วันอังคาร ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2568
nn ขณะนี้ผลจากการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ในประเทศไทยที่ยังคงอยู่ในภาวะวิกฤติ และทั่วโลกที่ยังเผชิญการระบาดของโควิด-19 ที่มีการกลายพันธุ์ อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยไปจนถึงจนสิ้นไตรมาสแรกของปีนี้ และจากประมาณการเดิมว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะเริ่มฟื้นตัวได้ในช่วงไตรมาแรกของปีนี้นั้นถึงตอนนี้เชื่อว่าหลายสำนักคงจะต้องออกมาปรับประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจกันใหม่อีกครั้ง
ล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เปิดเผยในรายงานนโยบายการเงินฉบับล่าสุด(9 มกราคม 2564) โดยระบุว่า แม้เศรษฐกิจไทยในภาพรวมจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีความไม่แน่นอนสูงจากการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ในประเทศ โดยมองว่า 2 ปีนี้ (2564-2565) เศรษฐกิจจะอยู่บน “ความไม่แน่นอนสูง”จากหลายปัจจัย โดยช่วงครึ่งแรกของปี 2564 มองว่ามีปัจจัยเสี่ยงหลักมาจากการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ทั้งในไทยและต่างประเทศที่อาจจะรุนแรง ไม่ว่าจะในพื้นที่เดิมหรือการระบาดในพื้นที่ใหม่ จนอาจทำให้รัฐต้องออกมาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มงวดขึ้น
ในรายงานของ ธปท.ระบุว่า การระบาดระลอกใหม่ได้กระทบความเชื่อมั่นและกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และจะส่งผลต่อเนื่องให้สถาบันการเงินอาจระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อในภาคธุรกิจจากความเสี่ยงด้านเครดิตที่สูงขึ้น ซึ่งจะทำให้สภาพคล่องกระจายสู่ภาคธุรกิจน้อยลงกว่าที่คาดไว้ ขณะที่มาตรการพักชำระหนี้เป็นรายกรณีจะสิ้นสุดในช่วงครึ่งปีแรกนี้ ดังนั้นโดยแรงส่งหลักคาดว่าจะมาจากการเบิกจ่ายเม็ดเงินจากแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ (พ.ร.ก. กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท) ที่เน้นกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศเช่น โครงการคนละครึ่ง โครงการเราเที่ยวด้วยกันโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ฯลฯ
สำหรับครึ่งหลังของปี 2564 อาจจะมีความหวังเรื่องของวัคซีนป้องกันโควิด-19 แต่ในไทยคาดว่าจะมีการกระจายวัคซีนราว 20% ของประชากรทั้งหมด ขณะที่ต่างประเทศมีการกระจายวัคซีนป้องกันโควิด-19 ไปบ้าง แต่ปัจจัยเสี่ยงหลักขึ้นอยู่กับว่าประสิทธิผลและการกระจายวัคซีนในประเทศจะคืบหน้าอย่างไร ซึ่งจะส่งผลต่อจำนวนและรูปแบบการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามาประเทศไทย
นอกจากนี้แรงฉุดของเศรษฐกิจไทยปี 2564 คือภาครัฐและธนาคารแห่งประเทศไทยต้องประเมินสถานการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิด ทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ทยอยหมดช่วงในครึ่งแรกของปี 2564 มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ มาตรการทางการเงินที่ออกมาก่อนหน้าจะครบกำหนดสิ้นปี 2564 นี้ เช่น มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ การผ่อนปรนเกณฑ์การจัดชั้นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ การผ่อนปรนเกณฑ์สินทรัพย์สภาพคล่อง การปรับลด FIDF Fee เพื่อการออกมาตรการที่เหมาะสมเมื่อจำเป็น
ในรายงานของ ธปท.ระบุอีกว่า ปี 2564-2565 เศรษฐกิจไทยจะมีแรงส่งหลักคือความคืบหน้าโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในรูปแบบ PPP ซึ่งร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะในส่วน EEC ซึ่งจะสนับสนุนบรรยากาศการลงทุนของประเทศ และความหวังคือนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะทยอยกลับเข้ามาตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2564 นี้ (แต่นักท่องเที่ยวต้องมีใบรับรองการฉีดวัคซีนและการตรวจเชื้อ)
ขณะที่ปี 2565 คาดว่าไทยสามารถเปิดเที่ยวบินเชิงพาณิชย์เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยไม่ต้องมีเงื่อนไขในการฉีดวัคซีนและการกักตัว ในกรณีที่ไทยและต่างประเทศมีการกระจายวัคซีนเพียงพอจะทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ขึ้น แต่ต้องยอมรับว่ารูปแบบการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไปอาจทำให้นักท่องเที่ยวน้อยกว่าที่คาด และมองว่าครึ่งปีหลัง 2565 มีแนวโน้มว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจจะกลับไปใกล้เคียงช่วงก่อนโควิด-19
โดยสรุปภาครัฐต้องติดตามการฟื้นตัวเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด และเร่งดำเนินมาตรการการเงินการคลังที่ออกมาแล้วให้เกิดผลในวงกว้าง รวมถึงการสร้างความต่อเนื่องของมาตรการรัฐ อีกทั้งการประสานนโยบายระหว่างหน่วยงานให้เศรษฐกิจฟื้นตัว ขณะเดียวกันต้องเตรียมมาตรการเพิ่มเติมเพื่อรองรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
นอกจากรายงานของ ธปท.แล้ว อีกบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจ ที่เปิดเผยโดย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี (ไทย) ระบุว่า การกลับมาระบาดของไวรัสโควิดรอบใหม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบริโภคภาคเอกชนอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการท่องเที่ยวในประเทศที่มีโอกาสลดลงต่อเนื่องไปถึงกลางปี 2565 ส่งผลกระทบธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร ขนส่ง และธุรกิจอื่นที่เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว
ความหวังที่จะช่วยกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศน่าจะมาจากกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการเร่งเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ ทั้งการจ้างงานโดยรัฐบาลผ่านโครงการสร้างสาธารณูปโภคในชนบท การเร่งการลงทุนภาครัฐ การโอนเงินดูแลผู้มีรายได้น้อย หรือมาตรการลดรายจ่ายเช่น โครงการคนละครึ่ง และอาจเห็นการสร้างความเชื่อมั่นให้คนมีรายได้สูงมีส่วนกระตุ้นการบริโภคผ่านมาตรการภาษีเพิ่มเติม ด้านธปท. น่าจะหาทางผ่อนคลายเกณฑ์ในการอัดฉีดสภาพคล่องให้ธุรกิจขนาดเล็กผ่านซอฟต์โลนและอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติมเพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจและลดรายจ่ายด้านดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการและครัวเรือน
สำนักวิจัยธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ได้ปรับลดการคาดการณ์เศรษฐกิจปี 2564 จาก 4.1% เป็น 2.6%โดยเพิ่มสมมุติฐานสำคัญสามประการ 1.การระบาดของโควิด-19 ลากยาวต่อเนื่องในช่วงไตรมาสแรกและการรักษาระยะห่างที่ยังมีความจำเป็นตลอดทั้งปี2.ปัญหาทางการเมืองที่อาจกลับมากระทบความเชื่อมั่นนักลงทุนและผู้บริโภคในปีหน้าหากรัฐสภาและผู้ประท้วงไม่สามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้อย่างรวดเร็ว 3.ความล่าช้าในการเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศ ทั้งจากการระบาดในต่างประเทศ และการที่คนในประเทศยังไม่ได้รับวัคซีน มองว่าแม้เศรษฐกิจไทยเสี่ยงฟื้นตัวช้าในปี 2564 แต่หลังจากคนไทยได้รับวัคซีนมากขึ้นและมีการควบคุมการระบาดได้ดีขึ้นในต่างประเทศ การท่องเที่ยวน่าจะกลับมาและน่าจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยเร่งตัวได้ดีขึ้นในปี 2565
กระบองเพชร

ตอกหน้าฝรั่งดูแคลน! ประภาส เปิดอภินิหารคำว่า แล้ว พิสูจน์ความลึกซึ้งที่เหนือกว่า Tense
(คลิป) สื่อเขมร รายงานจริงครั้งแรก! ไทย ใช้ F-16 ทิ้งบอมปอยเปตพังท่องเที่ยวกัมพูชา
ปราชญ์ สามสี สดุดี จ่าเริง วีรบุรุษเนิน 350 ผู้ปกป้องแผ่นดินด้วยชีวิต
ทรัมป์ กร้าว ต้องการ กรีนแลนด์ เพื่อความมั่นคงของ สหรัฐฯ
เขมรกล่าวหาไทย ทิ้งระเบิด พ่นควันพิษ เป็น อาชญากรรมสิ่งแวดล้อม

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี