สำนักวิจัยบริษัทหลักทรัพย์(บล.)ทิสโก้วิเคราะห์หุ้นบริษัทเซ็ปเป้หรือSAPPEจากการที่บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้เติบโต 25% และมองเป้าหมาย 1 หมื่นล้านบาทในปี 2026 มุ่งตลาดต่างประเทศเติบโตทุกภูมิภาคปัจจุบันสัดส่วนรายได้ส่งออกเพิ่มเป็น 80% โดยเฉพาะ เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ที่เข้าถึงตลาด modern trade (MT)กว่า 70% ซึ่งยังมีโอกาสเติบโตในตลาด tradition trade (TT) ที่ยังมีไม่ถึง 30%

ขณะที่กลุ่มยุโรปเติบโตมาก ประเทศหลักๆ ที่ส่งออกได้แก่ เนเธอร์แลนด์ อังกฤษ ฝรั่งเศส ซึ่งฝรั่งเศสยังมีโอกาสเติบโตในตลาด MT และ TT และบริษัทขยายตลาดไปกลุ่มตะวันออกกลาง เยอรมนี ญี่ปุ่น และอินเดียเพิ่มขึ้นบริษัทได้ทำการตลาดในเกาหลีใต้ร่วมกับแบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์ และร่วมกับแอปพลิเคชั่นเกมส์ ZEPETO ซึ่งมีสมาชิกกว่า 300 ล้านคนทั่วโลก สร้างไอเทมโมกุโมกเพื่อสร้างแบรนด์โมกุโมกุให้เป็นที่รู้จัก

ในประเทศมีสินค้าออกใหม่ต่อเนื่อง (สัดส่วนรายได้ 20%) ในปีนี้มากกว่า 20SKU สินค้าใหม่ที่ออกแล้ว 7 SKU ได้แก่ กลุ่มบิวตริดริ้ง 2 SKU, เครื่องดื่ม B’lue 2 รสชาติ ได้แก่ ยูซุ-แตงโต และพีช-บ๊วย, เครื่องดื่มกลุ่ม CBD 2 SKU และกุมิกุมิ เยลลี่ 1 SKU

ปีนี้มีการขยายกำลังการผลิตเพิ่ม 30% มาจากการปรับไลน์ผลิตเดิมเพิ่มขึ้น 20% และการจ้างภายนอกผลิต (OEM) 10% และเพิ่มคลังสินค้า บริษัทมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตปี 2024 อีก 1 ไลน์เพิ่มได้ 30% งบลงทุนรวม 800-900 ล้านบาท

การส่งออกเติบโตโดดเด่น คาดกำไรเติบโตเฉลี่ย 32% (CAGR3Y)

แนวโน้มผลประกอบการ 2Q23-3Q23Fยังเติบโตต่อเนื่องจากการทำการตลาดและสินค้าใหม่ 20 รายการ และคาด Q4 จะอ่อนตัวลงตามปัจจัยฤดูกาล เราปรับประมาณการปี 2023-24F เพิ่มจากเดิม 16% และ 22% คาดกำไรสุทธิอยู่ที่ 956 ล้านบาท (+46% YoY) และ 1,206 ล้านบาท (+26% YoY) ตามลำดับ จากคาดการส่งออกเติบโต 25% และ 20% ตามลำดับจากการเพิ่มช่องทางจำหน่ายร่วมกับ distributor การเน้นทำการตลาดทั้ง Offline/Online marketing สำหรับในประเทศคาดเติบโต 15%และ 10% ตามลำดับ จากการออกสินค้าใหม่ การเปิดการท่องเที่ยวในประเทศช่วยหนุนยอดขายกลุ่มเครื่องดื่ม คาดอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากต้นทุนวัตถุดิบและแพ็กเกจจิ้งที่เริ่มลดลง อัตราการใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นปัจจุบัน 81% เกิดการประหยัดขนาด

เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” คาดแนวโน้มผลประกอบการเติบโตต่อเนื่องจากการทำตลาดและพัฒนาสินค้าใหม่ การควบคุมต้นทุน ราคาเป้าหมายใหม่อยู่ที่ 97 บาท จาก 67.75 บาท

ความเสี่ยง : เศรษฐกิจ, ต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น

ที่มา : สำนักวิจัยบล.ทิสโก้