วันศุกร์ ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2568
nn รถยนต์ไฟฟ้า (EV Car)...กำลังถูกพัฒนาอย่างเข้มข้นในหลายประเทศที่พัฒนาแล้ว สำหรับประเทศไทยนั้นว่ากันตามจริงรัฐบาลก็พยายามจะส่งเสริมให้เกิดการลงทุนรถยนต์ไฟฟ้ามา 4-5 ปีแล้ว...แต่ก็ต้องยอมรับว่าจนถึงวันนี้ยังไม่เห็นอะไรที่เป็นรูปธรรมมากนัก เนื่องจากมีเงื่อนไขต่างที่เป็นข้อจำกัดหลายเรื่อง ทั้งเรื่องนวัตกรรม เรื่องของโครงสร้างอุตสาหกรรมรถยนต์ของไทยในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ด้วยกระแสของโลกและตอนนี้มีเรื่องของ ฝุ่นพิษ PM 2.5 ในประเทศที่กำลังรุนแรงขึ้นทุกขณะ และรถยนต์สันดาป (ICE) ก็เป็นหนึ่งในตัวการสำคัญที่ปล่อยPM2.5 น่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวเร่งที่ทำให้เกิดการปลุกกระแส รถยนต์ไฟฟ้าในไทยอย่างจริงจังขึ้นอีกครั้ง
ปัจจุบันทั่วโลกมีสัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้าไม่ถึง 2% ของรถยนต์ทั่วโลก ซึ่งนั้นก็แปลว่าตลาดยังเหลืออัตราการเติบโตที่สูงมาก มีการคาดการณ์กันว่าภายในอีก 20 ปีข้างหน้า สัดส่วนจะเพิ่มเป็น 30% เมื่อเจาะลึกลงไปในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ก็จะมี Supply chain สำคัญ
อยู่ 5 กลุ่มหลัก
1.Raw Materials - วัตถุดิบที่สำคัญในการอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า คือ แร่ลิเธียมซึ่งเป็นหัวใจหลักของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า แม้ว่าจะเป็นแร่ราคาแพงแต่ด้วยเหตุที่แร่ลิเธียมยังมีอยู่จำนวนมาก จึงทำให้ราคาเพิ่มขึ้นได้ไม่มากนัก2.Battery Lithium – ปัจจุบันราคาลดลงจาก250 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง ลดลงมาเหลือ 170 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง และ มีแนวโน้มลดลงอีกในอนาคตจากการที่เทคโนโลยีในการผลิตที่ดีขึ้นและราคาแร่ลิเธียมลดลง และความต้องการใช้แบตเตอรี่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างมาก จึงเป็นจุดที่ได้เปรียบในตลาด ทำให้ขนาดของตลาดมีขนาดเติบโตขึ้น อีกทั้งผู้ผลิตมีสิทธิบัตรทรัพย์สินทางปัญญาซึ่งเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะ ทำให้ธุรกิจนี้มีโอกาสเติบโตได้สูงในอนาคต
3. EV Car Manufacturers - การผลิตรถยนต์ไฟฟ้านั้นมีนำชิ้นส่วนหรืออะไหล่จากโรงงานผลิตรถยนต์แบบเดิมมาใช้ได้เพียง 23% เท่านั้น เพราะการขับเคลื่อนด้วยน้ำมันและไฟฟ้านั้นต่างกันสิ้นเชิง จึงมีโอกาสที่จะเห็นการเข้ามาแข่งขันของผู้ผลิตรายใหม่ เพราะไม่จำเป็นต้องใช้ Know how เดิม แต่ผู้ผลิตเดิมก็ยังได้เปรียบในเรื่องของ Brands และช่องทางการขายและบริการ ที่สั่งสมมานานและเป็นที่ไว้วางใจของลูกค้า
4.EV Charging Station - สำหรับรถไฟฟ้านั้นสามารถเติมพลังงานได้ทั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะหรือในบ้านและที่ทำงาน ซึ่งทำให้ผู้ใช้รถสะดวกมากขึ้น อย่างไรก็ตามขณะนี้สถานีชาร์จไฟฟ้ายังไม่ใช่สถานีแบบ Fast Charge ทำให้ส่วนใหญ่ใช้เวลาในการชาร์จนานถึง 5 ชั่วโมง ซึ่งอาจจะยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว 5.Battery Recycling - สำหรับแบตเตอรี่ที่ใช้แล้วนั้นยังคงมีกำลังไฟมากถึง70% ซึ่งเราสามารถนำไปรีไซเคิลใช้ได้อีกครั้ง เช่น ในประเทศญี่ปุ่น Toyota จะนำแบตเตอรี่ ของ Prius Hybrid ที่หมดอายุแล้วมาใช้เก็บพลังงานไฟฟ้าจากแผงโซลาร์ของร้าน 7-11 เป็นต้น และปัจจุบันประเทศจีนสามารถครองตลาดการรีไซเคิลแบตเตอรี่มาใช้ใหม่มากที่สุดในโลก
ถึงตรงนี้ภาครัฐโดยเฉพาะกระทรวงอุตสาหกรรม คงจะพอมองเห็นโจทย์สำคัญของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าแล้วว่าอยู่ตรงไหนบ้าง และมองเห็นแล้ว่าอะไรคือความท้าทาย อะไรคือโอกาสของภาคเอกชนที่จะเข้ามาเล่นในอุตสาหกรรมนี้ ถ้าภาครัฐต้องการจะส่งเสริมเกิดอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยอย่างจริงจัง ก็ต้องตีโจทย์ให้แตก แล้วออกมาตรการสนับสนุนให้ตรงจุด ด้วยพื้นฐานอุตสาหกรรมรถยนต์ของไทยในปัจจุบันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่ไทยจะ Move on จากอุตสาหกรรมรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป (ICE) และรถยนต์ไฮบริด (Hybrid หรือ HEV/PHEV)ไปสู่อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV หรือ BEV)
ขอบคุณข้อมูลจาก...SCB CIO
กระบองเพชร

ทภ.1 สดุดีทหารกล้า 3 นาย สละชีพปกป้องอธิปไตยของไทย ชายแดนบ้านหนองจาน
สุรเดช เปิดใจ หลังลา พปชร. ลั่นอนาคตยังไม่แน่นอน หากไม่มีพรรคอุดมการณ์ตรงกัน ขอเว้นวรรคไปก่อน
จีน ประกาศคว่ำบาตร 20 บริษัทของสหรัฐฯ ฐานขายอาวุธครั้งใหญ่ให้ไต้หวัน
ไอซ์ รัชนก ท้าทายชาวชลบุรี มารวมตัวกันขับไล่ตนเอง พรุ่งนี้
ก.ล.ต. กล่าวโทษ หมอบุญ วนาสิน พร้อมพวกอีก 13 ราย กรณีปั่นหุ้น THG ปี 65-66

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี