บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) วิเคราะห์หุ้นบริษัทท่าอากาศยานไทย หรือ AOT เราคาดว่า AOT จะขาดทุนสุทธิ 4.15 พันล้านบาท ใน 4Q64F แย่ลงจากขาดทุนสุทธิ 3.73 พันล้านบาท ใน 4Q63 และ 4.08 พันล้านบาท ใน 3Q64 โดยคาดว่ารายได้จะอยู่ที่ 1.50 พันล้านบาท (-19.1% YoY, -10.0% QoQ) ขณะที่คาดว่า EBIT margin จะ -306.9% จาก -258.7% ใน 4Q63 และ -255.5% ใน 3Q64 เมื่ออิงตาม ประมาณการ 4Q64 ของเรา ผลขาดทุนสุทธิในปี FY64F จะอยู่ที่ 1.53 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงกับประมาณการผลขาดทุนปี FY64F ของเราที่ 1.59 หมื่นล้านบาท
สำหรับ 4Q64F คาดว่าจะยังคงได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ที่ระบาดหนักในประเทศไทย สถานการณ์เลวร้ายสุด
ช่วงเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม รัฐบาลต้องคุมการเดินทางในประเทศเข้มงวดขึ้นถึงแม้ว่าสถานการณ์การเดินทางทางอากาศจะดีขึ้นเล็กน้อยจากโครงการนำร่อง “Phuket Sandbox” ที่เริ่มวันที่ 1 กรกฎาคม แต่ยังไม่พอที่จะชดเชยการเดินทางในประเทศที่ลดลงจึงคาดว่าผลประกอบการจะยังคงอ่อนแอต่อเนื่องใน 4Q64F ขณะที่มาตรการบริษัทในการให้ความช่วยเหลือสายการบินและผู้เช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์ยังมีผลถึงเดือนมีนาคม 2565
เปิดประเทศปัจจัยขับเคลื่อน
เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศว่าจะผลักดันให้มีการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้วจากประเทศต่างๆ อย่างน้อย 10 ประเทศ (เช่น อังกฤษ, สิงคโปร์, เยอรมนี, จีน
และสหรัฐ) โดยจะอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศไทยทางอากาศได้โดยไม่ต้องกักตัวตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน เป็นต้นไป ตามแผนเดิมที่รัฐบาลกำหนดไว้ เรามองว่าประเด็นนี้เป็นพัฒนาการด้านบวกสำหรับประเทศไทย และ AOT เรายังคงคาดว่าผลประกอบการจะพลิกฟื้นได้ในอีกสองสามปีข้างหน้า ปัจจัยหลักจะมาจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งแต่เริ่มเปิดประเทศบางส่วนใน 4Q64
ฟื้นตัวในช่วงปี FY65-66F
เรายังคงมองบวกกับแนวโน้มการฟื้นตัวของ AOT ซึ่งจะเริ่มดีขึ้นตั้งแต่ FY65F ก่อนที่จะฟื้นตัวในปี FY66F เราคาดว่า
ผลประกอบการใน 1H65F จะยังคงถูกกระทบจากมาตรการให้ความช่วยเหลือของบริษัทที่ยังคงมีผลต่อเนื่องไปจนถึงเดือนมีนาคม 2565 อย่างไรก็ตามคาดว่าผลการดำเนินงานโดยรวมจะพลิกฟื้นหลังการเปิดประเทศตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 ดังนั้นจึงยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี FY65-66F ที่ 4.13 พันล้านบาทและ 2.29 หมื่นล้านบาท
จากประเด็นการพลิกฟื้นของ AOT เราจึงยังคงคำแนะนำซื้อและประเมินราคาเป้าหมาย DCF ปี FY65 ที่ 74.50 บาท โดยมีปัจจัยเสี่ยงจาก COVID-19 ระบาด, เศรษฐกิจถดถอย และปัญหาความไม่สงบทางการเมืองในประเทศไทย
ที่มา : บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี