nn คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (OTCC)...กำลังดำเนินการออกประกาศคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า เรื่อง แนวทางพิจารณาการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมระหว่างผู้ประกอบการธุรกิจในบริการรับและส่งอาหารผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์กับผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหาร...โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 53แห่งพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2560...ซึ่งใจความสำคัญหลักๆ ของร่างประกาศฉบับนี้ เช่น ในข้อที่ 3 การปฏิบัติทางการค้าระหว่างผู้ให้บริการรับและส่งอาหารฯ กับ ร้านอาหาร ต้องไม่เป็นการบังคับ ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่เป็นการกีดกัน มีบรรทัดฐานชัดเจน เป็นลายลักษณ์อักษรข้อ 4 การปฏิบัติทางการของผู้ให้บริการรับและส่งอาหารฯ ซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นการกระทำอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่ร้านอาหาร เช่น 1.การเรียกรับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่ไม่เป็นธรรม 2.การกำหนดเงื่อนไขทางการค้าที่เป็นการจำกัดหรือขัดขวางการประกอบธุรกิจของผู้อื่นอย่างไม่เป็นธรรม 3.การใช้อำนาจตลาดหรืออำนาจต่อรองที่เหนือกว่าอย่างไม่เป็นธรรม 4.การปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมอื่นๆ ทั้งนี้ในข้อกำหนดข้อที่ 4 ได้มีการระบุรายละเอียดต่างๆรวมแล้ว 16 ประเด็น เช่น เรื่องการเรียกเก็บส่วนแบ่งรายได้ การเรียกเก็บอัตราค่าธรรมเนียมการโฆษณา ค่าการส่งเสริมการขายในโอกาสพิเศษ (Promotion)การกำหนดเงื่อนไขแบบ Exclusive Dealingการแทรกแซงหรือการจำกัดอิสระในการกำหนดอัตราราคาอาหาร การบังคับกำหนดราคาให้เท่ากันทุกช่องทางจำหน่าย (Rate Parity Clause) การประวิงเวลาจ่ายค่าสินค้าตามเวลา (Credit Term)การปฏิเสธการทำการค้ากับร้านอาหาร (Refusal to deal / Boycott) ฯลฯ
เมื่อเร็วๆ นี้ OTCC ได้เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น ต่อร่างประกาศดังกล่าว จากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน...โลกการค้า...อาจจะต้องใช้พื้นที่ในคอลัมน์ “โลกการค้า” นำเสนอข้อมูลที่ได้จากเวลานี้อย่างต่อเนื่องหลายครั้งต่อจากนี้ไปจึงจะครบถ้วนได้ระดับหนึ่ง...เนื่องจากมีการแสดงความคิดให้อย่างกว้างขวางและหลากหลายประเด็นในร่างประกาศฉบับนี้
เริ่มจากความเห็นจากนักกฎหมาย เกี่ยวกับเจตนารมณ์ของประกาศนี้ เนื่องจากมีความสงสัยว่าเมื่อคณะอนุกรรมการ(ของ OTCC) แจ้งว่า ประกาศนี้ เป็นไปตามมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 (ว่าด้วยเรื่องการควบคุมดูแลพฤติกรรมการประกอบธุรกิจให้มีการดำเนินธุรกิจอย่างเสรีและเป็นธรรม)แต่เมื่อได้ทำการอ่านและศึกษาดูแล้ว มีความไม่แน่ใจว่าประกาศดังกล่าว อ้างอิงมาจากอนุมาตราไหน อยากให้คณะอนุกรรมการระบุให้ชัดเจนกว่านี้ เช่น ข้อนี้ คณะอนุฯ เห็นว่าเป็นไปตามอนุมาตรา 1 เป็นการกีดกันทางการค้า จากนั้นค่อยอธิบายว่า เป็นการกีดกันทางการค้าอย่างไร ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง เช่น Exclusive dealing คือการกีดกัน เป็นต้น จากนั้น เราคิดว่าควรให้ความเห็นที่ชัดเจนด้วยว่า การกีดกันทางการค้าดังกล่าว มีองค์ประกอบอย่างไร จึงจะถือว่าเป็นการกระทำความผิด เพราะหากบอกแต่เพียงกว้างว่า ให้ดูที่พฤติกรรมที่เป็นความผิด ก็ชี้ชัดไม่ได้ เพราะบรรทัดฐานไม่ชัดเจน และหากในประเทศไทยยังไม่เคยมีเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นมาก่อน และมาตรา 57ก็กว้างมาก ทำไมจึงไม่ลองดูแนวทางของต่างประเทศเนื่องจากในต่างประเทศเองจะมีความยืดหยุ่น และการทำธุรกิจการค้า ต้องมีการตั้งสมมุติฐานไว้ก่อนว่าถูกกฎหมาย ก่อนที่จะเห็นเป็นอื่น เนื่องจากมีองค์ประกอบที่ชี้ให้เห็นว่าผิด และมีเจตนาที่ทำเพื่อกีดกันและจำกัดการแข่งขันทางการค้า และผลเสียหายต้องเกิดขึ้นจริงกับระบบการแข่งขันทางการค้าโดยรวม ทำให้ผู้ประกอบการรายที่ได้รับผลกระทบไม่สามารถประกอบธุรกิจได้อย่างเป็นธรรม ไม่ใช่สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผิด และให้ผู้ประกอบธุรกิจต้องมาอธิบาย
เอาล่ะฉบับนี้ “โลกการค้า” ขอเปิดหัวเรื่องไว้ตรงที่ประเด็นเรื่องเจตนารมณ์ของประกาศฉบับนี้ไว้ก่อน ฉบับต่อไปจะมาว่ากันต่อในประเด็นของข้อปฏิบัติทางการค้าที่ระบุว่าไม่เป็นธรรม รับรองว่าสนุกกว่านี้อีกเยอะเลย เพราะมีหลายคำถามที่คณะอนุกรรมการ ไม่สามารถอธิบายได้
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี