ข่าวการเสียชีวิตของดาราสาว แตงโม หรือน.ส.นิดา พัชรวีระพงษ์ ที่ตกสปีดโบ๊ท ยังครองพื้นที่สื่อและยังคงเป็นทอล์ก ออฟ เดอะทาวน์ อย่างต่อเนื่อง สาเหตุการเสียชีวิตยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นอุบัติเหตุนักสืบโซเชียลมีการตั้งข้อสังเกตไว้มากมาย รวมถึงเป็นไปได้หรือไม่ที่แตงโมอาจถูกฆาตกรรม บางคนที่ต้องการช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยการส่งคลิปและข้อมูลที่เชื่อว่าน่าจะเป็นประโยชน์ งานนี้เรียกว่า ตำรวจต้องทำคดีให้กระจ่างจนสิ้นสงสัย
เรื่องที่ทำให้ผู้ติดตามข่าวแตงโมต้องแปลกใจและมีการพูดถึงกันมาก คือ เมื่อคุณแม่แตงโมออกมาพูดถึงการให้อภัย “ไฮโซปอ” และ “โรเบิร์ต” พร้อมเรียกเงินเยียวยา 30 ล้าน โดยประเมินจากอายุและการทำงานของลูกสาว ถ้าแตงโมมีชีวิตอยู่ต่ออีก 30 ปีเล่นละครได้เรื่องละ 8 แสน-1 ล้านบาท เอา 30 ปีคูณเข้าไป คุณแม่แตงโมยังพูดด้วยว่า นี่ยังไม่นับค่าถ่ายแบบ ค่าโฆษณา ทั้งยังกล่าวว่า ตอนนี้แม่เป็นผู้จัดการมรดกแตงโมแล้ว
นอกจากค่าเสียหายที่กล่าวมาแล้ว ในส่วนของมรดก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1600 วางหลักว่า “กองมรดกของผู้ตายได้แก่ ทรัพย์สินทุกชนิดของผู้ตาย ตลอดทั้งสิทธิหน้าที่และความรับผิดต่างๆ เว้นแต่ตามกฎหมายหรือว่าโดยสภาพแล้ว เป็นการเฉพาะตัวของผู้ตายโดยแท้” นั่นหมายความว่า ทรัพย์สิน หรือ สิทธิที่ได้มาหลังจากถึงแก่ความตายไม่ใช่ทรัพย์มรดก เช่น เงินฌาปนกิจสงเคราะห์ เงินบำเหน็จตกทอด และเงินประกันชีวิตของผู้ตาย
เงิน 30 ล้านบาท และเงินประกันชีวิต จึงไม่ถือว่าเป็นมรดกของแตงโม กรณีของเงินประกันชีวิตถ้าเจ้ามรดกตั้งใจจะให้ใคร ต้องเป็นไปตามคำสั่งของเจ้ามรดก
ตามกฎหมาย ทายาทโดยธรรมมี 6 ลำดับ คือ (1) ผู้สืบสันดาน ทั้งนี้ ยังรวมถึง คือ บุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย, บุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้ว และบุตรบุญธรรม (2) บิดามารดา ในกรณีของบิดาเฉพาะบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายเท่านั้นที่มีสิทธิรับมรดก(3) พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน (4) พี่น้องร่วมแต่บิดาหรือมารดาเดียวกัน (5) ปู่ ย่า ตา ยาย(6) ลุง ป้า น้า อา
การรับมรดกของทายาทโดยธรรมข้างต้น ต้องพิจารณาสิทธิรับมรดกก่อนหลัง ถ้าลำดับที่ 1 และ 2 ยังมีชีวิตอยู่ลำดับต่อไป จะไม่มีสิทธิได้รับมรดก กรณีของแตงโม พี่ชายจึงไม่มีสิทธิได้รับ
คู่สมรสที่ยังมีชีวิตถือเป็นทายาทโดยธรรม ภายใต้บทบัญญัติพิเศษของกฎหมาย ซึ่งส่วนแบ่งในการรับมรดกของคู่สมรสต้องพิจารณาว่า ทายาททั้งหกลำดับข้างต้นเหลือลำดับใดบ้าง คู่สมรสจะได้ทั้งหมดในกรณีที่ไม่มีทายาททั้งหกลำดับของเจ้ามรดกแล้ว
ผู้รับพินัยกรรม ถือเป็นทายาทที่มีสิทธิรับมรดกเพราะผู้ตายได้กำหนดไว้ในพินัยกรรม
สำหรับการเป็นผู้จัดการมรดก ต้องมีการร้องขอต่อศาลให้แต่งตั้ง ทายาทไม่มีสิทธิแต่งตั้งตนเอง หรือแต่งตั้งผู้อื่น หน้าที่ของผู้จัดการมรดกที่สำคัญ คือ รวบรวม ทำบัญชี และแบ่งปันทรัพย์สินซึ่งเป็นมรดกของผู้ตายให้ทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกของผู้ตาย
ผู้มีสิทธิยื่นคำร้องขอตั้งผู้จัดการมรดก ได้แก่ (1) ทายาท (ทายาทโดยธรรมหรือผู้รับพินัยกรรม) (2) ผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดก เช่นเจ้าหนี้ (3) พนักงานอัยการ
เนื่องจากพ่อและแม่แตงโมได้เลิกรากันตั้งแต่แตงโมอายุได้ 3 ขวบ ค่อนชีวิตของแตงโมจึงอยู่กับพ่อ
ตามหลักกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บิดามารดาจำต้องอุปการะเลี้ยงดู และให้การศึกษาตามสมควรแก่บุตรระหว่างเป็นผู้เยาว์
ในประเทศเกาหลีใต้มีกฎหมายที่ชื่อว่า “คู ฮารา” (Goo Hara Act) กฎหมายคู ฮารา มีเนื้อหาที่สำคัญคือ บุคคลที่ละเมิดหน้าที่การเลี้ยงดูบุตรอย่างร้ายแรง บกพร่องในหน้าที่การเลี้ยงดูบุตร จะถูกตัดสิทธิในการได้รับมรดกของบุตรคนดังกล่าว หากได้รับการพิสูจน์แล้วว่าได้ละเลยจริง ศาลมีอำนาจตัดสินให้ไม่มีการแบ่งทรัพย์สินให้กับบุตรในกรณีเสียชีวิตได้
Goo Hara Act เป็นการแก้ไขจากกฎหมายปันส่วนมรดกฉบับเก่าของเกาหลีใต้ ที่มีเนื้อหา คือ หากบุคคลใดที่ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย เสียชีวิตลง โดยมิได้ทำพินัยกรรมไว้ บิดามารดา หรือผู้ปกครองมีสิทธิในการรับมรดกของผู้นั้นในอันดับแรก แบ่งสัดส่วนระหว่างกันที่ 50-50เว้นกรณีพบว่าเป็นการฆาตกรรม หรือปลอมแปลงเอกสารเพื่อผลประโยชน์ซ้อนเร้น
Goo Hara Act ตั้งชื่อตาม คู ฮารา (Goo Hara)นักร้องนักแสดงหญิงชาวเกาหลีใต้ผู้ล่วงลับ อดีตสมาชิกวงคารา (KARA) ซึ่งจากไปด้วยการกระทำอัตวินิบาตกรรม เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562ด้วยวัย 28 ปี หลังจากที่เธอเสียชีวิต ไม่กี่เดือนแม่ของเธอได้ยื่นคำร้องต่อศาล เรียกร้องมรดกและทรัพย์สินกว่า 300 ล้านบาท ที่จะตกกับพ่อกับแม่ที่ได้ทอดทิ้งเธอและพี่ชายไปตั้งแต่เด็ก เธอต้องไปอาศัยอยู่กับน้าสาวตั้งแต่อายุ 14 ปี ก่อนที่จะเข้าเป็นเทรนนี (ศิลปินฝึกหัด) ในบริษัทบันเทิง จนได้เปิดตัวเป็นศิลปิน K-Pop ที่โด่งดังมากในเวลาต่อมา
กฎหมายนี้ ถูกผลักดันโดย คู อิน-โฮ พี่ชายของคู ฮารา ซึ่งฟ้องร้องต่อศาลว่า มารดาผู้ให้กำเนิดนั้น ไม่สมควรได้รับสิทธิในมรดกของน้องสาว เนื่องจากมารดาได้หย่าร้างกับบิดานานแล้ว ทั้งไม่ได้มีส่วนในการส่งเสียเลี้ยงดูเธอ
แม้กฎหมายฉบับมีผลบังคับใช้ หลังจากที่เธอเสียชีวิตแล้ว และไม่สามารถบังคับใช้ในกรณีคู ฮารานี้แต่พี่ชายของคู ฮาราได้แถลงว่า รู้สึกภาคภูมิใจที่ผลักดันจนสำเร็จเป็นกฎหมาย เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานต่อไป
กฎหมายคู ฮาราในเกาหลีได้สะท้อนให้เห็นอะไรบางอย่างในประเทศไทย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี