วันศุกร์ ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
สภาผู้แทนราษฎรจะครบวาระในวันที่ 23 มีนาคม 2566 แล้วซึ่งตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560มาตรา 102 กำหนดให้มีการเลือกตั้งภายใน 45 วันนับแต่วันที่สภาผู้แทนราษฎรสิ้นอายุ โดยเบื้องต้นสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต. กำหนดให้วันที่ 7 พฤษภาคม2566 เป็นวันเลือกตั้งทั่วไปในเขตพื้นที่ของผู้ใช้สิทธิ และวันที่ 30 เมษายน 2566 เป็นวันเลือกตั้งนอกเขตพื้นที่หรือการใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า
นโยบายหาเสียงที่เป็นประเด็นร้อนแรงของพรรคการเมืองที่ลงสมัครรับเลือกตั้งในคราวนี้คือ นโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน และเงินเดือนจบปริญญาตรี เริ่มต้นที่25,000 บาทขึ้นไป ภายในปี 2570นั้นหมายถึง พรรคการเมืองที่เสนอนโยบายนี้ หากได้รับเลือกเข้าไปดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแล้วมีโอกาสได้เป็นรัฐบาล ครบวาระแล้ว (ครบ 4 ปี) จะผลักดันให้เป็นไปตามนโยบายพรรคที่หาเสียงนี้
กกต. มีหน้าที่หลักเป็นผู้ควบคุมและดำเนินการจัดหรือจัดให้มีการเลือกตั้งหรือการสรรหาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น แล้วแต่กรณี รวมทั้งการออกเสียงประชามติ ให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม
หากพรรคการเมืองที่หาเสียงสามารถทำได้ตามนโยบายที่เสนอไว้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน แต่หากไม่สามารถทำตามนโยบายที่หาเสียงได้ จะถือเป็นโฆษณาชวนเชื่อ ที่เกินความจริงไปหรือไม่ และพรรคการเมืองที่เสนอจะต้องรับผิดชอบกับผลจากการเสนอนโยบายเกินจริงอย่างไร เพราะนโยบายที่พรรคการเมืองใช้หาเสียงย่อมถือได้ว่าเป็นแผนกำหนดแนวทางพัฒนาประเทศ
ควรจะต้องมีกลไกตรวจสอบนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง เพื่อคุ้มครองสิทธิของประชาชนผู้ใช้สิทธิก่อนการเลือกตั้งว่า เกินจริงไปหรือไม่
นโยบายหาเสียงที่เกี่ยวกับการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำนั้น นับเป็นนโยบายยอดนิยมที่พรรคการเมืองไม่ว่าในประเทศไทยหรือต่างประเทศหยิบยกขึ้นมาเพื่อเรียกคะแนนความนิยมจากประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และมักจะมีอิทธิพลต่อความนิยมค่อนข้างสูงแต่การจะทำตามนโยบายนั้นก็ไม่ง่าย เพราะมีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง มีทั้งด้านการเงินการคลัง ด้านเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งวิถีการดำรงชีพของประชาชนในประเทศด้วย
เมื่อวันที่ 3 พ.ค.2565 ร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (สำหรับปี 2566-2570) ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.)ชุดปัจจุบัน นำเสนอต่อ “รัฐสภา” เพื่อทราบและประกาศใช้ ในแผนนี้กำหนดตัวชี้วัดที่สำคัญที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้คือ การคาดการณ์รายได้ประชาชาติต่อหัวเท่ากับ 9,300 ดอลลาร์ หรือประมาณ 300,000 บาทต่อปี หรือ 25,000 บาท ต่อเดือน (ต่อจากเมื่อปี 2564 คาดการณ์รายได้ประชาชาติต่อหัวเท่ากับ 7,097 ดอลลาร์ หรือประมาณ 227,000 บาทต่อปี หรือ 18,917 บาทต่อเดือน)
แต่ปัจจุบันยังมีปัจจัยอย่างอื่นอีก ที่เป็นวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และยังคงมีผลต่อเนื่องถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งมีผลโดยตรงต่อความเป็นไปได้ของนโยบายหาเสียงขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำจะอยู่ที่ 600 บาทต่อวัน ในช่วงปี 2570 ด้วย
การหาเสียงเลือกตั้งที่กำหนดนโยบายโดนใจหรือตรงกับความต้องการของประชาชน จะมีผลทำให้ได้รับคะแนนเลือกตั้งมากขึ้น จนอาจทำให้พรรคการเมืองที่เสนอนโยบายสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้
แต่ความยากจะอยู่ที่ว่า พรรคการเมืองที่กำหนดนโยบายเช่นนั้น จะสามารถทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ได้หรือไม่ มิฉะนั้นแล้วจะเป็นเพียงแค่การขายฝัน ที่พอตื่นขึ้นมาพบกับความเป็นจริงที่ไม่สามารถทำได้ตามความฝัน
ประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง ต้องตัดสินใจให้รอบคอบก่อนที่จะเลือกหรือหลงเชื่อนโยบายของพรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่งมิฉะนั้นอาจเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดและต้องยอมรับความยากลำบากที่เกิดขึ้น จากการตัดสินใจที่ผิดพลาดนั้น จนกว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่ และจัดตั้งรัฐบาลใหม่ครั้งหนึ่ง
การตัดสินใจที่ผิดพลาดในการเลือกตั้ง และต้องรับความลำบาก เป็นเสมือนการถูกลงโทษทางการเมืองอย่างหนึ่งที่ไม่ใช้ความระมัดระวังในการพิจารณาเลือกนโยบายของพรรคการเมือง
สิ่งนั้นคือ สีสันของประชาธิปไตย ที่บางครั้งอาจต้องแลกมาด้วยความสมหวัง และผิดหวัง จากการใช้สิทธิในการเลือกตั้ง

รวบพี่น้องร้านนวด สั่งเด็ก 15 ค้ากาม รับแขกโหดวันละ 6-8 ราย แลกเงิน 300-500 บาท
กัณวีร์ จี้ต่อมสำนึกรัฐบาลช่วยเหยื่อสแกม มินละปาน กว่า 300 คน
ในหลวง พระราชินี พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ธรรมนัส นำนักวิ่งมาราธอนชาวเคนยา เหรียญทองโอลิมปิก และคณะเฝ้าฯ
ศาลอาญารับอุทธรณ์ คดี ม.112 ของ ทักษิณ สั่งจำเลยทำอุทธรณ์แก้ภายใน 15 วัน
กษัตริย์สีหมุนี ยกย่อง2พ่อลูกตระกูลฮุนปกป้องชาติ ชื่นชมคนกัมพูชาสามัคคี

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี