒนาให้เข้ามามีส่วนร่วมการบริหารจัดการเพื่อการท่องเที่ยวเชิงบูรณาการ ผ่านกระบวนการการมีส่วนร่วมแบบ Co-Creation ร่วมคิด ร่วมวางแผน รวมปฏิบัติ ร่วมรับผิดชอบ และร่วมรับผลประโยชน์โดยรับผิดชอบในการพัฒนาพื้นที่พิเศษ 6 แห่ง ได้แก่ พื้นที่พิเศษหมู่เกาะช้างและพื้นที่เชื่อมโยง พื้นที่พิเศษเมืองพัทยาและพื้นที่เชื่อมโยง พื้นที่พิเศษอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร พื้นที่พิเศษเลย พื้นที่พิเศษเมืองเก่าน่าน และพื้นที่พิเศษเมืองโบราณอู่ทอง
ล่าสุดจากพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ เพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2562 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2562 เริ่มมีผลใช้บังคับในวันที่ 7 เมษายน 2562 มีผลให้ “อพท.” เข้าไปอยู่ในกำกับดูแลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ทำให้พื้นที่การทำงานด้านการพัฒนาเพื่อการท่องเที่ยวครอบคลุมในเขตพัฒนาการท่องเที่ยว (คลัสเตอร์) รวม 38 จังหวัด ตามที่คณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติประกาศจากก่อนหน้านี้ อพท. จะรับผิดชอบใน 6 พื้นที่พิเศษ รวม 6 จังหวัด
ภารกิจการดูแลพื้นที่ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ อพท.อยู่ระหว่างการปรับยุทธศาสตร์องค์กรระยะ 4 ปี ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ โดยหลักๆ ของแผนดำเนินงานระยะ 4 ปี ของ อพท. แบ่งเป็น 4 กลุ่มการทำงานคือ 1.พัฒนาพื้นที่ต้นแบบเพื่อสร้างการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน ตามเกณฑ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก Global Sustainable Tourism Criteria: GSTC จำนวน 6 แห่ง ในพื้นที่พิเศษ ได้แก่ ชุมชนนาเกลือ ชุมชนเกาะหมาก ชุมชนเมืองเก่า ชุมชนเชียงคาน ชุมชนในเวียง และชุมชนอู่ทอง 2.พัฒนาการบริหารจัดการการท่องเที่ยวโดยชุมชน โดยการพัฒนาและส่งเสริมต้นแบบการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโดยชุมชนที่ได้มาตรฐาน The Criteria for Thailand’s Community-Based Tourism Development (CBT Thailand) จำนวน 40 ชุมชน
3.ส่งเสริมการท่องเที่ยวสร้างสรรค์ เสริมสร้างเศรษฐกิจชุมชน ภายใต้แนวคิด “เมืองสร้างสรรค์” Creative City และ4.บูรณาการร่วมกับทุกภาคีเพื่อพัฒนาขีดความสามารถการแข่งขันทางการท่องเที่ยว Carrying Capacity เพื่อกระจายรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำ เช่น ขยายพื้นที่พัฒนาการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล (Tourism for All) ไปยังจังหวัดทางภาคตะวันออก และการนำนวัตกรรมมาใช้ เช่น ทำระบบฐานข้อมูลท่องเที่ยวในรูปแบบแอพพลิเคชั่นบนมือถือ อย่างเกมส์ 3 มิติ
ทั้งนี้ที่สิ่งที่น่าติดตามคือการบริหารจัดการตามการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก หรือ GSTC ขององค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UNWTO) ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ที่จะใช้เป็นมาตรฐานการวัดความยั่งยืน แบ่งเป็น 2 ชุด คือ 1.หลักเกณฑ์ด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน สำหรับแหล่งท่องเที่ยว (Destination) หรือ GSTC-D และ 2.หลักเกณฑ์ด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนสำหรับภาคธุรกิจ หรือ GSTC-I มี 2 กลุ่มย่อย ได้แก่ หลักเกณฑ์สำหรับโรงแรม (Hotel) และหลักเกณฑ์สำหรับบริษัทนำเที่ยว (Tour Operator) เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปใช้เป็นแนวทางขั้นพื้นฐานการบริหารจัดการการท่องเที่ยวให้เกิดความอย่างยั่งยืนและเพื่อสร้างการยอมรับในหลักการของการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในระดับสากล
GSTC มีแนวทางการบริหารจัดการที่สามารถครอบคลุมได้ 4 มิติ คือ 1) มิติด้านการบริหารจัดการอย่างยั่งยืน 2) มิติด้านการเพิ่มผลประโยชน์และลดผลกระทบเชิงลบทางสังคม - เศรษฐกิจแก่ชุมชนท้องถิ่น 3) มิติด้านการเพิ่มผลประโยชน์และลดผลกระทบเชิงลบทางวัฒนธรรมแก่ชุมชนและนักท่องเที่ยว และ 4) มิติด้านการเพิ่มผลประโยชน์และลดผลกระทบด้านลบทางสิ่งแวดล้อม
ดังนั้น บทบาทการทำงานของ “อพท.” นับจากนี้ไปย่อมเป็นความท้าทายเพื่อนำพาให้ “อพท.”ก้าวขึ้นเป็นหน่วยงานแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ Sustainable Development Organezation :SDO ในอนาคตโดยเฉพาะการตอบโจทย์การท่องเที่ยวที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของคนในท้องถิ่นให้ดียิ่งขึ้นอันจะนำมาซึ่งความยั่งยืนของระบบเศรษฐกิจไทยที่มาจากฐานรากอย่างแท้จริง
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี