nn หลายคนบอกว่าประเทศไทยจะกลับมาบูมอีกครั้งหลังจากจบวิกฤติโควิด-19 แน่นอนว่าด้านสาธารณสุขไทยไม่เป็นรองใคร ยืนอันดับ 6 ของโลกและอันดับ 1 ของเอเชีย...และอาจจะขึ้นมายืนอันดับ 1ของโลกด้วยซ้ำเมื่อดูที่การต่อสู้กับการระบาดของโควิด-19 ในด้านเศรษฐกิจนั้นก็มีสัญญาณชี้ไปทางแนวโน้มที่ว่าไทยจะกลับมาเป็นที่น่าสนใจในการลงทุนของโลกอีกครั้ง เมื่อล่าสุด US News & World Report สำนักข่าวจากสหรัฐอเมริกา....ได้เผยแพร่ข่าว ความเห็น และผลการจัดอันดับต่างๆที่ได้รับความนิยม...โดยได้เปิดเผย การจัดอันดับประเทศที่เหมาะสมการเริ่มต้นธุรกิจมากที่สุดในโลก ประจำปี 2563 หรือ Best Countries to Start a Business 2020 โดยสำรวจจากผู้บริหารหรือผู้มีอำนาจตัดสินใจในการลงทุนของธุรกิจต่างๆ จำนวน 6,000 ราย...พบว่า ประเทศไทย ติดอันดับ 1 ของโลก ประเทศที่ดีสุดในการเริ่มต้นธุรกิจจากทั้งหมด 73 ประเทศ โดยอันดับรองลงมาได้แก่ ได้แก่ อันดับ 2 มาเลเซีย อันดับ 3 จีน อันดับ 4สิงคโปร์ อันดับ 5 อินเดีย อันดับ 6 ฟิลิปปินส์ อันดับ 7 เม็กซิโก อันดับ 8 สวิตเซอร์แลนด์อันดับ 9 อินโดนีเซีย และอันดับ 10 แคนาดา ขณะที่เวียดนาม อันดับ 12 สหรัฐอเมริกา อันดับ 15 เยอรมนีอันดับ 17 ญี่ปุ่น อันดับ 18 ฝรั่งเศส อันดับ 19 ออสเตรเลีย อันดับ 21 และเกาหลีใต้ อันดับ 23
5 ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการจัดอันดับครั้งนี้ ได้แก่ สามารถลงทุนได้ในราคาไม่แพง ระบบ ราชการ ต้นทุนการผลิตถูก การเชื่อมต่อกับประเทศหรือภูมิภาคอื่นๆ ของโลก (ทำเลยุทธศาสตร์) และเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่าย
นอกจากนี้ผลสำรวจนี้ยังรายงานว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่เหมาะสมกับการลงทุนมากที่สุด หรือ Best Countries to InvestIn เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากโครเอเชียอันดับ 3 สหราชอาณาจักร อันดับ 4 อินโดนีเซีย อันดับ 5 อินเดีย อันดับ 6 อิตาลี อันดับ 7 ออสเตรเลีย อันดับ 8 เวียดนาม อันดับ 9 ลัตเวีย และอันดับ 10 สิงคโปร์
ก่อนหน้านี้ ธนาคารโลก (World Bank) ได้เผยแพร่การจัดอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจประจำปี 2563 (Doing Business 2020) ของประเทศต่างๆ รวม 190 ประเทศ ผลปรากฏว่าประเทศไทยได้รับการจัดอันดับที่ 21 ดีขึ้น 6 อันดับจากอันดับที่ 27 ในปี 2562 โดยประเทศไทยได้รับคะแนน 80.10 คะแนน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 1.65 คะแนน นับเป็นอันดับที่ดีที่สุดของไทยในรอบ 6 ปี และมีคะแนนขึ้นมาใกล้เคียงกับประเทศสิงคโปร์ ซึ่งอยู่อันดับที่ 2 (86.20 คะแนน) และมาเลเซีย ซึ่งอยู่อันดับที่ 12 (81.50 คะแนน) โดยด้านที่ไทยได้รับอันดับดีขึ้นและคะแนนสูงขึ้นมีอยู่ 2 ด้าน ได้แก่ (1) ด้านการขออนุญาตก่อสร้าง (Dealing with Construction Permits) ที่ประเทศไทยมีอันดับดีขึ้นจากอันดับที่ 67 (71.86 คะแนน) ในปีที่แล้ว เป็นอันดับที่ 34 (77.30 คะแนน) ในปีนี้ เป็นผลมาจากการดำเนินการลดขั้นตอนในการขออนุญาตก่อสร้าง (Procedures) ลงจาก 19 ขั้นตอน เหลือ 14 ขั้นตอน และลดระยะเวลาดำเนินการ (Time)ลงจาก 118 วัน เหลือ 113 วัน และ (2) ด้านการคุ้มครองผู้ลงทุนเสียงข้างน้อย (Protecting MinorityInvestors) โดยประเทศไทยมีอันดับที่ดีขึ้นจากอันดับที่ 15 (75.00 คะแนน) ในปีที่แล้ว เป็นอันดับที่ 3 (86.00 คะแนน) ในปีนี้ จากคะแนนด้านการคุ้มครองสิทธิของผู้ถือหุ้น (Ease of ShareholderSuits Index) ที่เพิ่มขึ้นจาก 8 คะแนน เป็น9 คะแนน โดยมีคะแนนเต็มอยู่ที่ 10 คะแนน
ล่าสุดเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)ลงนามในประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนที่ 3/2563 เรื่อง มาตรการกระตุ้นการลงทุน....สาระสำคัญคือ 1.ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนที่ 4/2562 ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2562 เรื่อง มาตรการเร่งรัดการลงทุน 2.ข้อ 2 กำหนดให้พื้นที่ทุกจังหวัดเป็นเขตส่งเสริมการลงทุน ข้อ 3 เงื่อนไข 3.1 ต้องเป็นกิจการในกลุ่ม A1 A2 และ A3 ยกเว้นกิจการที่ไม่มีที่ตั้งสถานประกอบการ เช่น กิจการขนส่งทางอากาศ กิจการขนส่งทางเรือ เป็นต้น และประเภทกิจการ 2.17, 6.15, 6.16, 6.17 และ 7.24 ที่ตั้งในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ 3.2 ต้องเป็นโครงการที่ได้รับสิทธิและประโยชน์การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตามมาตรการส่งเสริมการลงทุนต่างๆ รวมกันแล้วไม่เกิน 8 ปี 3.3 ต้องมีเงินลงทุน โดยไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน ดังนี้ 1.ต้องมีการลงทุนจริงไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ ถึง 30 ธันวาคม 2563 หรือ 2.ต้องมีการลงทุนจริงไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาทตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ ถึง 30 ธันวาคม 2564 และ 3.4 จะไม่อนุญาตให้ขยายเวลาการนำเข้าเครื่องจักร ทั้งนี้ จะพิจารณาขยายเวลาเปิดดำเนินการตามความเหมาะสม
ข้อ 4 กำหนดให้โครงการที่ดำเนินการตามเงื่อนไขในข้อ 3 ได้รับสิทธิและประโยชน์การลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลร้อยละ 50 เป็นระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันที่กำหนดระยะเวลาการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสิ้นสุดลง ข้อ 5 ประกาศฉบับนี้ใช้กับโครงการที่ยื่นขอรับการส่งเสริมตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2562 ถึงวันทำการสุดท้ายของปี 2563 ข้อ 6 การขอรับสิทธิและประโยชน์เพิ่มเติมตามมาตรการกระตุ้นการลงทุนฉบับนี้ จะต้องยื่นหลักฐานการลงทุนจริงตามแบบที่สำนักงานกำหนดภายในวันทำการสุดท้ายของเดือนมิถุนายน 2565
มาถึงตรงนี้ก็ต้องบอกว่าประเทศไทยยังมีศักยภาพมากกว่าอีกหลายประเทศทั่วโลก...แต่ด้วยข้อเท็จจริงขณะนี้ที่คนไทยกว่า 20 ล้านคน (1 ใน 3 ของประชากรทั้งประเทศ) ต้องร้องขอเงินเยียวยาจากรัฐเพื่อยังชีพ...การที่คนไทยต้องปลิดชีพตัวเองและครอบครัวหนี้พิษเศรษฐกิจ...อีกหลายล้านชีวิตหลายล้านครอบครัวต้องเข้าคิวรอรับบริจาคอาหาร...เพราะภัยจากโควิด-19 ซึ่งไม่ผิดถ้าจะบอกว่าสะท้อนถึงความไม่เข้มแข็งของโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคมไทยได้เป็นอย่างดี...ดังนั้นจากนี้ต่อไปหากว่าไทยกลับมาบูม ขึ้นอีกครั้งจริงๆ ก็ควรให้เติบโตด้วยความเข้มแข็งจากภายใน ยืนยันด้วยโครงสร้างที่แข็งแกร่ง ไม่ใช่โตแต่เปลือกนอกและความมั่งคั่งกระจุกตัวอยู่แต่เฉพาะคนไม่กี่เปอร์เซ็นต์ของประเทศ...
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี