nn โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน(ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) คือหนึ่งในโครงการเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหลักในการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) โดยเป็นโครงการที่ดำเนินการในรูปแบบสัญญาการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public Private Partnership : PPP) โดยมีระยะเวลาสัญญา 50 ปี มีมูลค่ากว่า 224,544 ล้านบาท และเมื่อโครงการเสร็จสมบูรณ์ คาดว่าจะสร้างรายได้ ให้กับประชาชนในท้องถิ่น โดยมีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจประมาณ 650,000 ล้านบาท รวมถึงการจ้างงานตลอดช่วงระยะเวลาการก่อสร้างสูงถึง 16,000 อัตรา และการจ้างงานในธุรกิจที่เกี่ยวข้องมากกว่า 100,000 อัตรา ใน 5 ปี
หลังจากได้มีการลงนามในสัญญาระหว่าง บริษัทรถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน จำกัด (เอกชนคู่สัญญา) กับการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ไปแล้วเมื่อปี 2562 ทุกภาคส่วนก็ต่างเฝ้ามองความคืบหน้าของโครงการนี้ เพราะเป็นอีกหนึ่งความหวังที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคเอกชนไทย และทำให้ไทยเป็นประเทศที่น่าลงทุนเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
สำหรับความคืบหน้าล่าสุดของโครงการขณะนี้ มีรายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ได้ระบุว่า ทั้งการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และบริษัทรถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน จำกัด ได้ร่วมกันเดินหน้าโครงการอย่างต่อเนื่อง โดยมีความคืบหน้าสำคัญคือ การส่งมอบพื้นที่ก่อสร้าง โดย ร.ฟ.ท. ได้เตรียมการส่งมอบพื้นที่ในช่วงสนามบินสุวรรณภูมิถึงสนามบินอู่ตะเภา ระยะทาง 170 กิโลเมตร (กม.) ซึ่งเป็นพื้นที่ในการดำเนินโครงการประมาณ 5,521 ไร่ งานมีความคืบหน้า 86% ให้กับเอกชนคู่สัญญาแล้ว คาดจะพร้อมส่งมอบพื้นที่ได้ทั้งหมด ภายในเดือนกันยายน 2564 นี้
นอกจากนี้ งานก่อสร้างโครงการฯ เริ่มเห็นเป็นรูปธรรมแล้ว โดยปัจจุบันบริษัทฯ เอกชนคู่สัญญา ได้ดำเนินการออกแบบ และเริ่มงานเตรียมการก่อสร้าง (early work) เช่น ก่อสร้างถนนและสะพานชั่วคราวสำหรับงานก่อสร้างโครงการ ก่อสร้างสำนักงานสนาม บ้านพักคนงาน และก่อสร้างโรงหล่อชิ้นส่วนโครงสร้างทางวิ่ง เมื่อได้รับมอบพื้นที่โครงการฯ ช่วงสุวรรณภูมิถึงอู่ตะเภา จาก ร.ฟ.ท. จะใช้ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 4-5 ปีและจะเปิดให้บริการรถไฟความเร็วสูงช่วงพญาไท สุวรรณภูมิ ถึงอู่ตะเภา ในปี 2568 ตามแผนเร่งรัด
อย่างไรก็ตาม อีกส่วนสำคัญของโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน คือการเชื่อมต่อการเดินทางของประชาชนระหว่างชานเมืองเข้าสู่ในตัวเมือง เพื่อรองรับการเชื่อมต่อกับรถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกฯ โดยรถไฟฟ้า แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ซึ่ง บริษัท รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน จำกัด จะได้รับโอนสิทธิ์การเดินรถแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ จาก ร.ฟ.ท.
ทั้งนี้ นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด และประธานกรรมการ บริษัท รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน จำกัด กล่าวถึงภาพรวมโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน และความพร้อมในการรับมอบรถไฟฟ้า แอร์พอร์ตเรล ลิงก์ ในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ว่า บริษัทฯมีความพร้อมที่จะดำเนินการรับช่วงต่อจาก ร.ฟ.ท. ได้แบบไร้รอยต่อตามสัญญาซึ่งเป็นไปตามแผนงาน และกำหนดเวลาที่วางไว้ โดยสั่งการให้ผู้เชี่ยวชาญการเดินรถและให้บริการระบบรางทั้งจากต่างประเทศและในประเทศลงพื้นที่ตรวจสอบระบบอย่างละเอียด พร้อมสำรวจความคิดเห็นจากผู้โดยสารเพื่อนำไปเป็นแนวทางการพัฒนาและปรับปรุงแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ให้พร้อมบริการได้อย่างต่อเนื่องทันทีที่เข้ามารับช่วง โดยเฉพาะในด้านความปลอดภัย และความสะดวกสบาย
“โครงการนี้ถือเป็นความหวังของประเทศในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ บริษัทฯจึงทุ่มเทสรรพกำลังในการดำเนินงาน เพื่อให้ผู้โดยสารได้สัมผัสกับประสบการณ์การเดินทางที่ดียิ่งขึ้นทันทีที่เราเข้าไปดำเนินงาน ซึ่งต้องทำให้ดีตั้งแต่ก้าวแรก ต้องพร้อมทั้งในแง่ของระบบการเดินรถ ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย เพราะรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์จะเป็นเส้นทางเชื่อมต่อสู่เส้นทางรถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกในอนาคตอีกด้วย” นายศุภชัยกล่าว
ด้านนายสฤษดิ์ จิณสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทรถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ว่าตามสัญญาบริษัทฯ จะได้รับมอบสิทธิ์ในการบริหารจัดการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ตั้งแต่ วันที่ 25 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป แต่หลังจากที่บริษัทฯ ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญระดับโลกลงพื้นที่ ประกอบกับผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนผู้ใช้บริการ ทำให้พบว่ามีความจำเป็นที่บริษัทฯจะต้องลงทุนเพิ่ม เพื่อปรับปรุงระบบ และสถานี ซึ่งจะทำให้บริษัทฯสามารถให้บริการประชาชนได้ทันที
“บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมในการรับมอบเป็นอย่างมาก ดังนั้นเมื่อคณะผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศมีความเห็นให้ดำเนินการปรับปรุงระบบและสถานีให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน บริษัทฯ จึงมีมติให้อัดฉีดงบประมาณเพิ่มเติมกว่า 1.7 พันล้านบาทสำหรับดำเนินงานล่วงหน้าก่อนรับโอนสิทธิ์ โดยเริ่มวางแผนงานตั้งแต่ต้นปี 2563 และทยอยดำเนินการในช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้ ได้แก่ 1.การเตรียมการด้านบุคลากร และการถ่ายทอดเทคโนโลยี 2.การเตรียมความพร้อมด้านระบบ และเทคนิค 3.การเตรียมความพร้อมด้าน การปรับปรุงสถานี และการให้บริการ จัดให้มีการเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้ความสำคัญกับกลุ่มผู้พิการ และกลุ่มเปราะบาง ด้วยการออกแบบอารยสถาปัตย์ (universal design) ซึ่งเป็นการออกแบบเพื่อทุกคน และ 4.การเตรียมความพร้อมด้านความปลอดภัย เพราะต้องการให้ความเชื่อมั่นกับผู้โดยสารว่าทันทีที่บริษัทฯ เข้ามาดำเนินงาน ผู้โดยสารจะได้รับประสบการณ์การเดินทางที่ดียิ่งขึ้นตั้งแต่วันแรก และมีความต่อเนื่อง”
นอกจากการปรับปรุงการเดินรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ก่อนการรับมอบสิทธิ์ตามสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินแล้ว บริษัทฯ ยังมีแผนการพัฒนาและปรับปรุงในด้านอื่นๆ อีกที่จะต้องดำเนินการหลังรับมอบสิทธิ์ อาทิการปรับปรุงรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ อย่างต่อเนื่อง และปรับปรุงเพื่อรองรับรถไฟความเร็วสูง (HSR) การปรับปรุงเพื่อเพิ่มความปลอดภัย (Safety and Security)การปรับปรุงเพื่อยกระดับคุณภาพบริการ (Level of Service and Customer Satisfaction) และการปรับปรุงเพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ เช่นการใช้งานเทคโนโลยี เป็นต้น
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี