ll สงสัยจะเข้าตำรา “เคราะห์ซ้ำกรรมซัด” สำหรับภาคการส่งออกของไทย...หลังจากโดนหางเลขจากผลของสงครามการค้า...และรับเต็มๆ กับพิษเงินบาทแข็งค่า (ปีนี้ 7% ย้อนหลัง 3-4 ปี 15%) ...ตามมาด้วยโดนสหรัฐตัดสิทธิ GSP… อีกไม่นานจะโดนของใหม่อีกแล้ว...จากการตอบโต้ทางการค้าของ ฟิลิปปินส์...ซึ่งไม่นานมานี้...สื่อต่างชาติรายงานว่า..รัฐบาลฟิลิปปินส์เร่งพิจารณาแนวทางตอบโต้ทางการค้าที่เป็นไปได้ต่อประเทศไทยอย่างจริงจัง ซึ่งมีแนวโน้มสูงว่าจะมีการเรียกเก็บภาษีรถยนต์ที่ส่งออกจากประเทศไทยก่อนสิ้นปีนี้ เพื่อตอบโต้กรณีประเทศไทยปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามคำวินิจฉัยขององค์การการค้าโลก (WTO) ในการแก้ไขการปฏิบัติทางภาษียาสูบที่มีการเลือกปฏิบัติต่อผลิตภัณฑ์ยาสูบที่นำเข้าจากฟิลิปปินส์....
ในรายละเอียดของข่าวระบุว่า...นายเซเฟอร์ริโน เอส. โรดอลโฟ ปลัดกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม (DTI) กล่าวว่า DTI ได้สั่งการให้ผู้แทนฟิลิปปินส์ที่องค์การการค้าโลกในนครเจนีวา ร้องขอให้สำนักเลขาธิการระงับข้อพิพาทเข้าพบประเทศไทยเพื่อแจ้งท่าทีของฟิลิปปินส์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว “กระบวนการนี้สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งหมายถึงว่ารัฐบาลฟิลิปปินส์อาจใช้สิทธิการตอบโต้ภายในเดือนธันวาคมหรือก่อนสิ้นปีนี้”
ด้านนายรามอน เอ็ม. โลเปซ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า “เราได้โน้มน้าวให้ประเทศไทยปฏิบัติตามคำตัดสินของ WTO แล้วแต่หากประเทศไทยยังคงนิ่งเฉย เรามีความจำเป็นต้องเคลื่อนไหวเพื่อตอบโต้” ทั้งนี้ นายโลเปซย้ำว่าจำเป็นต้องมีการศึกษาให้รอบคอบ โดยระบุว่าจะมีการเจรจาต่อรองและหวังว่าประเทศไทยจะชดเชยความเสียหายที่เกิดจากการส่งออกบุหรี่ หากประเทศไทยยังคงปฏิเสธ ฟิลิปปินส์ต้องใช้มาตรการภาษีศุลกากรมากกว่าการจำกัดปริมาณนำเข้า (QR) ด้วยเหตุผลว่า QR ถูกจำกัดโดยระเบียบว่าต้องไม่มีผลกระทบในด้านรายได้ แต่สุดท้ายแล้วผลิตภัณฑ์ที่ได้รับผลกระทบจะมีราคาสูงขึ้น
“มาตรการทางภาษีจะมีการป้องกันและรายได้ที่ชัดเจนจากการกำหนดอัตราภาษีซึ่งนี่เป็นเหตุผลว่าเหตุใดเราจึงต้องการที่จะใช้มาตรการภาษีศุลกากรมากกว่าการจำกัดปริมาณนำเข้า (QR) เพื่อวิธีการแก้ปัญหาทางค้า”
นายโรดอลโ กล่าวอีกว่า รัฐบาลฟิลิปปินส์ปฏิบัติตามข้อตกลงเกี่ยวกับการระงับข้อพิพาทภาษีบุหรี่ หรือ DS 371 ที่ลงนามร่วมกับประเทศไทย ในปีพ.ศ. 2555 ต่อหน้า WTO ก่อนหน้านี้ WTO ได้ตัดสินให้ฟิลิปปินส์ชนะคดีที่มีกับไทยทุกคดีแต่ประเทศไทยก็ยังไม่ยอมปฏิบัติตามคำตัดสินดังกล่าว ซึ่งจากคำตัดสินของ WTO ประเทศฟิลิปปินส์ มีสิทธิ์ที่จะตอบโต้โดยทั่วไปผู้ร้องเรียนอาจทำการระงับสิทธิประโยชน์หรือข้อผูกพันในภาคธุรกิจเดียวกัน ที่พบว่ามีการละเมิดหรือบกพร่อง อย่างไรก็ตามหากผู้ร้องเรียนเห็นว่าไม่สามารถทำได้หรือไม่ได้ผลเพียงพอหากตอบโต้ในภาคอุตสาหกรรมเดียวกันการตอบโต้ทางการค้าอาจทำในภาคอุตสาหกรรมที่ต่างกันได้
นายโรดอลโฟอธิบายว่าเนื่องจากฟิลิปปินส์ไม่ได้นำเข้ายาสูบประเทศไทยมากนัก การตอบโต้ด้วยผลิตภัณฑ์เดียวกันนั้นจะไม่ยุติธรรมต่อความเสียหายทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการที่ประเทศไทยปฏิบัติอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมายกับสินค้าส่งออกของฟิลิปปินส์
ประเทศไทยเป็นแหล่งนำเข้ารถยนต์อันดับหนึ่งของฟิลิปปินส์ จากปี 2557 ถึงปี 2561 ฟิลิปปินส์นำเข้ารถ 428,000 คัน จากประเทศไทย ซึ่งเป็นสินค้าที่อยู่ในพิกัด HS 8703 และ 8704 หรือพิกัดภาษีสำหรับรถยนต์ที่ใช้สำหรับการขนส่งของบุคคลและพิกัดภาษีสำหรับรถขนส่งสินค้า การนำเข้าที่ใหญ่เป็นอันดับสามของฟิลิปปินส์จากประเทศไทยก็คือข้าว
“เรากำลังพิจารณาสิทธิในการตอบโต้การส่งออกผลิตภัณฑ์ยานยนต์จากประเทศไทยอย่างจริงจัง เพราะนั่นคือสินค้าเรานำเข้าจากประเทศไทยมากที่สุด”
นายโรดอลโฟกล่าวว่า ภายใต้ข้อตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน ยานยนต์ที่ผลิตภายในภูมิภาคและการค้าขายระหว่าง 10 ประเทศสมาชิกอาเซียนจะไม่มีภาษี ดังนั้น DTI จะพิจารณาทางเลือกสองทางคือการจำกัดปริมาณการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปจากไทย หรือการกำหนดมาตรการป้องกัน ภายใต้มาตรการ QR ปริมาณอาจขึ้นอยู่กับปริมาณการนำเข้าในช่วงสามปีที่ผ่านมา ในหลายกรณี การนำเข้าที่สูงกว่าเกณฑ์อาจต้องชำระอัตราภาษีแบบ “เกินโควตา” ในระบบนี้องค์ประกอบโควตาจะมีระดับอัตราภาษีเฉพาะเพื่อให้ระดับการป้องกันที่ต้องการ นอกเหนือจากการจำกัดปริมาณการนำเข้าแล้ว มาตรการลงโทษทางภาษีจะหมายถึงราคาที่สูงขึ้นของผลิตภัณฑ์ที่อยู่ภายใต้มาตรการ QR
ดังนั้นเพื่อยุติการใช้สิทธิการตอบโต้ของฟิลิปปินส์ สิ่งที่ประเทศไทยต้องทำคือการยกเลิกมาตรการทั้งหมดที่ไม่เป็นไปตามกฎระเบียบทางการค้ารวมถึงการปฏิบัติด้านภาษีที่ไม่เป็นธรรมที่มีต่อการส่งออกยาสูบของฟิลิปปินส์ ตามคำตัดสินของ WTO DS371 นอกจากนี้ประเทศไทยยังต้องถอนฟ้องคดีอาญาต่อฟิลิป มอร์ริส ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าบริษัทและพนักงานที่ถูกกล่าวหานั้นได้ปฏิบัติตามกฎหมายศุลกากรอย่างถูกต้องครบถ้วน
เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2562 คณะกรรมการพิจารณาข้อพิพาทองค์การการค้าโลก (WTO) ตัดสินให้ฟิลิปปินส์ชนะตามข้อเรียกร้องที่มีต่อประเทศไทยว่าดำเนินการขัดต่อกฎหมายเกี่ยวกับระเบียบการประเมินภาษีโดยประเทศไทยได้ยื่นอุทธรณ์คำตัดสินในเดือนตุลาคม ซึ่งในครั้งนั้น นายโลเปซได้เรียกร้องให้ประเทศไทยปฏิบัติตามคำตัดสินของ WTO ในทันที“ข้อพิพาท WTO นี้กินเวลานานกว่า 10 ปีแล้ว ขณะนี้ประเทศไทยได้แพ้คำตัดสินคำชี้ขาดและการอุทธรณ์ทั้งสามครั้ง และถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยยอมจะรับคำตัดสินและดำเนินการปฏิรูปการประเมินภาษีศุลกากรดังที่ระบุในคำตัดสินทั้งหมด”
ใครตามข่าวนี้มาตลอดคงพอสังเกตเห็นว่า.....ในประเด็นนี้เหมือนว่าทางการไทย (กรมศุลกากร)...ดูจะถือ “ทิฐิ” มากไปหน่อย...ถึงตรงนี้ก็ต้องคิดใหม่แล้วว่า จะยอมลด “ทิฐิ” ลง หรือจะยอม ให้ตลาดส่งออกรถยนต์ และอาจจะลามไปถึงข้าว...เสียหาย..
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี