nn กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์หน่วยงานหลักด้านการค้าต่างประเทศ โดยเฉพาะการส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการใช้สิทธิในการลดภาษีเพื่อส่งออกภายใต้ความตกลงต่างๆ เพื่อสร้างแต้มต่อทางการค้าให้แก่ผู้ประกอบการ รวมทั้งเดินหน้าผลักดันการค้าชายแดน-ผ่านแดนและการส่งออกสินค้าเกษตรสำคัญ เช่น ข้าว มันสำปะหลัง เป็นต้น เพื่อให้มูลค่าการค้าของไทยเพิ่มขึ้น รวมถึงติดตามความคืบหน้าการใช้มาตรการทางการค้าของประเทศต่างๆ
โดยในเดือนมกราคม 2566 มีความเคลื่อนไหวด้านการใช้สิทธิในการลดภาษีเพื่อส่งออกภายใต้ความตกลงการค้าเสรีและมาตรการทางการค้า เช่น การใช้สิทธิลดภาษีเพื่อส่งออกภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) จำนวน 12 ฉบับ จากความตกลงฯที่ไทยมีอยู่ 14 ฉบับ (ไม่รวมความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ฮ่องกง ที่ภาษีนำเข้าเป็นศูนย์ในทุกรายการสินค้า และความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นไทย-นิวซีแลนด์ (TNZCEP) ที่ใช้ระบบการรับรองตนเองของผู้ส่งออก (self-declaration)) โดยในปี 2565 (มกราคม-ธันวาคม) มีมูลค่ารวม 84,633.16 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 10.90% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และมีสัดส่วนการใช้สิทธิ 82.11% ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสินค้าสำคัญที่มีมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นในกรอบความตกลงฯ ต่างๆ ได้แก่ ยานยนต์สำหรับขนส่งของที่น้ำหนักรถรวมน้ำหนักบรรทุกไม่เกิน 5 ตัน ทุเรียนสด และเนื้อไก่และเครื่องในไก่ที่ปรุงแต่งหรือทำไว้ไม่ให้เสีย ฯลฯ
กรอบความตกลงที่มีการใช้สิทธิ FTA สูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ (1) อาเซียน ยังคงครองแชมป์ โดยมีมูลค่า 30,793.13 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 17.17%(2) อาเซียน-จีน (ACFTA) มูลค่า 26,290.61ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 3.80%(3) ไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) มูลค่า 6,723.08ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 0.47%(4) ไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) มูลค่า 6,040.69 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัวลงเล็กน้อยที่ 1.90% และ (5) อาเซียน-อินเดีย (AIFTA) มูลค่า มูลค่า 5,723.83ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 30.76%
นอกจากนี้ ยังมีการใช้สิทธิตามกรอบความตกลงอื่นๆ ได้แก่ ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-เกาหลีใต้ (AKFTA) มูลค่า 3,624.87 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น3.77% ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ (AANZFTA) ส่งออกไปออสเตรเลีย มูลค่า 2,710.46 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 17.01% และความตกลงเขตการค้าเสรีไทย-ชิลี (TCFTA) มูลค่า 593.15 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น4.02%
สำหรับความตกลง RCEP ปี 2565(มกราคม-ธันวาคม) มีการส่งออกไปยัง 8 ประเทศ คือ ญี่ปุ่น จีน เกาหลี ออสเตรเลีย สิงคโปร์ นิวซีแลนด์ มาเลเซีย และเวียดนาม มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ รวม 994.77 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีสินค้าส่งออกสำคัญภายใต้ความตกลง RCEP น้ำมันหล่อลื่น(เกาหลีใต้) ปลาทูน่ากระป๋อง ปลาสคิปแจ็คและปลาโบนิโต ชนิดซาร์ดา (ญี่ปุ่น)มันสำปะหลังเส้น (จีน) เป็นต้น
ในส่วนการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) ซึ่งเป็นระบบที่ไทยได้รับสิทธิประโยชน์จากสหรัฐอเมริกา สวิตเซอร์แลนด์นอร์เวย์ และกลุ่มประเทศในเครือรัฐเอกราช โดยในปี 2565 (มกราคม-พฤศจิกายน) มีมูลค่ารวม 3,472.61 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 3.76% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นสัดส่วนการใช้สิทธิ 54.85%โดยตลาดสหรัฐอเมริกาครองแชมป์ มีมูลค่าการใช้สิทธิ ถึง 3,200.09 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 4.18% สวิตเซอร์แลนด์ มูลค่า 253.89 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 5.05% และนอร์เวย์ มูลค่า 15.31 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 12.87% ส่วนกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (CIS) มีมูลค่า 3.32 ล้านเหรียญสหรัฐ
สินค้าที่มีมูลค่าการใช้สิทธิ GSP สูง ได้แก่ ส่วนประกอบของเครื่องปรับอากาศอื่นๆ ถุงมือยาง อาหารปรุงแต่ง กรดมะนาวหรือกรดซิตริก เลนส์แว่นตาทำจากวัสดุอื่นๆ ที่ไม่ใช่แก้ว หีบเดินทางขนาดใหญ่ กระเป๋าใส่เสื้อผ้า หลอดหรือท่อทำด้วยทองแดงบริสุทธิ์ ไร้รอยต่อ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ ระบบส่งกำลังอื่นๆ ภายใต้พิกัด 8701 และ 8702-8705 และพลาสติกอื่นๆ ตามลำดับ
แม้ว่าโครงการ GSP สหรัฐฯ ได้สิ้นสุดอายุไปเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2563 และขณะนี้สหรัฐฯ อยู่ระหว่างการดำเนินขั้นตอนการต่ออายุโครงการฯ ส่งผลให้ผู้นำเข้าสินค้าที่เคยได้รับสิทธิ GSP สหรัฐฯ จะต้องชำระภาษีในอัตราปกติ (MFN rate) ไปจนกว่าโครงการฯ จะได้รับการต่ออายุ แต่เพื่อเป็นการรักษาสิทธิฯ ผู้นำเข้าสามารถยื่นขอใช้สิทธิ GSP ในการนำเข้าสินค้าได้ตามปกติ โดยที่ผ่านมาสหรัฐฯ จะทำการคืนภาษีเมื่อโครงการฯ ได้รับการต่ออายุแล้ว
ในส่วนการส่งออกผ่านการค้าชายแดนและผ่านแดน ปี 2566 กรมร่วมกับภาคเอกชนตั้งเป้าไว้ที่ 1,060,732 ล้านบาทหรือโตเพิ่ม 3% จากปี 2565 ซึ่งอยู่ที่ 1,029,837 ล้านบาท โดยแผนผลักดันที่จะทำให้เป็นไปตามเป้า ได้แก่ (1) แก้ปัญหาการค้าชายแดนและผ่านแดนร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ผ่านการลงพื้นที่และติดตามการแก้ไขปัญหาอย่างใกล้ชิด(2) จัดมหกรรมการค้าชายแดนในพื้นที่จังหวัดชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน (3) บูรณาการร่วมกับจังหวัดชายแดนเพื่อผลักดันการเปิดจุดผ่านแดนเพื่อการขนส่งสินค้าให้ครบทุกจุด โดยสถานะการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ปัจจุบัน (25 มกราคม 2566) ฝั่งไทยเปิด 80 แห่ง จากทั้งหมด 97 แห่ง ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเปิด 72 แห่ง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี